รีวิวแกะกล่อง TOP GUN ฟ้าเหนือฟ้า ในรูปแบบ Blu-ray disc
สุดยอดทีมนักบินแห่งโรงเรียนฝึกสอนการบิน TOP GUN เพื่อชิงความเป็นที่หนึ่งของรุ่น ถือเป็นความเท่ ความภาคภูมิใจของลูกผู้ชาย นักบินประจำกองทัพเรือแต่ละคนเรียกได้ว่าไม่มีใครยอมใคร โดยมีชื่อสมญานามแทนการเรียกชื่อจริง หากใครทำได้เหนือกว่าย่อมเป็นการสร้างชื่อให้ตัวเอง
ผลงานการกำกับโดย Tony Scott ที่ขึ้นชื่อเป็นผลงานภาพยนตร์ที่น่าจดจำที่สุดตลอดกาล แม้หนังจะออกฉายมาตั้งแต่ปี 1986 แต่ก็เป็นต้นตำรับของการทำหนังต่อสู้ทางอากาศยานที่ปัจจุบันยังไม่มีหนังเรื่องไหนทำได้ดีเท่าหนังภาคต่อของตัวเอง
เรื่องย่อ
Maverick หนึ่งในนักบินที่โดดเด่นมีเพื่อนสนิทอย่าง Goose ทั้งคู่มีความมุ่งหวังในการเป็นที่หนึ่งของรุ่น โดยมีคู่แข่งมากหน้าหลายตา คู่แข่งตัวเต็งมีนามว่า Ice ที่มีทักษะไม่ด้อยไปกว่า Maverick สักเท่าไหร่
นอกจากนี้ Maverick ยังตกหลุมรัก Charlie ครูฝึกสาวจากฝ่ายพลเรือนในการวิเคราะห์ทิศทางการบินในมุมมองวิชาการ
ทั้งหมดของเรื่องคือการฝึกฝน ท้าทายเพื่อให้ตัวเองได้เติบโต แข่งขันความเป็นหนึ่ง ระหว่างก็จะหล่อหลอมมิตรภาพ ความรัก ความขัดแย้งและการกระทบกระทั่ง
นักแสดงนำ
- Tom Cruise รับบทเป็น Maverick
- Kelly McGillis รับบทเป็น Charlie
- Val Kilmer รับบทเป็น Ice
- Tim Robbins รับบทเป็น Merlin
- Anthony Edwards รับบทเป็น Goose
- Tom Skerritt รับบทเป็น Viper
- Michael Ironside รับบทเป็น Jester
- Barry Tubb รับบทเป็น Wolfman
- Meg Ryan รับบทเป็น Carole
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.หนังสร้างความรู้สึกร่วมไปกับคนดูได้ดี นี่ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งในการถ่ายทอดเรื่องราวที่ทำได้ยากและน้อยคนจะทำเป็น หนังสะท้อนชีวิตของการแข่งขันได้ดีโดยที่ความสนุกจะเกิดขึ้นเองตรงที่เราเคยมีประสบการณ์กับภาวะกดดันที่เกิดขึ้น และหนังสามารถพาไปถึงจุดชี้ทางออกของปมได้
2.หนังใช้เทคนิคการตัดต่อภาพที่ไม่ค่อยดีนัก หลายฉากตัดภาพเครื่องบินสลับกับภาพนักบินชวนให้ดูแล้วรู้สึกอึดอัด แต่มองในมุมของคนทำงานปี 1986 ถ้าจะเอาความรู้สึกปัจจุบันเป็นตัวตัดสินใจก็คงจะไม่ยุติธรรมนัก หนังแทบจะไม่ได้ใช้ CGI เลย แต่เป็นการถ่ายภาพเครื่องบินโฉบเฉี่ยวไปมา ด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในสมัยนั้น บวกกับการขออนุญาตรัฐในการส่งเสริม softpower ในด้านการรักชาติ การถ่ายทำจึงใช้สถานที่จริงได้ โดยไม่ต้องใช้ Visual Effects เกินความจำเป็นนั่นเอง
3.การแสดงของ Tom Cruise ไม่มีข้อกังขา เขาเหมาะที่จะเป็น Maverick โดยสมบูรณ์แล้ว เพียงแต่คอหนังอาจจะยังไม่ค่อยได้เห็นผลงานของเขามากเท่าไรนัก เพราะเพิ่งเข้าวการมาไม่นาน ซึ่งก็มีอยู่น้อยเรื่อง
4.ในการสะท้อนการแข่งขัน มิตรภาพ ความรัก สามารถนำเสนอโดยไม่เป็นการยัดเยียดเรื่องความรักชาติ ทุกอย่างสะท้อนออกมาในแง่ของหน้าที่ความรับผิดชอบอยู่แล้ว ทำให้ภาพรวมออกมาลงตัวทุกอย่าง
5.การสูญเสีย คือ Highlight สำคัญของหนังก่อนจะปิดท้ายตอนจบของเรื่อง ถือเป็นข้อเตือนใจว่าเก่งแค่ไหน ก็มีเหตุไม่คาดฝันให้ตนเองพ่ายแพ้ได้เหมือนกัน จึงไม่อาจทะนงตนมั่นใจโดยละเลยความรอบคอบไม่ได้
6.ด้วยความยาวของหนังที่ 106 นาที ถือว่าไม่ยาวจนเกินไป ใครที่ไม่ชอบหนังยาวมากเกินไป เรื่องนี้ก็ขอแนะนำ ซึ่งถือเป็นหนัง Classic ต่อสู้ทางอากาศยานที่น่าจดจำไปตลอดกาล