หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ประวัติความเป็นมา ของเมืองที่ถูกยุบลงเป็นตำบล เมืองภูแล่นช้าง (อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์)

โพสท์โดย ประเสริฐ ยอดสง่า

ชาวภูแล่นช้าง อพยพมาจากเมืองเซโปน ฝั่งตะวันออกประเทศลาว ประมาณ พ.ศ.2324 อพยพครั้งแรกประมาณ 20 ครัวเรือน ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมน้ำห้วยขามตอนใต้ ระหว่างบ้านโพนสวาง กับบ้านโนนศาลา ปัจจุบันนี้ให้ชื่อว่าบ้านท่าไค้

ท้าวบุตรโคตรผู้เป็นหัวหน้าบ้านท่าไค้ ได้ส่งชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่ง ไปตั้งบ้านเรือนสำรอง ใกล้เชิงเขาภูแดนช้าง ด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้าน ทำเป็นกระท่อมนา ภาษาท้องถิ่นนี้เรียกว่า เถียงนา ทำรวมกันเป็นหมู่ๆ เพื่อป้องกันช้างป่า จะมาทำร้ายพืชพันธุ์ และจะได้ช่วยกันอย่างรวดเร็ว ต่อมา คนทั้งหลายเรียกกันว่า บ้านเถียงนาชุ มและชายฉกรรจ์เหล่านั้น ได้ทำเครื่องสัญญาณติดต่อกัน โดยไม้เป็นแผ่น ผูกแขวนไว้ที่กระท่อมของตน เพื่อสัญญาณกันเป็นทอดๆ ไป เมื่อเวลาช้างป่าเข้ามา เรียกกันว่า เกาะลอหรือกระลอ ช้างป่าก็ถอยไปเรื่อยๆ

ประมาณปี พ.ศ.2338 ได้ย้ายบ้านเรือนมาตั้งอยู่เชิงเขาภูแดนช้าง บ้านเถียงนาชุม เชิงเขาแห่งนี้เป็นแดนหากินของช้างป่าอยู่ก่อน ด้านทิศเหนือของหมู่บ้านมีลำน้ำห้วยขาม และห้วยโป่งห่างหมู่บ้านประมาณ 1 กิโลเมตร ด้านทิศใต้ของหมู่บ้านหนองขามเฒ่า และลำห้วยพะยังห่างหมู่บ้าน ประมาณ 2 กิโลเมตร ตอนใต้ลงไปอีกมีห้วยแสง ห้วยน้ำปุ้น ห่างหมู่บ้าน 3 กิโลเมตร เป็นทำเลทำการเกษตรอย่างดี จึงตั้งชื่อว่าบ้านนาคลอง

สมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์มีโคตรหลักคำ และพรหมดวงสี ท้าวเพียเมืองวังไม่พอใจ จำราชการกับเมืองวัง จึงอพยพครอบครัวข้ามแม่น้ำโขงมาฝั่งตะวันตก พักอยู่เชิงเขาภูพานด้านทิศตะวันตก ขณะนั้นมีหมู่บ้านเป็นหลักอยู่ 3 หมู่บ้าน คือบ้านนาขาม บ้านนาคู และบ้านนาคลอง ในสมัยเจ้าอนุวงศ์ครองราชสมบัติ เมืองเวียงจันทร์เป็นประเทศราช ขึ้นต่อกรุงเทพฯ จึงนำท้าวเพียทั้ง 2 ลงไปเฝ้าสวามิภักดิ์ ขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ขอตั้งอยู่บ้านนาคลอง เมื่อท้าวบุตรโคตร หัวหน้าบ้านคนเดิมถึงแก่กรรมแล้ว โคตรหลักคำ ได้เป็นหัวหน้าบ้าน จึงเปลี่ยนชื่อบ้านเป็นภูแดนช้าง ต่อมาเพี้ยนเป็นบ้านภูแล่นช้าง

พงศาวดารเมืองกาฬสินธุ์ ที่ราษฎรบรรหารเรียบเรียงได้ว่า จุลศักราช 1207 สัปตศก พุทธศักราช 2388 ปีมะเส็ง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หมื่นเดชอุดม (ท้าวเดช) เชื้อสายราชวงศ์เมืองเวียงจันทร์ ซึ่งลงไปอยู่กรุงเทพฯเป็นที่พระพิไชยอุดมเดชเป็นเจ้าเมืองภูแล่นช้าง ให้เอาคนอยู่ระหว่างเขาภูแล่นช้าง มีหมวดโคตรหลักคำ ที่เป็นภูแล่นช้างเดิม ให้เอาคนอยู่ระหว่างเขาภูพานด้านทิศตะวันตก ให้เกลี้ยกล่อมเอาคนเมืองวังที่แตกเป็นเชลยอยู่นั่น ขึ้นเป็นคนภูแล่นช้าง (ครอบครัวบ้านห้วยนายม แขวงเมืองวัง จำนวน 314 คน)

