อาชีพสุดหนาวเหน็บและอันตรายแต่รายได้ดีมากในท้องทะเลแบริ่ง
Alaskan king crab fishing
(อาชีพนักจับปูทะเลอะแลสกา)
เป็นอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูงและให้ผลตอบแทนสูง
โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การจับปูอลาสก้า ซึ่งเป็นหนึ่งในอาหารทะเลที่มีมูลค่า
และให้กำไรมากที่สุดในโลก ปูมหึมาเหล่านี้ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อหวานฉ่ำ
ส่วนใหญ่พบในน้ำเย็นจัดนอกชายฝั่งอะแลสกา
ฤดูจับปูชนิดนี้มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว เมื่อปูอพยพไปยังน้ำตื้นเพื่อผสมพันธุ์
ชาวประมงและลูกเรือผู้กล้าหาญต้องเผชิญกับสภาพที่เลวร้ายในทะเลแบริ่ง
ต่อสู้กับอุณหภูมิที่เยือกแข็ง น้ำทะเลที่เย็นจัด และพายุที่รุนแรงบนเรือจับปู
ชาวประมงจะวางกับดักลงบนพื้นทะเลแล้วใช้ปลาหรือสิ่งดึงดูดอื่นๆ
ล่อพวกมัน อุปกรณ์จะยังจมอยู่ใต้น้ำเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะถูกดึงกลับขึ้นมา
โดยหวังว่าจะเต็มไปด้วยปูทะเลที่มีค่า ถือเป็นงานที่ต้องใช้ร่างกายอย่างหนัก
และมักทำในสภาวะที่อันตรายมาก ทำให้เป็นงานที่อันตรายที่สุดงานหนึ่งในโลก
แม้จะมีความเสี่ยง แต่ก็ถือเป็นงานที่มีค่าตอบแทนสูง
เนื่องจากปูอลาสก้าเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยมีราคาแพงมาก การจับปูชนิดนี้ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด
โดยรัฐบาลอลาสก้า เพื่อให้แน่ใจว่ามีแนวทางปฏิบัติในการจับที่ยั่งยืน
และปกป้องสัตว์ชนิดนี้จากการจับที่มากเกินไป
ทางการสหรัฐประเมินว่า อาชีพจับปูในทะเลอลาสกานี้
มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าอาชีพอื่นๆมาก โดยเฉลี่ยในแต่ละปี
จะมีคนงานเสียชีวิตอยู่ในอัตรา 300 คน ต่อ 100,000 คน ต่อปี
ซึ่งสูงกว่าอาชีพที่เสี่ยงอันตรายอื่นๆ อย่างเช่นนักบิน วิศวกรการบิน
หรือคนตัดไม้ โดยสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่ มาจากการจมน้ำ
ความบาดเจ็บจากการทำงานหนักกับเครื่องมือขนาดใหญ่
หรือเสียชีวิตจากอากาศเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากอากาศที่หนาวเย็น
แต่เพราะความเสี่ยงที่สูง ย่อมแลกมาด้วยค่าตอบแทนที่สูงด้วย
หลายคนเลยยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเงินก้อนโตในแต่ละฤดูกาล โดยนักจับปูคนหนึ่งๆ
จะได้รับรายได้เฉลี่ย ประมาณ 50,000 ดอลลาร์ ต่อหนึ่งฤดูกาลจับปู
ซึ่งยาวนานประมาณ 3 เดือน หรือราวๆ 1.73 ล้านบาท