หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

บึงบอระเพ็ด ตำนานเจ้าแม่หมอนทอง ผู้พิทักษ์บึงอันยิ่งใหญ่😱😱😱

โพสท์โดย ประเสริฐ ยอดสง่า

เมื่อเอ่ยชื่อ “บึงบอระเพ็ด” แม้ว่าชื่อนี้ ผู้คนรุ่นใหม่จะไม่ค่อยได้ยิน แต่ความยิ่งใหญ่ และความสำคัญของบึงแห่งนี้ ก็ยังไม่เลือนไปง่ายๆ จากคนสูงวัย หรืออย่างน้อย ก็ผู้คนที่มีชีวิต อยู่ในจังหวัดนครสวรรค์ เพราะ “บึงบอระเพ็ด” นั้น ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งปัจจุบันนี้ถือว่า เป็นเมืองประตูต้นทาง ไปสู่ภาคเหนือ ที่ทุกวันนี้ มีความเจริญก้าวหน้าขึ้นมา อย่างผิดหูผิดตา มีทุกอย่างไม่ผิดกรุงเทพมหานคร

ชื่อเสียงของนครสวรรค์ ไม่เพียงแต่เป็นเมืองใหญ่ในภาคกลาง แต่เป็นเมืองที่เริ่มต้นของสายน้ำใหญ่ ที่ไหลหล่อเลี้ยงชีวิตชาวไทย เกือบครึ่งประเทศเอาไว้ นั่นคือแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นที่รวมของแม่น้ำสี่สายคือ ปิง วัง ยม และ น่าน

แม้นครสวรรค์ จะเจริญก้าวหน้าไปเพียงใดก็ตาม แต่ “บึงบอระเพ็ด” ก็ยังคงความเป็นอดีตดั้งเดิมอยู่อย่างนั้น จะมีเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ก็คือสภาพของบึงที่ตื้นเขินขึ้น และการเดินทางไปสู่บึงบอระเพ็ด ก็สามารถที่จะไปได้สะดวกกว่าแต่ก่อน เพราะมีเส้นทางเดินรถ สายชุมแสง-นครสวรรค์พาดผ่าน ที่สำคัญ ทางการรถไฟ ได้จัดสร้างสถานีรถไฟบึงบอระเพ็ดขึ้น เพื่อเป็นที่พักรถขบวนพิเศษ สำหรับสนับสนุนการท่องเที่ยวบึงบอระเพ็ด

อย่างไรก็ดี ความเจริญที่ว่านี้ ก็มีส่วนในการช่วยทำลายธรรมชาติในบึง มากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งการทำลายพืชพันธุ์ไม้น้ำ ที่หายาก ยิ่งนกน้ำ ที่อาศัยอยู่อย่างเป็นสุขในบึงแต่อดีต ถูกนักล่าทำลาย ปลาหลากชนิดสูญพันธุ์ไป เพราะนักหาปลาในบึง ที่มีนิสัยมักง่ายและโลภมาก ใช้อุปกรณ์หาปลาผิดประเภท คือใช้แบตเตอรี่ชอร์ตปลา ทำให้ปลาเล็กปลาน้อย สิ้นชีวิตไปเกือบหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ปลาเสือตอ” ที่สูญพันธุ์ไปจากบึงบอระเพ็ดเลยทีเดียว และที่สำคัญ จระเข้บึงบอระเพ็ด ที่ในอดีต เคยสร้างชื่อเสียงให้กับบึง และเมืองนครสวรรค์ ได้สูญพันธุ์ไปจากบึงโดยเด็ดขาด ตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๐๑ เพราะมีผู้ยืนยันว่า เสียงจระเข้คำรามกึกก้อง เมื่อถึงเวลาผสมพันธุ์ ในฤดูผสมพันธุ์ เดือนเมษายน-เดือนพฤษภาคม ได้เงียบหายไปแต่ปีนั้น

