หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ตำนาน กินไข่พญาเงือก อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง

โพสท์โดย ประเสริฐ ยอดสง่า

แจ้ห่ม เป็นหนึ่งใน 13 อำเภอของจังหวัดลำปาง และเป็นอำเภอที่มีพื้นที่มากเป็นอันดับสาม ของจังหวัดลำปาง รองจากอำเภองาวและอำเภอเถิน

ตามตำนานพงศาวดารโยนกได้กล่าวว่าในราวพ.ศ. 1801 สมัยพระยางำเมืองได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินครองราชสมบัติแว่นแคว้นพะเยานครซึ่งในประวัติศาสตร์อำเภอแจ้ห่มได้กล่าวว่าในปีนั้นได้ส่งพญาคำแดงผู้ราชบุตรมาครองเมืองแจ้ห่มในฐานะพระยุพราชพญาคำแดงผู้ราชบุตรได้ครองเมืองพะเยาเป็นอันดับที่ 13 ของราชวงศ์พะเยา และส่งพญาคำลือผู้ราชบุตรให้มาครองเมืองแจ้ห่ม ในฐานะพระยุพราชเช่นเดียวกันจากการตรวจสอบทั้งด้านภูมิประเทศ ภาพถ่ายทางอากาศ เอกสารตำนานและนิทานพื้นบ้านต่างๆ อาจสรุปได้ถึงลักษณะเมืองแจ้ห่มโบราณว่า ในพื้นที่ดังกล่าว น่าจะมีเมืองลัวะที่สร้างขึ้นบนดอยเตี้ยๆใกล้บ้านสบมอญซึ่งมีคูคัน-ดินแบบอาศัยธรรมชาติเป็นรูปทรงของเมืองหลังจากที่เมืองถูกทิ้งให้รกร้างว่างเปล่าไปแล้ว ได้เกิดการสร้างเมืองขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่งในสมัยพ่อขุนจอมธรรมและมีสถานะภาพเป็นเมืองลูกหลวงหรือเมืองอุปราชของเมืองพะเยา เพราะเมื่อกษัตริย์ที่เมืองพะเยาสวรรคตแล้ว เจ้าเมืองที่ได้มาครองเมืองแจ้ห่มทุกพระองค์จะต้องเสด็จไปครองราชย์ที่เมืองพะเยาเสมอ เมืองแจ้ห่มอาจล่มสลายไปครั้งหนึ่งเพราะเหตุอุทกภัย แล้วสร้างขึ้นใหม่ อยู่สืบต่อมาจนอาณาจักรล้านนา ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า เมืองแจ้ห่มก็น่าที่จะตกอยู่ในการปกครองของพม่าด้วย ดังปรากฏร่องรอยของสถาปัตยกรรมแบบพม่าขึ้นหลายแห่งที่อำเภอแจ้ห่ม ภายหลังจากที่อาณาจักรล้านนาเป็นอิสระจากการปกครองของพม่า เมืองแจ้ห่มจึงกลับมาอยู่ในความปกครองของนครลำปาง เจ้านครลำปางได้ตั้งให้ญาติวงศ์มาประจำอยู่เมืองแจ้ห่ม คอยดูแลเก็บส่วยต่างๆส่งเข้าไปถวายเจ้าผู้ครองทุกปี เช่น ส่วยเหมี้ยง,ขี้ผึ้ง เป็นต้น ต่อมาเมื่อมีพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ประกาศใช้บังคับ ก็ได้มีการตั้งเมืองแจ้ห่ม เป็นอำเภอแจ้ห่ม และได้ก่อสร้างที่ว่าการอำเภอแจ้ห่ม หลังแรกขึ้น ณ สถานที่บ้านป่าแดด ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า หนองม่วงขอ โดยมี นายเป้า (พระภูธรธุรรักษ์) เป็นนายอำเภอคนแรก สมัยนั้นชาวบ้านเรียก ที่ว่าการอำเภอว่า ศาลอำเภอ เรียกนายอำเภอว่า เจ้าอำเภอ ต่อมาได้มีการย้ายที่ว่าการอำเภอมาสร้างขึ้นใหม่ตำบลแจ้ห่ม ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานเทศบาลตำบลแจ้ห่ม

ท่านผู้เฒ่าผู้แก่ ได้เล่าสืบกันมาว่า สมัยหนึ่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมศาสดา ได้เสด็จโปรดเวไนยสัตว์ ลุถึงภูเขาลูกหนึ่ง อันมีนามในปัจจุบันว่า “ดอยพระบาท” ได้ทรงทราบว่า มียักษ์ตนหนึ่งนามว่า “อาฬาวี” อาศัยสิงสถิตอยู่ ณ ดอยอักโขชัยคีรี มีสันดาน อันจะหยั่งถึงซึ่งพระไตรสรณาคมน์ แต่เป็นด้วยความหลงผิด จึงประพฤติชั่ว ทำบาปหยาบช้า เบียดเบียนมนุษย์และสัตว์ จับกินเป็นอาหารอยู่   เป็นเนืองนิตย์

