"เพ้นท์มือ"สิ่งที่ต้องทำเมื่อไปเที่ยวอินเดีย ชุยปุระนครสวยงามมาก
โอม.... สัญลักษณ์ของการเที่ยวอินเดีย เวลาไม่เกินห้านาทีในการทำ
เริ่มจากการบีบย้ำลงที่หลังฝามือ เย็นหลังมือตึงแน่นหลุดเป็นแว่นๆ เมื่อแห้ง
ความสุขในการเที่ยวอินเดียที่ไปในทุกครั้งจะต้องไม่พลาด คือการไปนั่งให้เขาเพ้นท์มือให้ ความรู้สึกในตอนนั้นคือมีความสุขมากเพราะว่าการไปที่ชัยปุระในช่วงเวลานี้คืออากาศเย็นอยู่ที่ประมาณ สิบเก้าองศาคือสูงสุด ตอนกลางคืนนั้นไม่ต้องพูดถึงออกไปเดินเล่นไม่ได้เลยเงียบ ในสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละที่ ก่อนไปเราจะต้องศึกษาในเรื่องของเวลาปิดและเปิดให้มั่นใจ เพราะหากว่าเราไม่รู้ไปถึงจะไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ และในสถานที่แต่ละที่ หากปิดจะไม่มีใครอยู่ให้ถาม การเดินทางค่อนข้างที่จะยากลำบากด้วย ไต่เขาขึ้นไปทั้งลูกกว่าจะถึง หากไปแล้วปิดจะเสียเวลาในการเที่ยวในสถานที่อื่น
ครั้งที่แล้วที่เดินทางมานั้น มากับคณะจะนวนสองคันรถ สิ่งที่ต้องเร่งคือในเรื่องของเวลามีความจำกัด และใช้เวลานานในแต่ละสถานที่ รอกันจนบางครั้งทำให้เสียโปรแกรมในการเข้าชมสถานที่อื่น จนต้องเลื่อนไป แต่สำหรับครั้งนี้รวดเร็วและเดินได้รอบ
หลังจากเพ้นท์เสร็จ ในระหว่างที่เรานั้นรอให้แห้งเราจะต้องไม่ไปจับหรือแตะตัวของมัน หากว่าคันให้ลูบได้พอประมาณ รอไม่เกินสิบนาที ก็แห้งสนิทและจะหลุดออกจากมือไปได้ การเพ้นท์นั้นไม่เป็นอันตรายหรือมีสารพิษ ในน้ำยาที่เพ้นท์คือสมุนไพร และมีส่วนทำให้ผิวของเราดี บำรุงผิวให้ดีขึ้นด้วย เพ้นท์แล้วไม่สามารถที่จะลบได้ทันทีต้องรอจนกว่าจะจางหายไปเอง อย่างนั้นเราต้องเลือกในลายที่เรานั้นชอบจริงๆ
พอเพ้นท์เสร็จต้องมานั่งรอ อย่าให้สัมผัสในส่วนไหน ความสุขในการเพ้นท์นั้นจะเย็นและคันตอนที่เพ้นท์เหมือนเรานั้นนำดินเหนียวมาแปะไว้หนัก แต่หลังจากหลุดออกแล้วจะเป็นปกติ
เวลาที่มองหลังมือไม่ว่าจะทำอะไรโดยเฉพาะเวลาที่เล่นโทรศัพท์มือถือหลงรักมาก เพราะว่าดูเท่ห์และมีมนต์ คำที่เราเพ้นท์อ่านว่าโอมนั้นเป็นการให้พรกับตัวเองและทุกคน มันดูยิ่งใหญ่
หลังจากที่เพ่นมือเรียบร้อยแล้ว เรานำมาดูครั้งนี้สวยงามมาก เป็นผู้หญิงที่เขียนให้ แต่มาในครั้งนั้นเป็นผู้ชายเขียนให้ ความพริ้วของลายจะดูคมมากกว่า การบีบนั้นมีการใช้ในเรื่องของแรงบีบ หากว่ามีการบีบที่ไม่สม่ำเสมอจะทำให้ลายไม่ค่อยสวย ในภาพด้านบนนี้คืออาบน้ำมาแล้วสองครั้ง ยังไม่ลอก ลักษณะจะเหมือนกับการสักลาย