แต่ชาวบึงทุกคน ที่ใช้ชีวิตในบึง มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ก็ยังยืนยันว่า จระเข้ในบึงบอระเพ็ดนั้น จะไม่มีวันหมดสิ้นไปจากบึงบอระเพ็ด ตราบใดที่ยังมี “ศาลเจ้าแม่หมอนทอง” ตั้งอยู่ เขาเชื่อกันว่า เจ้าแม่หมอนทอง เทพีผู้รักษาบึงองค์นี้ เป็นผู้พิทักษ์จระเข้บึงบอระเพ็ดทั้งหมดเอาไว้ ไม่ยอมให้โผล่ขึ้นมา ปรากฏกายเหนือน้ำอย่างแต่ก่อน เพื่อให้รอดจากการถูกล่า เอาทั้งไข่และตัวไปขายอย่างแต่ก่อน จระเข้บึงบอระเพ็ดทุกตัว “กบดาน” เพื่อรอวันที่จะโผล่ผุดขึ้นมา สำแดงความยิ่งใหญ่ ของความเป็น “จ้าว” ของบึงบอระเพ็ดต่อไป ตราบนิรันดร์

ชาวบึงบอระเพ็ดทุกคน ทุกวัย จะกล่าวนามเจ้าแม่หมอนทอง ด้วยความเคารพ และจะต้องกล่าว ขอความคุ้มครองความปลอดภัยทุกอย่าง ในบึงบอระเพ็ด ก่อนที่เขาจะลงหาปลาในบึง อิทธิฤทธิ์ของเจ้าแม่หมอนทองนั้น มีมานาน คู่กับบึงแห่งนี้ แต่คนภายนอก ไม่ค่อยได้ทราบถึงกิตติศัพท์ของเจ้าแม่องค์นี้ ความลี้ลับมหัศจรรย์ ของเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าแม่ เป็นที่โจษขานกันอยู่เฉพาะชาวบึง ที่มีชีวิตเกี่ยวข้องอยู่กับบึงนี้เท่านั้น

ประวัติและความเป็นมาของ “เจ้าแม่หมอนทอง” เพื่อเป็นการยืนยันว่า บึงบอระเพ็ดนั้น ยังมีจระเข้ และเจ้าแม่ผู้คุ้มครอง ตามตำนานเล่าว่า ปี พ.ศ.๒๔๖๖ ปลายรัชกาลที่ ๖ ต่อรัชกาลที่ ๗ เมืองนครสวรรค์ มีฐานะเป็นมณฑลนครสวรรค์ และเพิ่งจะเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบมณฑล มาเป็นการปกครองส่วนจังหวัด อย่างสมบูรณ์ไม่นาน

ครั้งนั้น สภาพของบึงบอระเพ็ดยังสมบูรณ์ ในลักษณะพื้นที่เก็บกักน้ำ ที่จะบ่าลงมาท่วมพื้นที่อันไพศาลกว่า ๑๓๐,๐๐๐ กว่าไร่ ในทุกฤดูน้ำหลากเดือนตุลาคม โดยไหลล้นจากแม่น้ำน่าน เข้ามาในลำคลองบอระเพ็ด เข้าคลองพระนอน หนองกรวดใน หนองดุก หนองกาแอก คลองสายลำโพง ซึ่งเป็นพื้นที่หนอง และลำคลองในพื้นที่เดิม ของอาณาเขตบึงบอระเพ็ด จนกลายเป็นผืนน้ำกว้างใหญ่ ที่มีเขตติดต่อถึงสามอำเภอ ในเขตจังหวัดนครสวรรค์คือ อำเภอเมือง อำเภอชุมแสง และอำเภอท่าตะโก