พระองค์ทรงเมตตา คิดจะทรมานให้อาฬาวียักษ์ ละพยศร้าย เลิกกระทำการอันเป็นบาปนั้นเสีย พระองค์จึงเสด็จมายัง“ดอยอักโขชัยคีรี” ณ สำนักแห่งยักษ์อาฬาวี ทรงกระทำการประลองฤทธิ์ ทรมานอาฬาวียักษ์ โดยธรรมวิธีประการต่างๆ จนในที่สุด ยักษ์อาฬาวี ได้ยอมแพ้ต่อพระองค์ ได้กระทำสักการะยอมอยู่ในพุทธโอวาท ละพยศและสันดานร้าย ลงเสียได้โดยสิ้นเชิง มีความเลื่อมใสและศรัทธาในบุญฤทธิ์ และคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กระทำการอธิษฐาน ขอถึงซึ่งพระไตรสรณาคมน์ เป็นที่ พึ่งแห่งชีวิตต่อไป

เมื่อได้รับศีลห้า จากองค์พระบรมศาสดาแล้ว มีดวงจิตอันผ่องแผ้ว สุขสงบ อยู่ด้วยกระแสพระอมฤตธรรม ประกอบด้วยเมตตาจิต ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้ใดอีกต่อไป

ขณะที่พระบรมศาสดา ประทับปราบอาฬาวียักษ์อยู่ ณ ดอยอักโขชัยคีรีนั้น บรรดาพระสาวกที่อยู่ทิศต่างๆ ได้ทราบข่าว ต่างพากันมาเฝ้าพระบรมศาสดาเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถจะเข้าไปถึงพระพุทธเจ้า ณ ที่ดอยอักโขนั้นได้ เพราะความกลัวยักษ์อาฬาวี จึงพากันยับยั้งอยู่ ณ ที่ดอยอีกลูกหนึ่ง เบื้องใต้ลงมาไม่ไกลนัก ณ ที่แห่งนั้น ต่อมาได้ชื่อว่า “ดอยกู่เต้า” (เต้า-คั่ง) ปัจจุบันได้ชื่อว่า วัดกู่เต้าวนาราม หมู่ที่ 4 บ้านสวนดอกคำ

กาลต่อมา ณ ชนบทแห่งนั้น ได้วิวัฒนาการมาเป็นชุมนุมชนใหญ่ มีความเจริญรุ่งเรืองตามกาลสมัย อุดมด้วยการเกษตรกรรม และการพาณิชยกรรม ได้นามว่า เมืองแจ้ห่ม สมตามคำพระพุทธองค์พยากรณ์ มีตลาดร้านค้าตั้งเรียงราย จากบริเวณที่ตั้งเมือง ออกไปทางทิศเหนือ ปรากฏว่า หลักฐานในปัจจุบัน มีวัดเก่าแก่แต่โบราณ อยู่ทางทิศเหนือของตัวเมืองขึ้นไป ประมาณหนึ่งกิโลเมตรเศษ มีชื่อมาแต่เดิมว่า “วัดผ้าขาวหัวกาด” นั่นแสดงว่า วัดนี้ ตั้งอยู่หัวตลาดทิศเหนือนั่นเอง ปัจจุบันได้ชื่อว่า วัดผ้าขาว บ้านใหม่ผ้าขาว ณ บริเวณที่เป็นตัวเมือง อันเป็นที่ตั้งคุ้มหลวง ที่ประทับของเจ้าผู้ครองเมืองแจ้ห่ม เรียงราย แน่นขนัดอยู่ด้วยบ้านเรือนน้อยใหญ่ อันเป็นที่อยู่อาศัย ของบรรดาวงศาคณาญาติ ของท่านผู้เป็นเจ้าเมือง พร้อมทั้งผู้ใกล้ชิดเป็นอันมาก เป็นบริเวณกว้างใหญ่ อาศัยอยู่กันมาด้วยความผาสุก ตลอดระยะเวลายาวนาน มาเป็นระยะเวลาเท่าใดไม่ปรากฏ