อักขรานุกรมภูมิศาสตร์ไทยเล่ม 2 1030 จุลศักราช 1207 ปีมะเส็ง สัปตศก พุทธศักราช 2388 ทรงกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้หมื่นเดชอุดม ซึ่งได้พาครอบครัวบ้านห้วยนายม แขวงเมืองเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารตั้งอยู่บ้านภูแล่นช้างนั้น เป็นที่พระพิไชยอุดมเดชเจ้าเมือง ให้ท้าวโคตรหลักคำเป็นอุปฮาด ให้ท้าวมหาราชเป็นราชวงศ์ ให้ท้าวพรหมดวงสีเป็นราชบุตร ยกบ้านภูแล่นช้าง เป็นเมืองภูแล่นช้าง เป็นเมืองกาฬสินธุ์ ตามสมัครใจ พระพิไชยอุดมเดช ให้ผูกผลเร่วส่งเงินแทน ปีละ 8 ชั่งในจำนวน 314 คน

1 ค่ำ จุลศักราช 1226 ปีฉวด ฉศก พุทธศักราช 2407 พระยาไชยสุนทร (กิ่ง) เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ มีหมายขอตั้งท้าวขัตติยะ ให้ว่าที่ราชวงศ์เมืองภูแล่นช้างแทนราชวงศ์ (มหาราช)ที่ถึงแก่กรรม

จุลศักราช 1238 ปีชวด อัฐศก พุทธศักราช 2419 พระยาไชยสุนทร (หนู) เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ เกิดวิวาทบาดหมาง กับพระพิไชยอุดมเดช เจ้าเมืองภูแล่นช้าง และพระธิเบศร์วงศา (ดวง) เจ้าเมืองกุดสิมนารายณ์ เจ้าเมืองทั้งสองคือ พระพิไชยอุดมเดช พระธิเบศร์วงศา ลงไปเฝ้า ณ กรุงเทพฯ ในสมัยราชการที่ 5

จุลศักราช 1239 ปีฉลู นพศก พุทธศักราช 2420 พระธิเบศร์วงศา (ดวง) ขอแยกออกจากเมืองกาฬสินธุ์ ยกไปขึ้นกับเมืองมุกดาหาร พระพิไชยอุดมเดช ขอแยกออกจากเมืองกาฬสินธุ์ ไปขึ้นกับกรุงเทพฯ จึงทรงโปรดเกล้าให้ตามขอ

จุลศักราช 1242 โทศก ปีมะโรง พุทธศักราช 2423 พระพิไชยอุดมเดชถึงแก่กรรม ปีจุลศักราชนี้ เจ้าเมืองและกรมการเมืองถึงแก่กรรม คือ พระธิเบศร์วงศา (ดวง) เจ้าเมืองกุฉินารายณ์ราชบุตร (มหานาม) เมืองกมลาไสย ราชบุตร (กันยา) เมืองยโสธร พระศรีวรราช (สุ่ย) ผู้ช่วยเจ้าเมืองยโสธร

สำหรับเมืองภูแล่นช้าง เมื่อพระพิไชยอุดมเดชถึงแก่กรรมแล้ว อุปฮาด (ดี) รักษาการเจ้าเมืองสืบต่อ อุปฮาด (ดี) เป็นน้องพระพิไชยอุดมเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯเป็นอุปฮาด ในปีจุลศักราชเท่าไร หาหลักฐานไม่พบ อุปฮาด(โคตรหลักคำ) ถึงแก่กรรม ปีจุลศักราชเท่าไร หาหลักฐานไม่พบเช่นกัน แต่ได้รับฟังจากผู้สูงอายุกว่า อุปฮาด (โคตรหลักคำ) ถึงแก่กรรมก่อนเจ้าเมือง

จุลศักราช 1248 ปีจอ อัฐศก พุทธศักราช 2429 อุปฮาด (ดี) ผู้รักษาเจ้าเมือง และกรมการเมืองภูแล่นช้าง มีหมายบอกลงไปกรุงเทพฯ ขอท้าวคำ บุตรพระพิไชยอุดมเดช เป็นราชบุตรแทนราชบุตร (พรหมดวงสี) ที่ถึงแก่กรรมไปนั้น จึงทรงพระกรุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตร ตั้งให้ตามขอ

จุลศักราช 1250 ปีชวด สัมฤทธิศก พุทธศักราช 2431 อุปฮาด (ดี) ผู้รักษาการเจ้าเมืองภูแล่นช้างถึงแก่กรรม เมืองภูแล่นช้าง ได้ท้าวทองสุก บุตรพระพิไชยอุดมเดช เป็นผู้รักษาการเจ้าเมืองสืบต่อ และขอตั้งท้าวพรหม บุตรอุปฮาด (ดี) เป็นผู้ช่วย ท้าวมหาราช ราชวงศ์คนที่ 1 และท้าวขัตติยะ ราชวงศ์คนที่ 2 เพียอพยพมาจากเมืองใด หาหลักฐานไม่พบ