โดยปกติแล้ว พื้นที่ส่วนใหญ่ของบึง ก็เป็นป่าพงดงหญ้าขึ้นเต็ม ไม่สามารถที่จะใช้ทำนาปลูกข้าวได้ เพราะมีวัชพืชจำพวกผักตบ สันตะวา ฯลฯ ขึ้นระบัดไปทั่ว พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นบึงน้ำดังกล่าว ครั้งนั้น กระทรวงเกษตราธิการ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปัจจุบัน) ได้มอบหมายให้ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญด้านการประมงจาก สหรัฐอเมริกา ดร.ฮิวจ์ เอ็ม สมิธ ทำการวิจัย และหาทางพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว ให้เกิดประโยชน์ ดร.ฮิวจ์ ได้เสนอการจัดสร้างประตูน้ำ สำหรับเก็บกักน้ำ ให้คงสภาพของบึงอยู่ตลอดเวลา เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำทั้งหลาย เอาไว้ตลอดกาล จึงได้มีการจัดสร้างประตูน้ำบึงบอระเพ็ดขึ้นในปีพ.ศ.๒๔๗๐ สภาพบึง จึงปรากฏขึ้นมาเต็มสภาพ เช่นในปัจจุบัน

แต่เดิม เมื่อถึงฤดูแล้ง การเดินทางเชื่อมโยง ระหว่างฝั่งบึงด้านตะวันออก ในเขตบ้านท่าตะโก ซึ่งจะมายังฝั่งตะวันตก ปากคลองบอระเพ็ดนั้น ก็ใช้เกวียนเดินทางข้ามบึงมา ก่อนถึงปากคลองบอระเพ็ดด้านใน มีต้นมะม่วงหมอนทอง ต้นสูงใหญ่ขึ้นอยู่ ณ ที่ตรงนี้ คือสถานที่พักของขบวนคาราวานเกวียนทุกครั้ง ซึ่งการปฏิบัตินี้ กระทำกันมาแต่โบราณ หรือแม้แต่เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก ขึ้นมาท่วมบึง ชาวบ้านต้องเปลี่ยนสภาพการเดินทางจากเกวียน มาเป็นเรือแจว เรือพายหรือเรือยนต์ ก็ต้องผ่านต้นมะม่วงหมอนทองต้นนี้ และเข้าพักร่มเงา เพื่อกินข้าวกินปลา บางครั้งก็พักผ่อนนอนเอาแรงกันที่นี่ เป็นประจำ

บริเวณด้านใน ปากคลองบอระเพ็ดแห่งนี้ เป็นบึงกว้างที่มีชื่อว่า “บึงบอระเพ็ด” เป็นบึงน้ำที่มีห้วงน้ำลึกที่สุด (ครั้งนั้น) น้ำเย็นจัด สีเขียวเข้ม แลดูน่ากลัว รอบๆ บึงเป็นกอสวะ ผักตบ สันตะวา กอสนุ่น พงอ้อ ที่สำคัญบึงกว้างแห่งนี้ เป็นที่อยู่ของเหล่าจระเข้ร้ายนับพันตัว ซึ่งอาศัยอยู่ในดงสนุ่นส่วนหนึ่ง และกบดานอยู่ในส่วนลึกของบึงอีกส่วนหนึ่ง และในส่วนของบึงลึกล้ำแห่งนี้ คือที่อยู่ของสองจระเข้ร้าย ที่ยึดพื้นที่ของบึงแต่ละส่วน ปกครอง จระเข้บริวารอยู่คนละแดน เจ้าพ่อบึงแดนเหนือคือ “ไอ้ด่าง” และเจ้าพ่อบึงแดนใต้ คือ “ไอ้ดำ”

ทั้งสองพยัคฆ์ร้าย แห่งบึงบอระเพ็ดนี้ เป็น “เรือของเจ้าแม่หมอนทอง” ทั้งคู่ ไม่ว่าผู้ใด ประสงค์จะดูจระเข้ตัวไหน หากจุดธูปเจ็ดดอก ร้องขอกับเจ้าแม่หมอนทอง ก็จะสามารถดูได้ ในเพียงเสี้ยวนาทีที่ธูปหมดดอก ไอ้ด่างมีสัญลักษณ์ คิ้วด่าง ลำตัวมีลายด่างพาดตลอด ส่วนไอ้ดำนั้น ผิวเกล็ดของมัน สีดำมะเมื่อม ดวงตาโตส่งประกายสีแดง ดุจสีเลือด ทั้งสองตัว ใหญ่และยาวกว่าสองวา ปากกว้าง เขี้ยวแหลมคม กับท่อนหางอันมหึมา ยามว่ายโบกสะบัด แลดูน่าเกรงขาม