ลุถึงสมัยหนึ่ง อันมีเจ้านายผู้ปกครองเมืองแจ้ห่ม มีนามว่า “เจ้าพญาลือ” เป็นเจ้าเมือง มีเจ้าสุดใจ เป็นแม่ศรีเมือง (ภรรยาเจ้าเมือง) และยังมีนายชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นพี่น้องกันกับพญาลือ 3 ท่านคือ เจ้าอำพอง, เจ้ากาบคำ และเจ้าผาคราง ได้ปกครองเมืองแจ้ห่ม อยู่เป็นสุขสงบ มาจนถึงในปีหนึ่ง ถึงฤดูเทศกาลปีใหม่ อันมีประเพณี รดน้ำดำหัวท่านผู้เฒ่าผู้แก่เป็นประจำปี ได้เวียนมาถึงอีกครั้ง ชาวเมือง ได้พากันไปทำดั่งที่เคยมา เมื่อพิธีรดน้ำดำหัวท่านผู้เฒ่า ณ ท่าน้ำหน้าเมืองแจ้ห่ม ตามพิธีการรดน้ำ ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่นหัวกัน เป็นที่สนุกสนานสำราญใจ เสร็จแล้ว ต่างพากันกลับสู่เหย้าเรือนตน ขณะนั้นเอง ได้มีผู้ไปพบ “ไข่” ประหลาดฟองหนึ่ง ประดิษฐานอยู่ ณ ริมหนองน้ำใหญ่ ใกล้บริเวณนั้น มีลักษณะใหญ่โต ผิดจากไข่อื่นๆ บรรดาที่เคยได้พบเห็นมา

เมื่อต่างได้พิจารณากันอย่างถี่ถ้วนแล้ว คนทั้งหลายก็ลงความเห็นว่า เป็น “ไข่เงือกวิเศษ” และคิดว่า ถ้าหากผู้ใดได้รับประทานไข่วิเศษนี้แล้ว จะต้องเป็นผู้มีโชคดี จะมีความสุขความเจริญ ด้วยประการทั้งปวง จึงนำไข่วิเศษนั้นมาสู่เรือน และได้จัดการทอดไข่นั้นทันที พลันอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เพราะปรากฎว่า ไข่ที่ทอดนั้น ได้ฟูขึ้นมากอย่างประหลาด จนเต็มภาชนะ แม้จะได้ตวงออกใส่ภาชนะอื่น ที่มีขนาดใหญ่เท่าใด ไข่ก็ยังคงฟูขึ้น จนเต็มล้นอยู่นั่นเอง

เมื่อเป็นดังนั้น จึงได้ตักแบ่งออกแจกจ่าย แบ่งปันกันรับประทานทั่วทั้งเมือง จนอิ่มเอมเกษมสันต์โดยทั่วกัน แต่ยังมีหญิงหม้ายคนหนึ่ง เป็นที่รังเกียจของคนทั้งหลาย เขาจึงให้ไข่ทอดที่เหลือเดนจากผู้อื่น แก่หญิงนั้น จะเป็นด้วยเหตุอันใดไม่ปรากฏ หญิงหม้ายไม่รับประทานไข่เหลือเดนนั้น และได้เททิ้งเสีย

วันรุ่งขึ้น ได้มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง ผิวพรรณงดงาม แต่งกายเรียบร้อยเป็นสง่า ท่องเที่ยวสัญจรมาในเมือง ได้ขึ้นขอน้ำรับประทาน ตามบ้านในเมืองทั่วทุกเรือน ครั้นมาถึงบ้านของหญิงหม้าย เมื่อได้ขึ้นมาขอน้ำรับประทานแล้ว ได้กล่าวกับหญิงหม้ายว่า ทุกบ้านทุกเรือนในเมืองนี้ เขาผ่านมา ได้กลิ่นคาวไข่เงือกทอดทุกบ้าน แต่ที่บ้านของนางนี่ เขาไม่ได้กลิ่นคาวไข่นั้นเลย แม่นางมิได้รับประทานไข่เงือกทอดกับเขาด้วยดอกหรือ? หญิงหม้ายตอบว่า นางมิได้กินไข่เงือกทอดนั้น เขาเอามาให้เหมือนกัน แต่เธอได้เททิ้งไปเสียแล้ว ชายหนุ่มจึงบอกหญิงหม้ายว่า ในคืนวันนี้ ถ้าหากเกิดมีลมมีฝนรุนแรงขึ้น ก็ขอให้แม่นาง จงขึ้นไปอาศัยอยู่เสียบนต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่ม ได้ชี้หมายบอกไว้ให้ว่า จะไม่มีอันตรายใดๆ ว่าแล้ว ชายหนุ่มแปลกหน้า ก็ลาจากไป

