รีวิวแกะกล่อง WRATH OF THE TITANS สงครามมหาเทพพิโรธ ในรูปแบบ Blu-ray disc
ผลงานภาคต่อจากวรรณกรรมเทพเจ้ากรีกโบราณสานต่อเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของเพอร์ซีอุส บุรุษครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพที่ไม่ของ้อพลังจากเทพเจ้า แต่จะใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ปุถุชน ความหยิ่งทระนงของเขาถึงคราวต้องแปรเปลี่ยน ในภาคนี้ เพอร์ซีอุสจะได้พบกับจุดเปลี่ยนของชีวิตในแบบที่เขาไม่คาดคิด
มหึมาความมันครั้งยิ่งใหญ่แห่งสงครามระหว่างเทพได้อุบัติขึ้นอีกครั้ง ภาคต่อของ CLASH OF THE TITANS สงครามมหาเทพประจัญบาน ในภาคนี้เป็นผลงานการกำกับของ Jonathan Liebesman ที่ฝากผลงานที่เรารู้จักอย่าง World invasion : Battle Los angeles (2011) และ Teenage Mutant Ninja Turtles (2014)
เรื่องย่อ
ซุส มาขอความช่วยเหลือจากเพอร์ซีอุสบุตรของตน ด้วยสาเหตุที่อสุรกายได้แหกคุกทาร์ทารัสได้สำเร็จ ผนวกกับเฮดีส เทพแห่งความตายร่วมมือกับแอรีส เทพแห่งสงครามเข้ามาหักหลังตน นั่นทำให้ซุสอ่อนกำลังลงไปทุกที
แต่อสุรกายที่หลุดเล็ดลอดมาได้ก็บุกทำร้ายคนในหมู่บ้านจนเกือบทำให้ลูกชายของเพอร์ซีอุสเกือบตายมาหนนึงแล้ว เขาจึงจำใจยอมให้การช่วยเหลือซุส ตัดสินใจเดินทางร่วมกับอาจีนอร์ บุตรแห่งโพไซดอนและเจ้าหญิงแอนโดรเมด้า โดยหนทางการผจญภัยไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
นักแสดงนำ
- Sam Worthington รับบทเป็น Perseus
- Liam Neeson รับบทเป็น Zeus
- Ralph Fiennes รับบทเป็น Hades
- Rosamund Pike รับบทเป็น Andromeda
- Edgar Ramírez รับบทเป็น Ares
- Toby Kebbell รับบทเป็น Agenor
- Bill Nighy รับบทเป็น Hephaestus
- Lily James รับบทเป็น Korrina
- Danny Huston รับบทเป็น Poseidon
แกะกล่องรีวิว
ภายในบรรจุ Blu-ray 3D 1 แผ่น และ Blu-ray ปกติอีก 1 แผ่น ตัวแผ่นสีขาวนวลทั้งคู่ นำเข้าจากประเทศออสเตรีย ตัวกล่องมีการ์ด Cover สามมิติแนบไว้หน้ากล่องอีกด้วย เท่มากเลย
ระบบภาพ
1080p High Definition 1.85:1 ทั้งแผ่นสามมิติและแผ่นปกติ
ระบบเสียง
- English DTS HD Master Audio
- English 5.1
- Chinese Mandarin 5.1
- Hungarian 5.1
- French 5.1
- Polish (V/O) 5.1
- Portuguese (Brazilian) 5.1
- Spanish (Latin American) 5.1
- Thai 5.1
- Turkish 5.1
คำบรรยายใต้ภาพ
- English
- Bahasa Indonesian
- Bulgarian
- Cantonese
- French
- Korean
- Hebrew
- Hungarian
- Polish
- Portuguese
- Romanian
- Spanish
- Thai
- Turkish
ความยาว 99 นาที
โบนัสพิเศษภายในแผ่น
