หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ดาวเทียม นภา 2 ดวงตาจากนอกโลกของกองทัพไทย

เนื้อหาโดย News Daily TH x เปิด War

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารคืออำนาจ การเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำถือเป็นหัวใจสำคัญของความมั่นคงของชาติ "ดวงตาจากอวกาศ" หรือดาวเทียมสอดแนมจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปสำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการขึ้นสู่วงโคจรของ ดาวเทียม นภา 2 (NAPA-2) ดาวเทียมเพื่อความมั่นคงที่ปฏิบัติการจริงดวงแรกของกองทัพอากาศไทย บทความนี้จะพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงศักยภาพ ภารกิจ และความสำคัญของดาวเทียมดวงนี้ ที่เปรียบเสมือนผู้พิทักษ์น่านฟ้าไทยจากนอกโลก

จาก นภา 1 สู่ นภา 2: ก้าวสำคัญของเทคโนโลยีอวกาศไทย

ก่อนจะกล่าวถึง "นภา 2" เราต้องย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นคือ ดาวเทียม นภา 1 (NAPA-1) ซึ่งถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2563 ณ ฐานยิงจรวจ Guiana Space Center, French Guiana บนดินแดนของประเทศฝรั่งเศส ทางตอนบนของทวีปอเมริกาใต้ ด้วยจรวจ Vega เที่ยวบิน VV16 ของบริษัท Arianespace "นภา 1" เป็นดาวเทียมขนาดเล็กจิ๋ว หรือ CubeSat ขนาด 6U มีภารกิจหลักในการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจทางอวกาศ (Space Situational Awareness: SSA) รวมถึงการทดลองระบบถ่ายภาพเพื่อสำรวจพื้นที่ที่กองทัพอากาศสนใจ

"นภา 1" ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีดาวเทียมให้กับบุคลากรของกองทัพอากาศ เป็นโครงการนำร่องที่ปูทางไปสู่การพัฒนาดาวเทียมที่มีศักยภาพสูงขึ้นและปฏิบัติภารกิจได้จริงจัง นั่นก็คือ "นภา 2"

ภารกิจหลักดาวเทียม นภา 2 ดวงตาเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ

ดาวเทียม "นภา 2" ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรอย่างประสบความสำเร็จเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 (ตามเวลาประเทศไทย) โดย จรวด Falcon 9 ของบริษัท SpaceX ในภารกิจ Transporter-2 จากสถานีกองทัพอวกาศ Cape Canaveral รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา การปล่อยดาวเทียมครั้งนี้ถือเป็นหน้าประวัติศาสตร์และเป็นการยกระดับขีดความสามารถของกองทัพอากาศไทยอย่างเป็นทางการ ภารกิจหลักของ "นภา 2" มุ่งเน้นไปที่ การลาดตระเวนและเฝ้าตรวจทางยุทธศาสตร์ (Strategic Reconnaissance and Surveillance) โดยตรง ซึ่งประกอบไปด้วย

  1. การป้องกันประเทศ: การถ่ายภาพเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวบริเวณแนวชายแดน การเฝ้าระวังพื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ และการประเมินสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ทำให้กองทัพสามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างทันท่วงทีโดยอาศัยข้อมูลข่าวกรองที่เป็นอิสระของตนเอง
  2. การรักษาความมั่นคงภายใน: ใช้ในการสนับสนุนการปฏิบัติการของหน่วยงานความมั่นคง เช่น การปราบปรามยาเสพติด การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย หรือการก่อการร้าย โดยการระบุพื้นที่เป้าหมายและติดตามความเคลื่อนไหวจากมุมมองที่ไม่สามารถเข้าถึงได้จากภาคพื้นดิน
  3. การสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา: ข้อมูลภาพถ่ายความละเอียดสูงที่ได้จาก "นภา 2" จะถูกส่งตรงมายังศูนย์ปฏิบัติการทางอวกาศของกองทัพอากาศ เพื่อทำการวิเคราะห์และประมวลผล เป็นข้อมูลชั้นต้น (Raw Data) ที่น่าเชื่อถือ สำหรับสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายและยุทธวิธี

ภารกิจเหล่านี้คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองด้านข้อมูลข่าวกรองจากอวกาศ ลดการพึ่งพิงข้อมูลจากต่างชาติ และเสริมสร้างอำนาจต่อรองในเวทีระหว่างประเทศ

ภารกิจรอง ดาวเทียม นภา 2: จากความมั่นคงสู่การพัฒนาประเทศ

นอกเหนือจากภารกิจด้านการทหารแล้ว "นภา 2" ยังมีคุณลักษณะแบบ "Dual-use" คือสามารถนำศักยภาพมาประยุกต์ใช้เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤตได้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นภารกิจรองที่สำคัญไม่แพ้กัน

  1. การจัดการภัยพิบัติ: ในสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย หรือไฟป่า "นภา 2" สามารถถ่ายภาพพื้นที่ประสบภัยเพื่อประเมินความเสียหาย วางแผนการเข้าช่วยเหลือ และค้นหาผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 โดยการระบุจุดความร้อน (Hotspot) ที่เป็นแหล่งกำเนิดไฟป่า
  2. การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ: ใช้ในการสำรวจและติดตามการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ป่าไม้ แหล่งน้ำ การบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการวางนโยบายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
  3. การเกษตรและผังเมือง: สามารถนำข้อมูลภาพถ่ายมาวิเคราะห์เพื่อการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) เช่น การประเมินสุขภาพของพืชผล หรือใช้ในการวางผังเมืองและติดตามการขยายตัวของชุมชน

"ดาวเทียม นภา 2 ไม่ได้มีไว้เพื่อการรบ แต่มีไว้เพื่อสนับสนุนการป้องกันประเทศและการพัฒนาชาติในภาพรวม ทำให้เรามีดวงตาของตัวเองบนท้องฟ้า" - แหล่งข่าวจากกองทัพอากาศ

ดาวเทียม นภา 2 ชัดขนาดไหน?

คำถามที่หลายคนสนใจคือศักยภาพในการถ่ายภาพของ "นภา 2" ว่ามีความคมชัดเพียงใด ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือระบุว่า "นภา 2" เป็นดาวเทียมถ่ายภาพประเภท Optical ติดตั้งระบบจับภาพ Simera Sense Multiscape Imager ที่มีความละเอียดในการถ่ายภาพที่ระดับ ต่ำกว่า 1 เมตร (Sub-meter Resolution) โดยคาดการณ์ว่าอยู่ที่ประมาณ 50 เซนติเมตรต่อพิกเซล

คำอธิบาย: ความละเอียด 50 เซนติเมตร หมายความว่า วัตถุที่มีขนาด 50x50 เซนติเมตรบนพื้นโลก จะปรากฏเป็น 1 จุดภาพ (Pixel) ในภาพถ่ายจากดาวเทียม ซึ่งเป็นความละเอียดที่สูงมากพอที่จะสามารถแยกแยะวัตถุขนาดกลางถึงใหญ่ได้อย่างชัดเจน เช่น สามารถจำแนกประเภทของรถยนต์ เห็นหลังคาบ้านแต่ละหลัง หรือแม้กระทั่งนับจำนวนคนในพื้นที่โล่งแจ้งได้

ภาพดาวเทียม นภา 2 เทียบภาพจาก Google Maps

หลายคนอาจเปรียบเทียบกับภาพที่เห็นใน Google Maps แต่มีความแตกต่างที่สำคัญอยู่ 2 ประการคือ:

