หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

“I Will Survive” ที่มาของเพลงชาติ LGBTQ+ กับบาดแผลจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ

เนื้อหาโดย Amity609


ถ้าพูดถึงเพลงที่ชาว LGBTQ+ จัดให้เป็นเพลงในดวงใจ หรือพูดกันได้ว่าเป็น "เพลงชาติเกย์" (Gay Anthem) คงจะมีอยู่หลายเพลงด้วยกัน ไม่ว่าจะ "Danching Queen" ของ ABBA ที่อยู่ในอันดับต้นๆ รองมาก็น่าจะเป็น "Village People" ของ YMCA ฯลฯ แต่คงไม่มีเพลงใดที่จะหลุดโพลและดังไปได้เลยนั่นก็คือ "I Will Survive" งั้นกระทู้นี้เรามาอ่านประวัติของเพลงนี้กันดีกว่า

เพลงนี้มีความหมายไปทางเพศที่สามไหม ?
จริงๆแล้วเพลงนี้แม้แต่ผู้ชายอกสามศอกก็ต้องเคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง มันเป็นเพลงดิสโก้สุดคลาสสิกของศิลปินผิวสีชื่อ "กลอเรีย เกย์เนอร์" (Gloria Gaynor) ที่กลายเป็นเพลงประจำชาติของชาว LGBTQ+ ในเวลาต่อมา

แต่จริงๆแล้วคนส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้ว่าต้นกำเนิดของเพลงนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพศที่สามแต่อย่างใด และก็เป็นเพลงที่ไม่ได้ถูกตัดเป็นซิงเกิลแต่แรกด้วยซ้ำไป เพลงถูกปล่อยเมื่อปี 1978 จนได้รับความนิยมล้นหลามจนคว้า "รางวัลสาขาดิสโก้ยอมเยี่ยม" (Best Disco Recording) จากเวที "Grammy Award ประจำปี 1980" ไปครอง

ประวัติของศิลปิน
"กลอเรีย เกย์เนอร์" เกิดเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2486 ที่นวร์กในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา แม่คือ "ควีนนี่ เมย์ พรอคเตอร์" พ่อคือ "ดาเนียล โฟว์เลส" คู่สมรสคือ "ลินวู้ด ไซมอน" มีพี่น้อง 6 คน เธอเติบโตมากับแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ปราศจากพ่อและญาติฝ่ายพ่อ เธอเลยไม่มีต้นแบบของผู้ชายที่ดีในชีวิต


Gloria Gaynor




Linwood Simon

ถูกลวนลามทางเพศแต่เด็ก
ตอนเธออายุ 5 ขวบครอบครัวก็ย้ายไปอยู่บ้านเช่า ร่วมกับครอบครัวสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ไม่มีลูก ทำให้เธอสนิทและไว้ใจเสมือนป้าและลุงแท้ๆ แต่แล้วฝ่ายชายก็ล่อลวงเธอหลอกเธอว่าจะพาไปกินคุกกี้ และพาเธอไปห้องนอนถอดกางเกงเธอออก และเริ่มลวนลามเธอ เธอไม่โอเคด้วยและขู่เขาว่าจะฟ้องแม่ เขาเลยไล่เธอลงไปข้างล่าง แต่เธอก็ไม่ได้ฟ้องแม่หรอก เพราะเธอรู้ว่าแม่เธอไม่ยอมคน แม่อาจจะฆ่าเขาได้ถ้าแม่ติดคุก ก็คงจะไม่มีใครเลี้ยงดูเธอกับพี่ๆน้องๆ

หลายปีต่อมา แม่เธอก็มีรักครั้งใหม่ เธอต้องใช้เวลาศึกษาดูใจแฟนใหม่ของแม่อยู่ปีกว่า กว่าจะยอมรับเขาเข้ามาในชีวิต และรักเขาเหมือนพ่อแท้ๆ แต่แล้วเหตุการณ์ก็เกิดซ้ำรอยกับเธออีก พ่อเลี้ยงบุกเข้ามาล่วงละเมิดทางเพศเธอขณะนอนหลับอยู่ในห้อง