1.เบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์โดยภาพรวม
2.ฟังก์ชัน Maximum movie mode ช่วยให้เราได้เปรียบเทียบฉากต่อฉาก เฟรมต่อเฟรม เป็นจุดโฟกัสที่ผู้สร้างอยากให้เราได้เห็นเส้นทางระหว่างมนุษย์กับเส้นทางแห่งเหล่าทวยเทพ
ความชื่นชอบและความประทับใจของครีเอเตอร์
1.หนังดำเนินเรื่องได้กระชับไม่ยืดเยื้อ คนที่ไม่ชอบดูหนังที่ยาวเกินไปเหมาะกับเรื่องนี้มาก เพราะเดินเรื่องเร็วเหมือนภาคแรก ฉากแอ็กชันก็ทำได้ดีชวนคนดูลุ้นระทึกอยู่ตลอด มี Jump Scare อยู่ 1 ฉากด้วย
2.โทนหนังเน้นถึงความเสียหายและซากปรักหักพังเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นดินแดนแห่งเทพหรือเมืองมนุษย์ก็จะมีแต่ความเสียหายและการทำลายล้าง สอดคล้องกับ Concept ของเรื่อง คือความโกรธแค้นของเหล่า Titans ตรงกับความหมายของคำว่า Wrath ได้เป็นอย่างดี
3.CGI ทำได้ดีและออกแบบฉากในสเกลที่ใหญ่ได้ถูกใจครีเอเตอร์ แม้เทียบกับหนังเรื่องอื่นมันจะไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือแตกต่างมากนัก แต่ก็สร้างภาพจำให้คนดูประทับใจไปไม่น้อยเลยทีเดียว
4.จุดอ่อนของหนังเรื่องนี้คือเนื้อเรื่องไม่ค่อยเหลือช่องให้ไปต่อเท่าไรนัก การผจญภัยก็อยู่ในมิติที่แคบ ตามหาอะไรแต่ละอย่างก็ดูเหมือนจะไม่ได้ซับซ้อนอะไร ทำให้หนังดูเรียบง่ายจนเกือบจะไม่มีเสน่ห์เท่าไหร่
5.การแสดงของ Rosamund Pike เจ้าหญิงแอนโดรเมด้าสาวแกร่งที่ต้องพิชิตศัตรูปกป้องบ้านเมืองในยามคับขัน เธอแสดงได้อย่างมีพลังและมีแรงจูงใจที่จะสู้อย่างเห็นได้ชัด แต่บทบาทยังไม่มากพอเท่าไรเห็นเธอปรากฏไม่ทันไร...หนังก็จบเสียแล้ว
6.ภาพสามมิติทะลุจอแบบสาแก่ใจคนดูยิ่งนัก มีอยู่หลายฉากที่เน้นภาพทะลุจอได้ซึ่งไม่ได้เป็นการยัดเยียดให้มีภาพทะลุจอเหมือนหนังเรื่องอื่นๆ ระบบภาพก็คมชัด ระบบเสียง DTS ก็ตอบโจทย์ราวกับดูอยู่ในโรงภาพยนตร์
7.รับชมได้ทุกเวลาไม่มีข้อจำกัดจำนวนครั้ง ดูได้แบบไม่ต้องรอฟรีทีวีออกอากาศ แม้อุปสรรคใหญ่ของการดูหนังแผ่นคือการมีเครื่องอ่านแผ่นและโทรทัศน์ที่รองรับภาพสามมิติก็ตาม
ทั้งหมดนี้ทำให้ WRATH OF TITANS เป็นหนังแผ่นที่ไม่ได้โดดเด่นหรือเป็นภาพจำอะไรมากนัก แต่ตอบโจทย์ความบันเทิงสำหรับคอหนังแอ็กชันแฟนตาซีที่น้อยเรื่องจะทำได้ถึงจุดนี้ นับเป็นมหึมาความพิโรธของเหล่า Titans ที่จะหลับมาผงาดอีกครั้งอย่างสมศักดิ์ศรี
ครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพจะต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าตนจะมีศักยภาพมากพอที่จะหยุดยั้งมหาสงครามพิโรธนี้ให้ได้ เรียกได้ว่าเมื่อหลั่งเหงื่ออกมาแล้ว วันหน้าต้องไม่มีหลั่งน้ำตา