สีสันสุดสวยที่หาได้ยากมากที่สุดในโลก
'สี' ถือเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ที่เราสามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน แต่ในมุมของคนที่ต้องใช้หรือทำงานเกี่ยวกับสี เรื่องนี้จะมีรายละเอียด หรือองค์ประกอบที่ซับซ้อน และเฉพาะเจาะจงมาก การเลือกใช้สีต่างๆ อาจต้องคำนึงถึงความถูกต้องแม่นยำมากกว่าที่คนทั่วๆไปนึกถึงกัน
ในโลกของ 'เฉดสี' ที่มีอยู่อย่างไม่จำกัดนั้น มีอยู่บางสีที่ได้ชื่อว่าหาได้ยากที่สุด โดยส่วนสำคัญของความหายากนี้ มาจากกระบวนการผลิต หรือการได้มาซึ่งสีเหล่านั้น ซึ่งบางครั้งก็เป็นวัตถุหรือวัตถุดิบที่หาได้ยากมาก หรือมีอันตรายเป็นอย่างมาก จะมีสีอะไรบ้างที่ได้ชื่อว่าเป็น'เฉดสีที่หาได้ยากที่สุดในโลก'
Cadmium Yellow หรือสีเหลืองพิฆาต เป็นสีเหลืองที่ได้มาจาก 'แคดเมียม' ซึ่งเป็นสสารที่มีพิษร้ายแรง ในยุคหนึ่งช่วงปี 1970 สีเหลืองนี้ถุกใช้กันแพร่หลายในวงการศิลปะ (เพราะคนยังไม่เข้าใจเรื่องพิษดีพอ) สีเหลืองเฉดนี้ให้สีสดสวยมาก แต่เพราะมาจากแคดเมียม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดมะเร็ง, ระบบไตล้มเหลว รวมไปถึงสร้างความผิดปกติให้กับกระดูกมนุษย์ สิ่งนี้จึงกลายเป็นภัยอันตรายจนถูกยกเลิก และมีการคิดค้นสีเลียนแบบหรือสีใกล้เคียงขึ้นมาแทน เพราะฉะนั้นรงควัตถุหรือวัตถุดิบในการทำสีเหลืองแคดเมียม จึงกลายเป็นของหายากจนพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะต้องเก็บรักษาเอาไว้
สีฟ้าที่มาจากแร่ Lapis lazuli เป็นสีฟ้าเฉดหนึ่งที่ได้รับการขนานนามว่า 'แพงกว่าทอง' เกิดขึ้นโดยใช้แร่อัญมณี Lapis lazuli มาบดและสกัดเอาสีมาใช้งาน หินล้ำค่าที่เอามาสกัดสีนี้มาจากเขตภูเขาสูงในประเทศอัฟกานิสถาน ในช่วงยุคศตวรรษที่ 14 – 15 มีการขนย้ายสิ่งนี้มาสู่ภาคพื้นยุโรป และเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุก็นำชิ้นส่วนจากหินชนิดนี้ มาทำเป็นรงควัตถุเพื่อสร้างสีสำหรับการรังสรรค์ผลงานศิลปะ ด้วยความหายากแสนสาหัส และมูลค่าอันสูงส่งของหินบนภูเขาสูง จากดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่ทั้งล้ำค่าและแทบจะหาเนื้อสีจริงๆไม่ได้แล้วตอนนี้
สีน้ำตาลจากผ้าห่อศพมัมมี่ เป็นสีน้ำตาลสุดพิเศษที่นำมาจากผ้าศพห่อของมัมมี่จริงๆ สีน้ำตาลอันมีเอกลักษณ์นี้มีที่มาจากมัมมี่ในอียิปต์ ซึ่งเรซินที่เกาะอยู่บนผ้าห่อศพนั้นคือเนื้อสีที่ตกผลึกมาอย่างยาวนาน ในสภาพแวดล้อมเฉพาะ ในแบบที่หาตัวอย่างเทียบเคียงไม่ได้อีกแล้ว ในปัจจุบันมีเนื้อสีจริงจากธรรมชาติของสีน้ำตาลมัมมี่เพียง 2 หลอดเท่านั้นในโลก ซึ่งเก็บตัวอย่างและรังสรรค์ขึ้นมาในรูปแบบหลอด จากฝีมือของ Charles Robertson และทีมงานของพิพิธภัณฑ์ศิลปะมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด