นรสิงห์-มนุษย์สิงห์ ในตำนานพม่า
มนุษย์สิงห์ เป็นหนึ่งในรูปปั้น ที่เรามักเห็นบ่อยมาก เมื่อเราเข้าวัดทำบุญ ที่พม่ามักจะตั้งอยู่มุมของเจดีย์ หรือหน้าวัด เช่นเดียวกันกับ รูปปั้นราชสีห์ ลักษณะคือ มีหัวเป็นคน มีร่างกายเป็นสิงห์ ไม่ใช่สัตว์หิมพานต์ แต่เป็นสัตว์ในจินตนาการ ของพระอรหันต์ ที่เข้ามาเผยแพร่ พุทธศาสนา ในสมัยพระเจ้าอโศก ที่เมืองสะเทิม เมืองหลวงสุวรรณภูมิ ในอดีต
มีตำนานเรื่องเล่าสืบกันมาว่า สมัยที่พระพุทธเจ้า ปรินิพพานไปแล้วได้ 235 ปี ตรงกับสมัยที่พระเจ้าอโศกมหาราช ปกครองอินเดียพอดี ได้ทำสังคยนาครั้งที่ 3 และได้ส่งสมณะฑูต ไปเผยแพร่พุทธศาสนา 9 สาย 1 ใน 9 สายนั้น ก็มีสุวรรณภูมิด้วย ตอนนั้น เมืองหลวงของสุวรรณภูมิ คือ เมืองสะเทิม รัฐมอญ ก็มีพระโสณะ กับพระอุตตระ พร้อมทั้งพระสงฆ์อีก 5 รูป เข้ามาเผยแพร่พุทธศาสนา
สมัยนั้น ที่เมืองสะเทิม มักมีผีเสื้อสมุทร ออกมาอาละวาด หากินเด็กเกิดใหม่อยู่เนื่องๆ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนหนักมาก
วันหนึ่ง พระมเหสีของกษัตริย์สะเทิม กำลังจะคลอดบุตร เหล่าทหารทั้งหลาย ก็พากันถือหอกดาบ ไปยังหน้ามหาสมุทร เพื่อต่อสู้กับ นางผีเสื้อสมุทร (เมืองสะเทิมติดทะเล) แต่ทันใด ก็เห็นพระโสณะ กับพระอุตตระ ล่องเรือมา กำลังจะขึ้นท่า ทหารเหล่านั้นก็คิดว่า เป็นผีเสื้อสมุทร จึงตะโกนโห่ร้อง เพื่อให้ผีเสื้อสมุทรตกใจกลัว
แต่พระมหาเถรทั้งสอง ก็บอกว่า เราไม่ใช่ผู้ร้าย เราไม่ใช่ผีเสื้อสมุทร เราเป็นพระสมณะ ลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า เรามาโปรดคน ไม่ได้มาทำร้ายคนหรอก (ถึงแม้พุทธศาสนา จะเข้ามายังดินแดนแถบนี้ ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้า ยังมีพระชนม์อยู่ก็ตาม มา(สมัยสร้างอินทร์แขวน) แต่พุทธศาสนา ก็ได้เสื่อมลงไป จนชาวบ้านไม่เคยเห็นพระสงฆ์อีกเลย เมื่อเห็นพระโสณะ กับพระอุตตระ จึงไม่รู้จักว่าเป็นพระ)
เมื่อรู้ความแล้วว่า พระมหาเถรทั้งหลาย ไม่ใช่ผีเสื้อสมุทร แต่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า จึงกราบเรียนเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ตอนนี้ พระมเหสี กำลังจะให้กำเนิดลูก แต่มีผีเสื้อสมุทรจะมาจับกินเด็ก
ทันใดนั้น ผีเสื้อสมุทรพร้อมบริวาร ก็ขึ้นมาจากมหาสมุทร เพื่อจะมารอจับกินเด็กทารกเกิดใหม่ เหล่าทหารเห็น ก็ตกใจกลัว แต่พระมหาเถร บอกให้อยู่ในอาการสงบ พระมหาเถรทั้งสอง ก็เสกมนุษย์สิงห์เกิดขึ้น มีหัวเป็นคน มีตัวเป็นสิงห์สองตัวในหัวเดียว เท่าจำนวนผีเสื้อสมุทร เมื่อผีเสื้อสมุทรเห็น จึงตกใจกลัว แล้วหนีลงมหาสมุทรไป นับแต่นั้นมา ผีเสื้อสมุทร ก็ไม่มารังควานชาวบ้านอีกเลย
เหล่าเสนาอำมาตย์ จึงนิมนต์พระมหาเถร เข้าไปในราชวัง และมหาเถรทั้งสอง ก็ได้แสดงธรรมฎีฆานิกาย สีลักขันธ์วรรค พรหมชาลาสูตร กษัตริย์พร้อมทั้งบริวาร ก็ดวงตาเห็นธรรม ตามลำดับ และมหาเถรทั้งสอง ก็เสกให้มนุษย์สิงห์ ตั้งอยู่หน้าราชวัง เพื่อปกป้องภัยอันตรายจากสิ่งต่างๆ ไม่ให้เกิดขึ้นกับสถานที่นั้นๆ และก็ได้ตั้งชื่อเด็กที่เกิดมานั้นว่า โสนุตตระ
นับจากนั้นมา ชาวพม่า ก็ถือเป็นคติของการสร้างรูปนรสิงห์ เพื่อป้องกันภยันตราย ตามสถานที่สำคัญ สืบมาถึงทุกวันนี้