อาการของไมเกรน วิธีรับมือกับไมเกรน
อาการของไมเกรน วิธีรับมือกับไมเกรน ไมเกรนคือ อาการปวดศีรษะเรื้อรังชนิดหนึ่งที่รบกวนชีวิตประจำวัน มักพบอาการปวดที่ข้างใดข้างหนึ่งของศีรษะ หรือทั้งสองข้างก็ได้ อาการปวดอาจเกิดขึ้นเป็นชั่วโมง หรือต่อเนื่องได้หลายวัน อาการปวดตุบ ๆเป็นจังหวะอย่างรุนแรง โรคไมเกรนส่วนใหญ่มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เป็นการบกวนชีวิตประจำวันแล้วยังส่งผลต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาวอีกด้วยนะคะ
10 อาการของไมเกรน 1 แพ้แสงโดนแดดจ้าแล้วปวดหัว 2 คลื่นไส้ 3 ปวดต้นคอ 4 แพ้เสียงดังทำให้ปวดหัว 5 อ่อนเพลียไมมีแรง 6 ปวดหัวตุบๆในหัว 7 ปวดหัวเป็นจังหวะเหมือนใจเต้น 8 คัดจมูก 9 ปวดมากขึ้นเมื่อเคลื่อนไหว 10 ปวดเหมือนค้อนทุบ
อาการที่ควรไปพบแพทย์ มีอาการปวดหัวมากทานยาแก้ปวดแล้วอาการไม่ทุเลา คลื่นไส้ และอาเจียน มีอาการปวดบ่อย ๆ เรื้อรัง หรือปวดหัวแต่ละครั้งเป็นระยะเวลานาน
ซึ่งหากมีอาการปวดศีรษะดังกล่าวควรได้รับคำแนะนำและวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อรักษาอย่างถูกต้องนะคะ
13 สาเหตุที่ทำให้ปวดไมเกรน ปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรนมีหลายประการนะคะ ได้แก่ 1 การอดนอน 2 ผงชูรส ชีส หรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน 3 ภาวะเครียด 4 อาหารบางชนิดเช่น กล้วยหอมและช็อกโกแลต 5 อากาศร้อน 6 เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 7 ขณะมีประจำเดือน หรือรับประทานยาคุมกำเนิด 8 ไม่พักผ่อน ทำงานมากเกินไป 9 ดวงตาที่รับแสงจ้าเกินไป 10 จมูกรับกลิ่นควันบุหรี่หรือกลิ่นน้ำหอม 11 การสูบบุหรี่ 12 การรับประทานอาหารไม่เพียงพอ 13 ออกกำลังกายอย่างหักโหม
วิธีดูแลตนเองเพื่อป้องกันไมเกรนกำเริบ 1 ดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อช่วยคลายความร้อน 2 รับประทานยาแก้ปวด 3 หลบเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีแสงแดดจัด 4 พักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน 5 รับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ 6 ปรับพฤติกรรมการนอน และการรับประทานอาหาร 7 หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ร้อนและแออัด 8 หากจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ควรพกร่ม สวมหมวกหรือแว่นกันแดด 9 หากอาการไม่ทุเราควรรีบไปพบแพทย์นะคะ
วิธีแก้อาการปวดไมเกรน แบบไม่ต้องพึ่งยา
1 ทานน้ำขิงสด (ผง) แก้ปวดห้วไมเกรน
2 ใช้ผ้าเย็นประคบบริเวณหน้าผากหรือต้นคอเพื่อบรรเทาอาการ
3 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
4 หลีกเลี่ยงปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรน
5 เล่นโยคะแก้ปวดหัวไมเกรน
ทั้งหมดเป็นเพียงอีกทางเลือกหนึ่งเท่านั้น หากอาการปวดศีรษะไมเกรนของท่านอยู่ในระดับรุนแรงและปวดขึ้นเรื่อยๆ แนะนำว่าควรเข้าพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษานะคะ
ขอบคุณรูปภาพและตกแต่งภาพจากhttps://www.canva.com