“ไอ้ด่าง” ไม่เคยทำร้ายคน บางครั้ง มันปรากฏกายว่ายเคียงข้างไปกับเรือ แล้วก็ดำน้ำหายไป จนมันได้ฉายาว่า “สุภาพบุรุษแห่งบึงบอระเพ็ด” ผิดกับ “ไอ้ดำ” ซึ่งได้ฉายานามว่า “พยัคฆ์ร้ายแห่งบึงบอระเพ็ด” มันเป็นจอมจระเข้ล่ามนุษย์ ผู้ไม่ประสงค์ดี คิดลบหลู่ดูหมิ่นเจ้าแม่หมอนทอง ผู้ใดกระทำผิดกฎของบึง ด้วยการกล่าววาจาเยาะเย้ยถากถาง หรือประกาศศักดาว่า ไม่กลัวจระเข้ร้ายบึงบอระเพ็ด หรือจาบจ้วง เข้าทำลายสัตว์น้ำ หรือจระเข้ในบึง โดยไม่บอกกล่าว ไอ้ดำจะตามติด เพื่อไล่ล่าอย่างไม่ละลด จนกว่าจะสังหารได้ มีเรื่องราวความร้ายกาจของไอ้ดำ เล่าขานกันมากมาย ดังเรื่องราวของมันเรื่องหนึ่ง

ดังได้กล่าวมาแล้วว่า การที่ผู้คนชาวบึง จะต้องอาศัยพักพิง ร่มมะม่วงหมอนทองมหึมานั้น มานานนม นับย้อนหลังเป็นร้อยปี จึงเกิดความรู้สึกว่า ต้นมะม่วงหมอนทองนั้น น่าจะมีเทพีสิงสถิต จึงได้พร้อมใจกัน ตั้งศาลเพียงตาขึ้น เป็นศาลไม้เล็กๆ ตั้งอยู่ที่โคนต้นมะม่วงหมอนทองนั้น และชาวบึง ก็ขนานนามเจ้าแม่ที่สถิตแห่งศาลนั้นว่า “เจ้าแม่หมอนทอง”

เนื่องจากในฤดูน้ำหลาก บึงบอระเพ็ด เดิมที่เป็นบึงเล็ก ก็กลายเป็น “จอมบึง” ที่กว้างใหญ่ไพศาล และผืนน้ำที่เวิ้งว้างแห่งนั้น ก็ดูประหนึ่งท้องทะเล จนมีนามขนานกันอีกนามหนึ่งว่า “ทะเลเหนือ” เมื่อเวลาเกิดลมฝน มีพายุมรสุม คลื่นในท้องทะเลเหนือแห่งนี้ ก็โถมเข้าหาฝั่งขอบบึง ด้านที่ตั้งศาลเจ้าแม่หมอนทองอยู่ ปีแล้วปีเล่า และในท้ายที่สุด ต้นมะม่วงหมอนทอง และศาลเดิม ก็ล่มสลายลงบึงไป

ต้นมะม่วงหมอนทองต้นนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า ก่อนถึงวันที่จะโค่นล้มลงบึงนั้น เจ้าแม่ได้ไปเข้าฝันชาวบึง ย่านปากคลองบอระเพ็ดผู้หนึ่งว่า ถึงเวลา ที่ต้นมะม่วงหมอนทอง จะต้องล่มสลายไปตามกาลเวลา แต่เนื่องจากเจ้าแม่ ได้อยู่มีความสุขตลอดมา และไม่ปรารถนา ที่จะโยกย้ายไปที่ใด จะยังคงพิทักษ์รักษาบึงอยู่ ณ ที่แห่งนั้น จึงขอให้เป็นตัวแทน แจ้งแก่ชาวบึงทั้งหลายว่า ให้ช่วยกันกู้เอาต้นมะม่วงหมอนทองขึ้นมา เลื่อยเป็นไม้ และสร้างสิ่งอันเป็นศาสนสถาน ไว้ที่วัดกลางบึงให้ด้วย และให้ใช้ส่วนหนึ่ง สร้างศาลให้ใหม่ ณ ปากคลองบอระเพ็ดที่เดิม