เธอไล่เขาออกจากห้องไปแต่เธอก็ไม่ได้บอกกับผู้เป็นแม่ เธอไม่อยากจะทำลายความสุขของแม่ เพราะแม่เธออยู่คนเดียวและเหงามานานแล้ว เธอไม่อยากสร้างปัญหาให้แม่ จึงทำให้เธอเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเอง แม้ว่ามันจะสร้างบาดแผลในใจให้เธอก็ตาม

พอตอนอายุ 18 ปี ก็ถูกลูกพี่ลูกน้องของแฟนเก่าข่มขืน เธอรู้สึกละอายตัวเองเธอกับสิ่งที่เธอถูกกระทำย่ำยี ความรู้สึกเหล่านั้นยังคงติดแน่นฝังลึกอยู่ภายในจิตใจ เธอไม่อาจจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังได้ เพราะไม่อยากให้ใครเดือดร้อน และไม่กล้าแม้แต่จะแจ้งความ
 
จุดเริ่มต้นของเพลงมาจากไหน
เพลงนี้เป็นเพลงแนวดิสโก้เต้นรำ แต่งโดย "เฟรดดี้ เพอร์เรน" (Freddie Perren) ร่วมกับ "ดีโน เฟคาริส" (Dino Fekaris) แม้ว่าเนื้อเพลงจะเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งโดนผู้ชายทิ้งไป แต่เธอสามารถลุกขึ้นยืนหยัดมีชีวิตต่อไปได้

ที่มาของเพลงมาจากการที่นักแต่งเพลงฝีมือดีของ "โมทาวน์ เรคอร์ดส์" ตั้งแต่ปี 1969 นั้น ต้องตกงานเพราะถูกไล่ออกจากค่ายเพลง หลังจากที่เป็นนักแต่งเพลงมา 7 ปี จนเขาครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดีกับชีวิตดี

แต่จู่ๆก็ได้ยินเพลง "Generation" (ร้องโดยวง "Rare Earth") เพลงประกอบภาพยนตร์ Generation ที่เขาเคยแต่งไว้ลอยมาจากทีวี จึงเกิดแรงบันดาลใจและบอกกับตัวเองว่า..

"เอาละ ฉันจะทำให้ได้ ฉันจะเป็นนักแต่งเพลง ฉันจะต้องรอด" (I Will Survive)


Freddie Perren


Dino Fekaris


Motown Records 1960s

แต่งเพลงเสร็จ..แต่ไม่มีคนร้อง
หลังจากที่แต่งเพลงเสร็จ แต่เพลงนี้ก็ยังไม่มีคนร้องอยู่ดี จนเฟรดดี้ถูกเรียกไปช่วยโปรดิวซ์เพลง "Substitute" (ต้นฉบับ คือ The Righteous Brothers) ซิงเกิลใหม่ และทั้ง 2 คนจึงเสนอให้กลอเรียร้องเพลงนี้และเธอก็ตอบตกลง

ซึ่งช่วงที่บันทึกเสียงเพลงนี้ กลอเรียยังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บที่ตกจากเวทีคอนเสิร์ต จนต้องเข้าผ่าตัดกระดูกสันหลัง ต้องพักฟื้นนาน 3 เดือน แถมทางค่ายเพลงก็ไม่ต่อสัญญาให้เธอ โดยไม่ได้บอกเหตุผลที่ชัดเจน ตอนนั้นเธอท้อมากกลัวจะพิการและเส้นทางในวงการเพลงคงจะสิ้นสุดลง เธอภาวนาขอพรจากพระเจ้า และเหมือนพระเจ้าจะรับรู้คำขอของเธอ จึงได้ส่งเพลง "I Will Survive" มาให้เธอร้อง