การเพ้นท์แบบนี้มีอีกเหมือนกันใน เสียมเรียบประเทศกัมพูชา แต่ญี่ห้อของน้ำยานั้นมีความแตกต่างกัน จะไม่สวย แล้วพอเราเพ้นท์เสร็จจะไม่แข็งและไม่ติดทนนานเหมือนที่เนปาลหรืออินเดีย ตรงนี้คือสวยงามมาก หากว่าเราจะทำเป็นรูปอะไรสามารถที่จะให้ช่างดูได้ แม้แต่รูปของคนได้เช่นกัน แต่ราคานั้นจะเพิ่มขึ้นจากขนาดหรือลวดลายที่เราทำ ใหญ่มากก็ราคาแพงเล็กก็จะราคาถูก แต่สำหรับที่ทำด้านบนนั้นประมาณ 200 รูปีถ้าหากว่าจำไม่ผิด ถือว่าไม่แพง อยากทำทั้งแขนแต่ว่ากลัวจะลายไม่สวย
การเทียบความสว่างและความชัดของเส้นลายคือสวยมาก ภาพนี้ถ่ายบนที่สูงสวย เวลาที่เรานั้นมองมือของเรายิ่งสวย สามารถที่จะลูบได้ การรักษาไว้นั้นอย่าไปซักผ้า ออกเร็วมาก แต่การถูสบู่หรืออาบน้ำปกติไม่ออกง่าย
ตอนนั้นที่ไปที่พักอยู่หน้าโรงเรียนสูงกว่าโรงเรียนมาก ตอนเช้าหกโมงเช้าขึ้นนั่งมองนักเรียนเดินมาเรียนเข้าโรงเรียนไม่นานประมาณสองชั่วโมงได้กลับบ้านแล้ว
ลายต่างๆ ที่เราเห็นไม่ว่าจะในสถานที่ท่องเที่ยว เพดานห้องนอน ลายในห้องทานข้าว ทุกอย่างเหมือนถูกจัดวางไว้อย่างดี น่าถ่ายภาพทั้งหมดเลย และในความหมายของลวดลายนั้นแสดงถึงวัฒนธรรมที่สื่อสารผ่านภาพจิตรกร
พอใจมากเพราะว่าเวลาที่เรานั้นถ่ายภาพในระยะไกล สามารถมองเห็นในระยะไกล หากว่าเรานั้นนมองไกลจะเห็นชัด บางคนนั้นเพ้นท์ทั้งแขน เพ้นหน้าอกได้ทั้งหมด ตามความพอใจของเรา เวลาที่เราเพ้นท์แล้วใส่ชุดสาหรี่นั้นมันทำให้สวย และเวลาเดินเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวแทบจะดูไม่ออกเลยว่า เราเป็นต่างชาติกลมกลืนมาก
รอนานเลยถ่ายภาพรอ ในคณะที่ไปเที่ยวด้วยกันเพ้นท์กันเกือบทุคน เราอยู่สถานที่แห่งนี้ประมาณหนึ่งชั่วโมงได้เพราะว่าเดินออกมาเจอที่เพ้นท์สวย สถานที่แห่งนี้เป็นที่ประทับของสนมของกษัรตริย์ หรือไทยอาจจะเรียกว่าบ้านของสนม คนที่สวยเท่านั้นถึงจะเข้ามาที่นี่ และชายที่จะเข้ามาที่นี่ได้จะต้องมีเงินและมีระดับอย่างเจ้าเมืองคนเดียว สวยมากด้านใน ประตูมีนกยูงซึ่งเป็นนกยูงและหางของแท้ ราคามหาศาล
ความงามที่ลงตัวสถานที่หินสีชมพูที่มองดูทีไรสวย ไม่ว่าเราจะถ่ายภาพในมุมไหนเราจะติดหินสีชมพูด้วยทุกภาพยิ่งใหญ่อลังการเป็นที่สุด การเข้าในสถานที่แห่งนี้จะมีค่าเข้า และหากว่าเราจะขึ้นไปชมด้านในของอาคารจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม
ในส่วนนของการเดินเขาท่องเที่ยวในชัยปุระนั้นไม่ต้องกลัวในเรื่องของอากาศร้อนเลย เพราะว่าแดดที่นี่ไม่ค่อยมี อากาศหนาวเย็นลมแรงมาก เดินเขาได้สบาย แต่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเดินเที่ยวในบริเวณนี้มากมายเท่าไหร่นัก การขีดเขียนตามหินโบราณมีจำนวนมาก ทำไมถึงบอกว่าหินโบราณคงเพราะว่าความเก่าและตากฝนมานานหลายปี จนเป็นสีดำ สถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นกำแพงเมืองที่ในยามรบนั้น ข้าศึกจะไม่มาต่อสู้่ด้วยแน่นอนเพราะว่าชัยปุระเป็นเมืองที่อยู่สูง แล้วยังมีสถานที่ในการเฝ้ามองข้าศึกด้วย ช่องในการมองเมื่อส่องเข้าไปนั้นมองเห็นทั้งหมดเมือง ยิงนัดเดียวน่าจะข้าศึกตายรวดทั้งหมด
การป้องกันและการดูแลนั้นมีความรอบคอบ และอลังการยิ่งใหญ่มาก ความหนาและความแข็งของหินเทียบไม่ได้กับอะไร ความกว้างใหญ่ เส้นทางการเดินชมเขานั้นยาว นึกถึงกำแพงเมืองจีนได้เลย มองไปเห็นแต่หน้าผา ลมโชยตลอด
ความสุขในการเดินทางท่องเที่ยวที่เมืองชัยปุระคือ อากาศที่นี่เย็นไม่มีแดด เวลาเดินเที่ยวไม่ต้องกลัวแดด ไม่ต้องกลัวว่าเหงื่อจะท่วมกายไม่มี ช่วงนั้นคือผิวดีมาก ชุ่มชื่น น้ำที่อาบก็ไม่คลอลีนเยอะ อาหารในการทานในอินเดียส่วนใหญ่จะเป็นข้าวสาลีเม็ดเล็กแล้วกลางวันเดินเที่ยวจนขาลาก น้ำหนักลด หุ่นดีมากในช่วงนั้น เรียกว่ากลับมาห้องนอนไม่ต้องทำอะไรแล้ว อาบน้ำแล้วหัวถึงหมอนอย่างเดียว
การไปเที่ยวในทุกครั้งนั้นสิ่งที่เราทำคือต้องเที่ยวให้หมด ให้คุ้มค่าไปไหนไปให้หมด ให้ทั่วเพราะว่าเราจะไม่มานอน นอนในเวลาอื่น มาเที่ยวจ่ายมาแล้วกว่าจะมาถึง ออกตั้งแต่ตีห้ากลับมาอีกทีสี่ทุ่มพร้อมนอน
หากว่าได้ไปเที่ยวที่ชัยปุระแห่งนี้อีก จะไปเพ้นท์เหมือนเดิมครั้งนั้นซื้อครีมเพ้นท์มาด้วย แต่พอเ้ราเอามาทำเองกลับไม่สวยคมเหมือนที่เขาทำ เพราะว่าการเขียนไปนั้นจะต้องมีจังหวะในการลาก หากว่าเราลากเร็วหรือช้าเกินไปจะทำให้ลายนั้นไม่สวยด้วย ซื้อกลับมาแต่ทำไม่ได้ ต้องไปเรียนในการเพ้นท์
ครั้งนี้น่าจะมีความสุขครั้งก่อนนั้นอยากไปนะแต่ว่าไม่มีเวลา จะเพ้นท์นะแต่ว่าได้ครึ่งเดียวเพราะว่าคณะรอ และทุกคนนั้นมีเวลารอเราไม่นาน หากว่านั่งเพ้นท์คนเดียวจะหากันไม่เจอ แต่ครั้งนี้ปลื้มที่สุด
