วัดกลางบึงนั้น แต่เดิมเป็นวัดร้าง สร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้คนที่เดินทางผ่านบึงจะแวะพัก และสร้างเป็นศาลา เพื่อเอาไว้ให้ชาวบึงได้พักกัน ต่อมา มีการสร้างเป็นโบสถ์ สำหรับเป็นที่บูชา โดยนำพระพุทธรูปศิลาองค์ใหญ่ จากวัดท่าตะโก มาประดิษฐานเอาไว้ ชาวบึงที่มาพักที่ศาลาไม้มะม่วงนี้ จะเข้ากราบไหว้เป็นประจำ ถึงวันสงกรานต์ ก็จะยกขบวนแห่ มาทำพิธีสรงน้ำพระพุทธรูปองค์นี้ทุกปี

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๐ มีการสร้างประตูน้ำบอระเพ็ดขึ้น ทำให้น้ำเอ่อล้น ท่วมบริเวณบึงทั้งหมด สิ่งต่างๆ ในบึง จมอยู่ใต้ผิวน้ำจนสิ้น สภาพบึง จึงกลายเป็นทะเลกว้างใหญ่ และขนานนามกันว่า “บึงบอระเพ็ด” แต่บัดนั้น

วัดกลางบึง ถูกน้ำท่วมจนมิด ศาลาไม้มะม่วงและโบสถ์ ถูกน้ำพัดทลาย พระพุทธรูปศิลา จมหายไปกับสายน้ำในบึงกว้าง ไม่รู้ว่าอยู่ ณ ที่ใด ปัจจุบัน สถานที่นี้ เรียกขานกันในหมู่ชาวบึงว่า “เกาะวัด” หรือเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “โคกโบสถ์” มีเนื้อที่หลงเหลือพ้นน้ำ อยู่เพียง ๕๐ ตารางวา และใช้เป็นที่หลบลมฝนและพายุ ของชาวบึงเวลาออกหาปลา

ศาลเจ้าแม่หมอนทองหลังเดิม ได้ล่มสูญสลายไปอีกครั้งหนึ่ง ต่อมา เมื่อเกิดประตูน้ำบึงบอระเพ็ดขึ้น เจ้าหน้าที่ของกรมประมง ซึ่งมีหน้าที่ดูแลบึง ได้พร้อมใจกันสร้างศาลเจ้าแม่หมอนทองขึ้นใหม่ โดยย้ายจากปากคลองบอระเพ็ดด้านใน เข้ามาในพื้นที่ของประตูน้ำบึงบอระเพ็ด อีกประมาณ ๕๐ เมตร และได้ให้ช่างปั้น ปั้นรูปเจ้าแม่ขึ้น ตามลักษณะนิมิตของชาวบึงบอระเพ็ด ที่เคยพบกับเจ้าแม่ในความฝัน

ปัจจุบันศาลเจ้าแม่หมอนทอง ยังคงตั้งอยู่ ถ้าหากขึ้นไปยืนบนศาลของเจ้าแม่ จะมองเห็นพื้นที่ทั่วไปของบึงได้ชัดเจน เพราะศาลใหม่แห่งนี้ สร้างอย่างแข็งแรง เป็นเรือนปั้นหยาสูง มีบันได ๙ ขั้น เป็นโถงมีเฉลียงยืนได้ ๒-๓ คน ภายในศาล เต็มไปด้วยตุ๊กตาช้าง ม้า วัว ควาย ทาสี ทาสา และแขวนระโยงระยางด้วยผ้าสี และห้อยพวงมาลัยกระดาษสีสันต่างๆ เต็มไปหมด ผู้คนทั่วไป และชาวบึงบอระเพ็ด ยังคงแวะเวียนไปกราบไหว้ สักการะ ขอความคุ้มครอง และโชคลาภกันอยู่เป็นนิจ จนบัดนี้