เป็นเพลงหน้า B ไม่ใช่ซิงเกิลหลัก
เธอตั้งใจร้องเพลงนี้อย่างมาก เพราะช่วงเวลานั้นร่างกายเธอก็ยังไม่หายดี แถมเธอยังสูญเสียคุณแม่ในช่วงเวลาเดียวกันด้วย เธอกล่าวว่า..
“ฉันใช้การจากไปของแม่ การผ่าตัดที่ฉันเพิ่งได้รับมา และความมุ่งมั่นในการทำงานของฉัน มาเป็นพลังในการอัดเพลงนี้ ฉันหวังว่ามันจะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนฟังได้”

ซึ่งทีมงานทุกคนต่างรู้ดีว่าเพลงนี้มันยอมเยี่ยมมาก สามารถตัดเป็นซิงเกิลได้เลยแต่ประธานค่ายเพลงยืนยันจะให้เพลง "Substitute" เป็นซิงเกิลหลัก จึงทำให้เพลง "I Will Survive" ถูกบรรจุอยู่ในหน้า B ของซิงเกิล "Substitute" นั่นเอง

พลิกล็อคเพลงประสบความสำเร็จ
เพลง "Substitute" ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ปี 1978 ขึ้นสูงสุดแค่อันดับที่ 107 ในสหรัฐอเมริกา จึงไม่ประสบความสำเร็จบนชาร์ตตามที่ประธานค่ายเพลงหวังไว้ แต่เพลงของเธอ "I Will Survive" ที่เป็นเพลงที่ทางค่ายไม่ได้โปรโมต แต่เหล่าดีเจตามไนต์คลับต่างๆพากกันเปิดเพลงนี้

และตามคลื่นวิทยุก็เปิดตาม ทำให้ค่ายเพลงเลยตัดสินใจตัดให้เพลง "I Will Survive" ขายเป็นซิงเกิล อยู่ในอัลบั้มที่ 6 ชื่อ "Love Tracks" จนในเดือนมีนาคม ปี 1979 เพลงนี้ก็สามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ดได้สำเร็จ

ส่งผลให้เธอได้รับรางวัลแกรมมี่ อวอร์ดในสาขาบันทึกเสียงเพลงดิสโก้ยอดเยี่ยม (Grammy Award for Best Disco Recording) ในปี 1980 ภายใน 2 ปีเพลงนี้ก็มียอดขายทั่วโลกรวมกว่า 14 ล้านก๊อปปี้ ยังไม่รวมกับการคัฟเวอร์และบันทึกเสียงซ้ำอีกนับครั้งไม่ถ้วน


I Will Survive By Gloria Gaynor

ทำไม ? เพลงนี้จึงครองใจกลุ่ม LGBTQ+
"I Will Survive" ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเพลงชาร์ตที่ดังของกลุ่ม LGBTQ+ เนื่องจากตรงกับชีวิตของชาว LGBTQ+ ที่ต้องดิ้นรนให้อยู่รอดให้ได้ในสังคม ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ยอมรับ ซึ่งในช่วงที่เพลงนี้ถูกปล่อยออกมา

เป็นช่วงที่ HIV และโรคเอดส์กำลังระบาด สังคมยังคงเข้าใจผิดเกี่ยวกับการติดเชื้อ และตราหน้าว่าชาวเกย์เป็นผู้แพร่เชื้อ เพลงนี้จึงเป็นเหมือนการให้กำลังใจและตอบโจทย์กลุ่ม LGBTQ+ ได้อย่างดี

"นาดีน ฮับส์" (Nadine Hubbs) ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรี ได้เขียนบทความไว้ว่า...
"เพลงนี้มีเนื้อหาที่ทรงพลัง มันบอกว่าเราทุกคนล้วนเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตไว้ในมือของเราเอง และเราเป็นผู้ที่ตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไปหลังจากเกิดเรื่องเลวร้ายในชีวิตของเรา"


Nadine Hubbs

จนปี 2016 หอสมุดรัฐสภา (Library of Congress) จัดให้เพลง “I Will Survive” ได้รับการขึ้นทะเบียนเสียงบันทึกแห่งชาติ (National Recording Registry)

เพลงนี้จึงสามารถนำมาใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัยในหลายบริบท เพื่อใช้เป็นเพลงปลุกใจในการก้าวผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้

And I’ll survive I will survive
และฉันจะต้องรอด ฉันต้องรอด!

