เปิดประวัติ Gaslighting จากแสงส่องสว่างตามถนนสู่การครอบงำจิตใจ
Gaslighting ซึ่งเป็นคำที่มาจากภาพยนตร์เรื่อง "Gaslight" ในปี 1944 ได้พัฒนาไปสู่รูปแบบการจัดการทางจิตที่แพร่หลาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของจิตใจและอารมณ์ของบุคคล บทความนี้จะสำรวจประวัติศาสตร์ การกำหนดลักษณะ สัญญาณ และผลกระทบของการจุดไฟแก๊ส ตลอดจนกลยุทธ์ในการเอาชนะรูปแบบการละเมิดที่ร้ายกาจนี้
-----------
จากแสงส่องสว่างตามถนนสู่การครอบงำจิตใจ
ในอดีตก่อนที่จะมีการใช้ไฟฟ้าอย่างทั่วถึง วิธีการสร้างแสงสว่างในยามค่ำคืนจะใช้วิธีการจุดตะเกียงที่เสาโคม โดยเชื้อไฟในยุคเริ่มแรกจะใช้น้ำมันมะกอก หรือขี้ผึ้งเสียส่วนใหญ่ ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาทางเทคโนโลยีมากขึ้นก็เริ่มนำแก๊สต่างๆ เช่น มีเทน บิวเทน เป็นต้นมาใช้เป็นเชื้อเพลิง และเมื่อนามพระอาทิตย์อัสดงค์ เหล่าผู้คนก็จะเริ่มจุดไฟบนเสาตะเกียงของตนเพื่อสร้างแสงสว่างเทียม (Artificial light) ส่องสว่างยามมืดค่ำนั่นเอง
คำว่า Gaslighting เริ่มมีความหมายในเชิงลบมาจากละครเรื่อง "Gas Light" ของคุณ Patrick Hamilton ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 1938 ละครเรื่องนี้มีฉากทัศน์เป็นมหานครลอนดอนปี 1880 บอกเล่าเรื่องราวของสามีคนหนึ่งที่หลอกล่อภรรยาของเขาให้เชื่อว่าเธอเสียสติโดยการหรี่ไฟส่องสว่างจากแก๊สในบ้านของพวกเขา โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะขโมยทรัพสินของภรรยามาเป็นของตน เรื่องราวได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในปี 1944 นำแสดงโดยคุณ Ingrid Bergmanและ คุณ Charles Boyer
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแนวคิดเรื่อง Gaslighting มาสู่จิตสำนึกของประชาชน สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (American Psychological Association) ได้อธิบายคำว่า Gaslighting ว่าเป็นการบงการจิตใจที่รุนแรงมากเสียจนทำให้เกิดความเจ็บป่วยทางจิต ปัจจุบันมีการใช้กันโดยแพร่หลายทั่วไป ถึงขี้นที่ Merriam-Webster สำนักพิมพ์ทางการศกษาชื่อดังให้คำจำกัดความว่าเป็น "การบงการทางจิตวิทยา" เพื่อทำให้บางคนตั้งคำถามกับ "การรับรู้ถึงความเป็นจริง" ของตน ซึ่งนำไปสู่การ "พึ่งพาผู้กระทำความผิด"
-----------
ข้อบ่งชี้ว่ากำลังโดน Gaslighting:
Gaslighting เป็นการละเมิดทางอารมณ์และจิตใจ โดยผู้บงการพยายามบ่อนทำลายการรับรู้ความเป็นจริงของเหยื่อ สิ่งนี้บรรลุผลได้ด้วยกลวิธีที่หลากหลายซึ่งสามารถสั้งเกตุได้ดังนี้
สัญญาณเตือนว่าโดน Gaslighting:
1. เป็นฝ่ายที่ต้องเอ่ยคำขอโทษตลอดเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของคุณ
2. เชื่อว่าตนเองไม่สามารถทำสิ่งที่ถูกได้ ทำอะไรก็ผิดเสมอ
3. รู้สึกวิตกกังวลตลอดเวลา หวาดกลัวว่าจะทำผิดหรือไม่ถูกใจใคร
4. สูญเสียความมั่นใจในตนเอง
5. สูญเสียความเป็นตัวตน
6. ตั้งคำถามเกี่ยวกับความคิดและการตัดสินใจของตนเองตลอดเวลา ไม่กล้าที่จะตัดสินใจ
7. รู้สึกโดดเดี่ยวและไร้กำลัง รู้สึกว่าตนไม่เหมือนใคร แตกต่างและแปลกแยก
8. ผิดหวังในตนเอง และกลัวผู้อื่นจะผิดหวังในตัวคุณ
การป้องกันตัวเพื่อให้หลุดออกจาก Gaslighting:
1. ให้ความรู้แก่ตนเอง: การทำความเข้าใจกลยุทธ์และการตระหนักถึงพฤติกรรมการจุดไฟเป็นก้าวแรกในการหลุดพ้นจากผลกระทบของมัน
2. เชื่อสัญชาตญาณของคุณ: เรียนรู้ที่จะเชื่อใจความรู้สึกและสัญชาตญาณของคุณเอง หากมีบางอย่างรู้สึกผิดก็อาจเป็นได้ นอกจากนี้ควรเก็บข้อมูลเรื่องราวต่างๆ เพื่อให้เป็นหลักฐานในการวิเคราะห์มาหขึ้น
3. แสวงหาการสนับสนุน: ติดต่อกับเพื่อน ครอบครัว หรือนักบำบัดทางจิตที่สามารถให้มุมมองของบุคคลที่เป็นกลาง มุมมองของบุคคลที่ 3 จะช่วยสามารถยืนยันการรับรู้ ให้คำแนะนำและการสนับสนุนทางอารมณ์ได้
4. สร้างขอบเขต: กำหนดขอบเขตที่ชัดเจน พยายามถอยห่างออกจากสถานการณ์ Gaslighting และพยายามให้ความสำคัญกับสภาพจิตใจของตน
Gaslighting มีประวัติอันยาวนานและร้ายกาจ มีต้นกำเนิดในวรรณคดีและละครก่อนที่จะกลายมาเป็นรูปแบบการละเมิดทางอารมณ์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ด้วยการทำความเข้าใจถึงรากเหง้าและกลยุทธ์ที่ใช้ แต่ละบุคคลสามารถเสริมกำลังตนเองให้หลุดพ้นจากวงจรแห่งการบงการ ส่งเสริมความสัมพันธ์และชุมชนที่ดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้น