ข้อความพอสรุปได้ว่า เจ้าศิริบุญสาร ทั้งเมืองพาเอาเจ้าเมืองพรหมวงศ์ ราชบุตร และข้าหลวง หนีไปอยู่เมืองคำเกิด ซึ่งเป็นเมืองขึ้นเมืองหลวงพระบาง ฝ่ายไทยได้เอาเจ้านันทเสน เจ้าอินทรวงศ์ เจ้าอนุวงศ์ เจ้าหญิงแก้วยอดฟ้ากลัยาณี ลงมาอยู่กรุงเทพฯ

เจ้าศิริบุญสารทราบข่าวว่า โอรสและธิดาของพระองศ์ไม่ได้รับอันตราย จึงกลับเข้าสู่เมืองเวียงจันทน์ ขอเป็นประเทศราชขึ้นแก่ไทย พระองค์ตรองราชสมบัติอยู่ 1 ปีก็สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2322

พ.ศ.2323 ทางกรุงเทพฯ จึงส่งเจ้านันทเสนมาครองราชสมบัติ ทางนามว่า นันทเสนพรหมลาว มีเจ้าอินทรวงศ์ เป็นอุปราช และเจ้าอินทรวงศ์มีพระราชธิดา เป็นเจ้าจอมในรัชกาลที่ 1 ทรงมีพระราชธิดา พระนามว่า เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี ครัวราษฎรเมืองเวียงจันทร์ ที่กวาดต้อนลงไปครั้งสมัยกรุงธนบุรีนั้น ในครัวราษฎร อยู่ตามหัวเมืองชั้นใน ที่ถูกพม่ากวาดต้อน เอาราษฎรไปเสียจนร้างอยู่ คือ เมืองลพบุรี เมืองสระบุรี เมืองนครนายก และเมืองฉะเชิงเทรา

ส่วนญาติของเจ้าศิริบุญสาร พระบาทสมเด็จพระยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงทะนุบำรุงไว้เองให้อยู่ ณ กรุงเทพฯ

หมื่นเดชอุดม (ท้าวเดช) และท้าวดี ซึ่งเป็นบุตร-หลานในราชวงศ์เมืองเวียงจันทน์ บิดาได้ส่งไปอยู่ ณ กรุงเทพฯ เพื่อศึกษาอักษรไทย ราวปลายรัชกาลที่ 1 หรือต้นรัชกาลที่ 2 อยู่จนถึงรัชกาลที่ 3 ท้าวเดช จึงได้มาเป็นเจ้าเมืองภูแล่นช้างที่ พระพิไชยอุดมเดช

ราชบัณฑิตยสถาน กล่าวประวัติภูแล่นช้างดังนี้ เป็นตำบลขึ้น อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เดิมเรียกบ้านภูแดนช้าง เพราะที่เขาทางทิศตะวันตกตำบลนี้ ห่างจากบ้านราว 800 เมตร เป็นแดนหากินของช้างป่า ภายหลังเรียกเพี้ยนเป็นภูแล่นช้าง เคยเป็นเมือง ราว พ.ศ.2442 ยุบเป็นอำเภอ ขึ้นจังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อ พ.ศ.2452 ยุบเป็นตำบล

โพสท์โดย: ประเสริฐ ยอดสง่า
อ้างอิงจาก: แหล่งที่มาของข้อมูล
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
5 เทคนิคเพิ่ม Productivity ที่ช่วยให้คุณทำงานสำเร็จเร็วขึ้น1 ใน 8 ของนักเรียนร.ร.รัฐในนิวยอร์ก'ไร้บ้าน'!😉 ชวนมาร่วมหาคำตอบของวัตถุปริศนากับผู้คนในโลกโซเชียลกัน 😆ตำรวจ ตามรวบจนครบ 3 โจ๋เหิมเกริม ใช้มีดฟันคู่อริ กลางสถานี BTSอันตราย! คนจีนจ้างแพ็คอาหารเสริมปลอม ขายผ่านออนไลน์ในไทย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ลิลลี่ เหงียน" สวนกลับ "ปู มัณฑนา"..อย่าลืมเอาเงินมาคืนกะxsี่ผู้มีพระคุณด้วยเงินดิจิทัลเฟส 3 คนทั่วไป เงินเข้าเมื่อไหร่ ได้เงินสดไหม วิธีเช็กสถานะทางรัฐอีกมุมของ "ยายสา" ตำนานแม่มดแห่งสมิหลา กับความลึกลับที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย"หวังเซียนเฉา นักการทูตผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ถัง‘ขนม ศศิกานต์’ เลิก ‘ครูเต้ย อภิวัฒน์’ ทั้งที่เพิ่งคลอดลูก คนที่ 2 จากกันด้วยดี ไม่มีมือที่ 3
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
ล่าแม่มดทริบูร์: ความกลัวที่ทำให้ชีวิตกลายเป็นเพียงเงาในประวัติศาสตร์"นิยายวาย : เดิมพันรักนักพนันแจ็คเดอะริปเปอร์: ฆาตกรที่โหดที่สุดในประวัติศาสตร์อีกมุมของ "ยายสา" ตำนานแม่มดแห่งสมิหลา กับความลึกลับที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย"
ตั้งกระทู้ใหม่