แม้ว่าปัจจุบัน ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่ จะเสื่อมคลายลงไปบ้าง เพราะเรือของเจ้าแม่ลำหนึ่ง คือไอ้ดำ ได้ถูกสังหารด้วยปืนวินเชสเตอร์ และนำขึ้นมาสตาฟเอาไว้ ที่บริเวณที่เรียกกันว่า “แพบึง”ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๐ แล้วบริวารของเจ้าแม่ทั้งหลายทั้งปวง ก็ถูกไล่ล่าจากบึงจนหมดสิ้น แต่ชาวบึงก็เชื่อว่า ไอ้ด่าง เรือของเจ้าแม่อีกลำหนึ่ง ยังคงชีวิตอยู่ ส่วนมันจะอยู่ที่ใด รอเวลาเมื่อไหร่จะปรากฏกาย ก็เห็นจะต้องแล้วแต่เจ้าแม่หมอนทอง เทพีผู้รักษาบึงบอระเพ็ดแห่งนี้

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ชื่อของเจ้าแม่หมอนทอง ก็ยังคงอยู่ในความทรงจำ ของชาวบึงบอระเพ็ดทุกคนตราบนิรันดร์กาล

โพสท์โดย: ประเสริฐ ยอดสง่า
อ้างอิงจาก: https://youtu.be/RQBdMF3_Iyk?si=5dZaLkK_nXqeHBHI
แหล่งที่มาของข้อมูล
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
วิธียืนยันตัวตัวเตรียมพร้อมลงทะเบียนรับเงิน ดิจิทัล 10,000 มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ลงทะเบียนผ่านอะไรได้บ้าง ลงผ่านโทรศัพท์ได้หรือไม่ลงทะเบียนแอปทางรัฐ เพื่ิอรับเงิน 10,000อุบัติเหตุสยอง! ชายอินเดียถ่ายวิดีโอ Instagram บนรถจักรยานยนต์ สุดท้ายชนราวเหล็กเสียชีวิตคาที่อึ้ง!!! ครูสาวแอบมีเซ็กกับกลุ่มนักเรียนชายจนตั้งท้องอาหารที่มีราคาแพงที่สุดในโลกทอเบย์ แม็กไกวร์ "สไปเดอร์แมน" วัย 49 ปี สปาร์คไฟรักกับดาวรุ่งเอเชีย วัย 20 ปี!เปิดบาร์โฮสใหม่! "ต้นหอม" ดึง "ซี ศิวัฒน์" เรียกแขก..ฮอตจัดประมูลจบที่ 150 ดื่ม 💋บ๊ะจ่าง(肉粽)..!อาหารแสนอร่อยจากตำนานแสนเศร้ารวม 5 ผลไม้ ที่น้องแมวกินได้ดี มีประโยชน์มากมาย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
“เมารถ” ใช้วิธีนี้เจนนี่ ได้รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมดีกว่าถือหมอนเป็นไหนๆ..ให้นาคขี่คอเข้าโบสถ์ เท่กว่าเยอะ!ดึงขนจมูกเสี่ยงตาย! หมอเตือน "สามเหลี่ยมแห่งความตๅย" บนใบหน้าสถาปนิกชาวอินเดีย คิดค้นกำแพงลดความร้อน โดยไม่ใช้ไฟฟ้า
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Review, HowTo, ท่องเที่ยว
กระท่อมที่สร้างจากกระดูกแมมมอธเกาหลีกับญี่ปุ่น เที่ยวที่ไหนประทับใจ?ทะเลน้อย พัทลุง หนึ่งในทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยสถานที่ประหลาดแห่งอนุสรณ์สถานแห่งชาติ Vermilion Cliffs
ตั้งกระทู้ใหม่