รีวิวหนังดัง THE CREATOR (เดอะครีเอเตอร์)
AI ถือเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกกิจวัตรของเรามี AI มาเกี่ยวข้องเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ลุล่วงง่ายขึ้น ลองจินตนาการถึงอนาคตที่ AI ก้าวล้ำมากพอจนสังคมเปลี่ยนแปลงถึงขนาดให้ AI สองเท้าหนึ่งหัวกับมนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างแทบจะแยกไม่ออก
Gareth Edwards ผู้กำกับวิสัยทัศน์ไกลได้หยิบยกเรื่อง AI กับความสัมพันธ์ของผู้คนมาเป็นประเด็นหลักในการดำเนินเรื่องจนนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างคนกับ AI เนื่องจากการทำงานของ AI ทำให้เกิดระเบิดนิวเคลียร์ขึ้น
เรื่องย่อ
Joshua ได้รับมอบหมายภารกิจแฝงตัวเพื่อตามหาผู้นำ AI ที่ชักนำแผนการทั้งหมด หากกำจัดผู้นำสำเร็จ ชัยชนะจะเป็นของฝ่ายมนุษย์ทันที ซึ่งระหว่างภารกิจเขาได้ตกหลุมรักกับ Maya หญิงสาวในร่างของ AI และตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เป็นครอบครัวจริงๆ
แต่แผนแตกในท้ายที่สุด Maya ถูกระเบิดนำวิถีแล้วจากนั้น Joshua ก็สิ้นหวัง ภายหลังเขาได้รับเบาะแสว่า Maya ยังมีชีวิตอยู่ ภารกิจใหม่ในการตามหาผู้นำ AI อีกครั้ง แม้ใจจริงเขาแค่อยากตามหา Maya เท่านั้น
Joshua กลับพบ Alphaie แทน เด็กผู้หญิงซึ่งเป็น AI คนสำคัญในการชนะสงครามนี้ เขาต้องเลือกระหว่างกำจัดเด็กคนนี้ทิ้ง หรือจะช่วยเธอเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตามหา Maya
นักแสดงนำ
- John David Washington รับบทเป็น Joshua
- Madeleine Yuna Voyles รับบทเป็น Alphie
- Gemma Chan รับบทเป็น Maya
- Ken Watanabe รับบทเป็น Harun
- Allison Janney รับบทเป็น Colonel Howell
- Ralph Ineson รับบทเป็น General Andrews
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.หนังใช้ plot เรื่องที่น่าสนใจ โดยนำประเด็นเรื่อง AI เป็นแกนหลัก แม้อาจจะดูผิดสังเกตไปบ้างที่คนกับ AI จะมีความผูกพันในแบบสามีภรรยาได้ และเกิดเป็นปกติในสังคมด้วย
2.หนังไม่สามารถให้มิติที่น่าจดจำ ไม่สะท้อนถึงความรู้สึกอันดีของตัวละครได้ ทำให้บริบทของตัวละครดูจืดจาง รอฉาก Action ให้รู้สึกตื่นตาอยู่อย่างเดียว หลายฉากไม่สามารถโน้มน้าวให้คนดูรู้สึกอินไปกับความรู้สึกของตัวละครได้ รู้สึกเฉยๆกับสิ่งที่ตัวละครพยายามจะสื่ออย่างน่าเสียดาย
3.การดำเนินเรื่องไม่ได้น่าเบื่อ หลายอย่างมีประเด็นให้คอยติดตามอยู่ตลอด องค์ประกอบของฉากหลังประกอบด้วยบรรยากาศเหมือน BLADE RUNNER เป็นกลิ่นอายของความทันสมัยภายใต้ความเหลื่อมล้ำของผู้คน
4.ฉาก Action ถือว่าทำออกมาได้ดี แม้จะไม่ได้มันสะใจขนาดนั้น เพราะมีความเป็นเอกลักษณ์ที่จะไม่ทำเหมือนหนังนิยมในตลาดทั่วไป จุดอ่อนคือหนังไปไม่สุดสักทาง Action ก็ไม่เต็มที่ Drama ก็ทำได้ไม่ถึง ไม่อินกับเรื่องราวเท่าที่ควร หนังจึงไม่ทำเงินเท่าที่ควร
5.ดนตรีประกอบของหนังก็เบาบาง แม้จะได้คนเก่งอย่าง Hans Zimmer มาเป็น composer แล้วก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มอรรถรสของหนังสักเท่าไหร่
6.โดยรวมไม่ใช่หนังแย่ แต่เป็นหนังที่ให้ความรู้สึกกลางๆ ไม่ได้สนุกมากเท่าไร และก็ไม่ได้ลึกซึ้งกินใจอะไรเลยด้วย แต่เป็นหนังที่ดูแก้เบื่อได้ อีกทั้ง Visual Effects ก็ทำออกมาได้ดี ทีมงานตั้งใจรังสรรค์ผลงานเป็นอย่างมาก ควรค่าแก่การติดตาม