  1. ความทันสมัยของข้อมูล (Timeliness): ภาพใน Google Maps เป็นการรวบรวมภาพถ่ายจากดาวเทียมพาณิชย์หลายดวงและภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งอาจมีอายุหลายเดือนหรือหลายปี แต่ "นภา 2" เป็นดาวเทียมที่กองทัพอากาศสามารถ "สั่งถ่าย (Tasking)" ได้ตามความต้องการ ทำให้ได้ข้อมูลที่สดใหม่ (Near Real-time) เพื่อใช้ในภารกิจเฉพาะหน้าได้ทันที
  2. วัตถุประสงค์การใช้งาน: Google Maps มีไว้เพื่อการใช้งานสาธารณะ ในขณะที่ "นภา 2" มีไว้เพื่อภารกิจความมั่นคงและการสนับสนุนภาครัฐโดยเฉพาะ ทำให้สามารถควบคุมการถ่ายภาพในพื้นที่อ่อนไหวได้

ดาวเทียม นภา 2 เทียบดาวเทียมการทหารต่างประเทศ

หากเปรียบเทียบกับดาวเทียมสอดแนมของมหาอำนาจ เช่น ซีรีส์ KH (Keyhole) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่ามีความละเอียดสูงถึง 10-15 เซนติเมตร หรือดาวเทียมพาณิชย์ที่ล้ำสมัยที่สุดอย่าง WorldView Legion (ประมาณ 29 ซม.) อาจกล่าวได้ว่าศักยภาพของ "นภา 2" (ที่ราว 50 ซม.) ยังเป็นรองอยู่บ้าง แต่การมีดาวเทียมระดับ Sub-meter เป็นของตนเองนั้น ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่และทำให้ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีขีดความสามารถทางอวกาศสูง สามารถพึ่งพาตนเองด้านข่าวกรองภาพถ่ายได้อย่างเต็มภาคภูมิ


สรุปบทความ

ดาวเทียม นภา 2 ไม่ใช่เป็นเพียงวัตถุที่ลอยอยู่นอกโลก แต่คือสินทรัพย์ทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งของประเทศไทย เป็นสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านการทหารและอวกาศ การมี "ดวงตา" ของตนเองในวงโคจร ช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการป้องกันประเทศ รักษาความมั่นคง และยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาและช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤตได้อีกด้วย "นภา 2" คือบทพิสูจน์ว่า ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่การเป็นผู้เล่นคนสำคัญในกิจการอวกาศระดับภูมิภาค เพื่อปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติอย่างยั่งยืน

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับดาวเทียม นภา 2

  1. คำว่า "นภา" มีความหมายว่าอย่างไร?

    • "นภา" มีความหมายว่า ท้องฟ้า หรือ อากาศ ซึ่งสื่อถึงหน่วยงานผู้รับผิดชอบโดยตรงนั่นคือ กองทัพอากาศ (Royal Thai Air Force)
  2. ดาวเทียม นภา 2 ถูกส่งขึ้นไปเมื่อไหร่และด้วยจรวดอะไร?

    • ดาวเทียม "นภา 2" ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 (ตามเวลาประเทศไทย) ด้วยจรวด Falcon 9 ของบริษัท SpaceX จากรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา

  3. ดาวเทียม นภา 2 มีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่?

    • โดยทั่วไป ดาวเทียมประเภท Low Earth Orbit (LEO) เช่นนี้ จะมีอายุการใช้งานที่ออกแบบไว้ประมาณ 3-5 ปี แต่อาจใช้งานได้ยาวนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการพลังงานและปัจจัยอื่นๆ ในวงโคจร
  4. ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลจากดาวเทียม นภา 2 ได้หรือไม่?

    • ไม่ได้ เนื่องจากเป็นดาวเทียมเพื่อความมั่นคง ข้อมูลภาพถ่ายจึงถูกจำกัดการใช้งานเฉพาะในภารกิจของกองทัพและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

  5. ดาวเทียม นภา 2 สามารถถ่ายภาพทะลุเมฆได้หรือไม่?

