รีวิว MADAME WEB มาดามเว็บ
MADAME WEB ตัวละครใหม่จากจักรวาลไอ้แมงมุม เน้นระทึกขวัญ-จิตวิทยา ฉีกกรอบ Superhero แบบเดิมที่เคยพบเจอ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงปี 2003 นำแสดงโดย Dakota Johnson จาก FIFTY SHADES OF GREY (2015) รับบทเป็น Cassandra Webb ผู้มีพลังหยั่งรู้อนาคต นำไปสู่การโยงใยอีก 3 สาวที่จะมาเป็น Spider-woman ในอนาคต
ผลงานการกำกับโดย S.J Clarkson จะมาสะท้อนมุมมองใหม่ให้เห็นว่าการมีพลังพิเศษของ Superhero ก็อาจไม่น่าพิสมัยเท่าไรนัก เพราะทำให้ตกเป็นเป้าสังหารเอาได้
เรื่องย่อ
Casandra Webb หญิงสาวทำงานเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยประสบกับเหตุการณ์เฉียดตาย ทำให้เธอมีพลังวิเศษด้านญาณหยั่งรู้เหตุการณ์ในอนาคต สิ่งนี้ชักนำเธอไปเจอกับสามสาวที่เหลือ นั้นคือ Julia Cornwell, Anya Corazon และ Matte Franklin
ทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับการมีพลังวิเศษในอนาคต ในระหว่างนี้ทั้งสี่คนจะต้องหลบหนีจากการตามล่าของ Ezekiel Sims ผู้สวมชุดคล้าย SPIDER-MAN ที่ออกล่าพวกเธออีกด้วย
นักแสดงนำ
- Dakota Johnson รับบทเป็น Cassandra Webb
- Sydney Sweeney รับบทเป็น Julia Cornwall
- Isabela Merced รับบทเป็น Anya Corazon
- Celeste O'Connor รับบทเป็น Mattie Franklin
- Tahar Rahim รับบทเป็น Ezekiel Sims
- Adam Scott รับบทเป็น Ben Parker
ความชื่นชอบและประทับใจในมุมมองครีเอเตอร์
1.สถานะของหนังถือเป็นตัวเชื่อมโยงจักรวาล SPIDER-MAN ได้อย่างน่าสนใจ...อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วจากตัวอย่างภาพยนตร์ ในเรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องในช่วงปี 2000 ต้นๆ ทำให้เราจะได้เห็น Ben Parker ที่ยังหนุ่มและยังไม่ได้แต่งงานกับป้าเมย์ได้ออกมาทำงานเป็นคู่หูของ Cassandra Webb ด้วย นอกจากนี้ยังได้เห็น Mary Parker น้องสาวของ Ben กำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วย ถือเป็นการเชื่อมโยงตัวละครเก่าและใหม่ในมุมที่เราไม่เคยเห็น
2.ปมของเรื่องหรือ Plot เรื่องอาจจะค่อนข้างเชย แต่ก็มีประเด็นให้คนดูเชื่อในพัฒนาการความคิดของตัวละคร มีที่มา Make sense ตามสูตรสำเร็จ โดยเฉพาะตัวร้ายที่มีมูลเหตุจูงใจชัดเจน
3.การแสดงของ Dakota Johnson ถือว่าสอบผ่าน เช่นเดียวกับ Sydney Sweeney ที่สอบผ่านทั้งแง่ของการแสดงและความน่ารัก น่าเสียดายที่บทสนทนาถูกเขียนขึ้นมาอย่างแข็งกระด้าง ใช้งานนักแสดงไม่คุ้มเท่าที่ควร
4.ลักษณะของหนังอย่างหนึ่งคือถ่ายทอดออกมาเป็นความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งในแบบหนังวัยรุ่นที่ดูเข้าใจง่าย เพราะการที่ Cassandra ต้องมาเป็นพี่เลี้ยงจำเป็นให้สาวทั้งสามคนให้พ้นจากภยันตราย มันทำให้ทั้งสี่ตัวละครมีจุดร่วมเดียวกันเกี่ยวกับครอบครัวของแต่ละคนด้วย
5.ฉาก Action และการออกแบบการต่อสู้ถือว่าดูจืดชืดไป และ Action ไม่ได้นานเท่าที่ควรจะเป็น พูดง่ายๆไม่ได้ดุดันอลังการแบบ Superhero เรื่องอื่นเคยทำเอาไว้ ถ้าจะบอกว่าต้องการให้หนังเป็นไซโค-ทริลเลอร์ มันก็ไปไม่สุดสักทาง
6.บางช่วงของหนังตั้งใจทำให้ออกมาเกือบเป็นหนังสยองขวัญเลยทีเดียว พลังของตัวละครก็ชวนดูสับสน การหยั่งรู้อนาคตก็ใช้วิธีฉายภาพฉากเดิมซ้ำอีกรอบ มันตรงตัว แต่ก็น่าเบื่ออยู่ในที แทนที่จะใช้เทคนิคพิเศษหรือตัดต่อภาพให้เข้ากับอารมณ์ของหนังมากกว่านี้ จะได้ชวนลุ้นสักหน่อย...นอกจากนี้ฉาก Climax ของเรื่องบางช่วงบางตอนก็ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่า...อีหยังวะ ?
7.บางฉากมีช่วงเสียงพูดไม่ตรงกับปากของตัวละคร นี่คือเทคนิค ADR (Automated Dialogue Replacement) หรือการพากย์เสียงทับใหม่ ทำได้ไม่เนียนเท่าที่ควร นี่อาจเป็นเพราะผู้กำกับ S.J. Clarkson ไม่ถนัดทำหนังแนว Superhero ก็เป็นได้
นับเป็นอีกหนึ่งจักรวาลที่อาจเกี่ยวข้องกับ Peter Parker ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมและมี Surprise ที่คาดไม่ถึง สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น รอให้เราทุกคนไปพิสูจน์