เรียบเรียงเนื้อหาใหม่โดย: amity 86
ขอบคุณภาพต่างๆจาก : google, wikipedia
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Amity609's profile


โพสท์โดย: Amity609
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
25 VOTES (5/5 จาก 5 คน)
VOTED: thecalmgirl, Penjung, maddog2565, ลิลลี่ ไมโครนอส, เหมียวหง่าว
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
คนญี่ปุ่นต้นตำหรับงง...คนไทยเขียนภาษาญี่ปุ่น แต่ทำไมประโยคนี้ คนไทยอ่านออกอยู่ชาติเดียว แต่คนญี่ปุ่นเจ้าของภาษากลับอ่านไม่ออก...สั่นสะเทือนชายแดน! แชร์ภาพทหารเขมรขอทาน หลังไทยปิดด่านจนขาดน้ำ-ไฟ-ข้าว-เน็ตพบกรุ๊ปเลือดใหม่ มีเพียงคนเดียวในโลกเท่านั้น ที่มีกรุ๊ปนี้!!“ฮาเล่ย์” ใจฟู! ได้เล่น MV คู่ “ลำไย” ลั่น หลงเสน่ห์เมื่อใกล้เธอรวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่เป็นวันทำงานวันแรกของสัปดาห์ กัมพูชาตัดไม่รับน้ำมันจากไทยแล้วเด้อผู้ชายที่หล่อที่สุดในกัมพูชาโพรไฟล์เหนือหัว ชาติกำเนิดสูงความลับของ “ตู้เย็น” ที่หลายคนใช้ผิดมาทั้งชีวิต!การท่องเที่ยวแนวใหม่ Sleep Tourism เดินทางเพื่อมานอน ไม่เน้นกิจกรรม หรือตามรอยร้านเด็ดใด ๆดินแดนที่"ฮุนเซน"ไม่กล้าทวงคืนคนไทยพยายามข้ามไปกัมพูชา สุดท้ายยิงปะทะกับตำรวจเจ็บย้อนอดีต “เทพบุตรหน้าหยก” ศิริมงคล สิงห์วังชา: จากแชมป์โลกสู่ชีวิตพลิกผันFauxductivity การแสร้งว่าทำงานหนัก ถึงทำงานไม่มีความสุข แต่ก็ไม่พร้อมที่จะลาออก
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ความลับของ “ตู้เย็น” ที่หลายคนใช้ผิดมาทั้งชีวิต!ชายเขมรเล่นของที่ปราสาทตาควาย..ทำเอา นทท.แตกตื่น ก่อนหนีกลับกัมพูชาอิหร่านขู่ถล่มฐานทัพมะกันในตะวันออกกลางสุดยอดความสำเร็จ วอลต์ ดิสนีย์ กวาดรางวัลออสการ์ 32 ครั้ง สร้างสถิติที่ไม่มีใครทำได้จนถึงทุกวันนี้ข่าวดี ข่าวร้าย และข่าวร้ายยิ่งกว่า!ชายคนหนึ่ง ลุกขึ้นมาบอกความจริงของโลก และต้องจ่ายด้วย “อิสรภาพ 18 ปี” — เรื่องของ “โมรเดไค วานูนู” ที่ดิฉันอยากให้ทุกคนรู้จัก
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ทำไมออมเดอร์มานถึงเคยเป็นเมืองหลวงของซูดานในช่วงปี ค.ศ. 1885-1898ความลับของ “ตู้เย็น” ที่หลายคนใช้ผิดมาทั้งชีวิต!สุดยอดความสำเร็จ วอลต์ ดิสนีย์ กวาดรางวัลออสการ์ 32 ครั้ง สร้างสถิติที่ไม่มีใครทำได้จนถึงทุกวันนี้จอห์น ฟรานซิส โครว์ลีย์ พ่อผู้ทุ่มทุนสร้างบริษัทเพื่อหายารักษาโรคหายากให้ลูก
ตั้งกระทู้ใหม่