    • ไม่ได้ครับ "นภา 2" เป็นดาวเทียมถ่ายภาพแบบ Optical ซึ่งใช้หลักการเดียวกับกล้องถ่ายรูปทั่วไป คือรับแสงที่สะท้อนจากวัตถุ จึงไม่สามารถถ่ายภาพทะลุผ่านเมฆ หมอก หรือควันหนาทึบได้ ดาวเทียมที่ทำเช่นนั้นได้คือดาวเทียมระบบเรดาร์ (SAR)
  6. ดาวเทียม นภา 2 แตกต่างจากดาวเทียม THEOS-2 อย่างไร?

    • แม้จะเป็นดาวเทียมสำรวจเหมือนกัน แต่มีวัตถุประสงค์หลักต่างกัน "นภา 2" อยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพอากาศ เน้นภารกิจด้านความมั่นคงเป็นหลัก ส่วนดาวเทียม THEOS-2 อยู่ภายใต้การดูแลของ GISTDA (สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ) เน้นภารกิจด้านการพัฒนาประเทศและพลเรือนเป็นหลัก
  7. ใครเป็นผู้สร้างดาวเทียม นภา 2?

    • ดาวเทียม "นภา 2" สร้างโดยบริษัท Innovative Solutions In Space (ISISpace) จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านดาวเทียมขนาดเล็ก โดยมีบริษัท กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) ของไทยร่วมสนับสนุน

  8. การมีดาวเทียมของตัวเองดีกว่าการซื้อภาพถ่ายจากเอกชนอย่างไร?

    • ข้อดีหลักคือ ความเป็นอิสระและความมั่นคงของข้อมูล เราสามารถสั่งถ่ายภาพในพื้นที่และเวลาที่ต้องการได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง และข้อมูลที่ได้ถือเป็นความลับของชาติ ไม่รั่วไหลไปสู่บุคคลที่สาม ซึ่งแตกต่างจากการซื้อภาพที่อาจมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ เวลา และความปลอดภัยของข้อมูล

บทความที่น่าสนใจ by News Daily TH

✪ เกาหลีเหนือ เปิดตัวโดรนพลีชีพ AI รุ่นใหม่ คิม จอง อึน ร่วมสังเกตการณ์ทดสอบ

✪ รู้หรือไม่? ปัจจุบันประเทศฝรั่งเศสมีพรรคคอมมิวนิสต์อย่างเป็นทางการอยู่

✪ พร้อมเพย์ สแกน VS บัตรเครดิต ข้อดี ข้อเสีย แต่ละระบบทั้งผู้บริโภค และผู้ให้บริการ

หากอ่านแล้วบทความมีประโยชน์ กดโหวต ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ ให้ด้วยนะคะ

เนื้อหาโดย: News Daily TH
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
News Daily TH x เปิด War's profile


โพสท์โดย: News Daily TH x เปิด War
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: lo73l1
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วเมื่อ Pedro Pascal ไปอยู่ในจักรวาล Resident Evil จะเป็นอย่าไรพรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล มีผล 19 มิถุนายน 2568 รีวิว ปลอมมาเรียนเนียนมาสืบสลดใจ พ่อแม่ลูกอดอาหารนานนับเดือน ดื่มน้ำประทังชีวิต สุดท้ายลูกชายวัย 14 ปีเสียชีวิตภายในบ้าน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
กลุ่ม"พระเขมรรักชาติ" ไม่ทน ประกาศหยุดบิณฑบาต 7 วัน ร่วมรวมพลังทวงคืนดินแดนจากสยาม“ฮุนเซน” เผยบันทึกเสียงคุยนายกฯ ไทย ย้ำเพื่อความโปร่งใส – ส่งต่อให้ 80 คนในกัมพูชา
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ค้างคาวพูดกันรู้เรื่อง! นักวิจัยเผยภาษาลับในถ้ำค้างคาวเรื่องราวของ Miss Chiquita ราชินีแห่งกล้วยที่คนทั้งโลกหลงรักกอดกันหลังมีเซ็กซ์ เคล็ดลับเติมความสุขให้รักยาวนาน?สุนัขพันธุ์สวีดิช วาลฮุนด์: นักเลี้ยงแกะจิ๋วสายไวกิ้ง
ตั้งกระทู้ใหม่