ครั้นตกเวลาค่ำวันนั้นเอง ท้องฟ้าก็เริ่มวิปริต บังเกิดลมพายุปั่นป่วน พัดกระโชกมาทุกสารทิศ ยิ่งดึกยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเป็นลำดับ ท้องฟ้ามืดทะมึน ฟ้าแลบแปลบปลาบ อย่างน่าสะพึงกลัว ในไม่ช้า ฝนก็ตกซัดสาดมา ตามสายลมอันรุนแรง หนักขึ้น จนกลายเป็นเทกระหน่ำ อสุนีบาตฟาดเปรี้ยงๆ ลงมาติดๆ กันครั้งแล้วครั้งเล่า จนแผ่นดินสะเทือน พายุยิ่งพัดโหมรุนแรง หนักทวียิ่งขึ้นทุกขณะ ต้นไม้ใหญ่น้อย เหลือกำลังจะต้านทานแรงพายุ ที่โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง หักโค่นระเนระนาด ล้มฟาดทับถมก่ายกอง อาคารบ้านเรือนเซทรุด ล้มราบพังพินาศย่อยยับ เป็นผงธุลี กระจายกระเจิงขณะนั้น ท่ามกลางวิกฤติการณ์อันน่าสะพึงกลัว ชาวเมืองทั้งหลาย ตกอยู่ในความประหวั่นพรั่นพรึงสยองขวัญ แทบหัวใจจะแตก ทำลายเป็นเสี่ยงๆ

เจ้าอำพอง และเจ้ากาบคำ ได้พิจารณาเห็นว่า ถ้าหากขืนอยู่ต่อไป คงต้องประสบอันตราย จึงต่างก็ขึ้นม้าควบขับหนีออกจากเมือง มุ่งหน้าไปสู่ดอยสูง ด้านทิศอุดรพายัพ โดยด่วน และอีกทางหนึ่งคือ เจ้าแม่สุดใจ แม่ศรีเมืองแห่งเจ้าพญาลือ ก็พิจารณาเห็นอันตราย ได้จับม้าควบขับหนี รุดออกจากเมือง มุ่งหน้าออกทางทิศบูรพา แล้วเลี้ยววกขึ้นทางทิศเหนือต่อไป

วิกฤติการณ์โหด ได้ทวีความรุนแรงหนักยิ่งขึ้นทุกขณะ แผ่ขยายกว้างออกไปปกคลุมทั่วบริเวณ เบื้องนภากาศ ฟ้าคำรนคำรามอย่างดุเดือด ฝนเทลงมาอย่างหนัก ราวกับกระแสแม่คงคา ไหลบ่าจากสรวงสวรรค์ น้ำเจิ่งนอง ท่วมท้นอย่างรวดเร็ว และแล้ว นาทีมหาโลกาวินาศ ก็มาถึงในบัดดล บังเกิดเสียงกึกก้องกัมปนาทแผ่นดิน สะเทือนยวบยาบ อสุนีบาตฟาดกระหน่ำ ซ้ำซ้อนลงมาอีก สนั่นหวั่นไหว สะท้านสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งแผ่นดิน

พลันเมืองแจ้ห่ม ก็เขยื้อนเลื่อนไหว ทรุดยวบถล่ม จมลงสู่ใต้พื้นธรณีในทันที กระแสน้ำนองล้นปรี่ ก็หรี่ไหลลงท่วมท้น รอยถล่มที่จมหาย จนท่วมมิดไม่เหลือซาก และพื้นผาแห่งดอยสูง อันเป็นส่วนที่รองรับม้าของ “เจ้าแม่สุดใจ” ที่กำลังขับม้าควบหนีภัยอยู่ ก็ได้ทรุดถล่ม จมลงใต้ธรณี มิดหายไปในเวลาเดียวกัน

เป็นอันว่า ชาวเมืองแจ้ห่ม ที่รับประทานไข่เงือกประหลาด มีอันต้องร่วมกันรับเคราะห์กรรมหนักในครั้งนี้ โดยทั่วทุกคนอ ย่างไม่มีผู้ใดจะหลีกเลี่ยงได้ รุ่งอรุณของวันใหม่ ท้องฟ้าโปร่ง ลมและฝนสงบนิ่งแน่อากาศแจ่มใส เงาร้ายแห่งวิกฤติการณ์ ไม่ปรากฏรอยเหลือยู่ บรรยากาศเงียบสงัดซบเซา วังเวงและเยือกเย็น คงมีแต่น้ำ ที่ท่วมนองอยู่เต็มทั่วบริเวณเมืองแจ้ห่ม ซึ่งเมื่อวันวาน ยังคับคั่งด้วยบ้านเรือน และคราคร่ำไปด้วยผู้คน พลเมืองสัญจรไปมา เพื่อดำรงชีวิต ชั่วดวงอาทิตย์ลับฟ้าไปมื้อหนึ่ง บัดนี้ คงเหลือแต่น้ำเจิ่งนองอยู่เต็มแผ่นดิน และซากต้นไม้ ที่หักโค่นทับถมก่ายกอง อยู่แทนที่ หญิงหม้ายผู้ไม่ได้รับประทานไข่เงือกทอด ได้อาศัยต้นไม้ ที่ชายหนุ่มแปลกหน้าชี้บอกไว้ ได้รอดชีวิต อยู่เป็นสุขสืบมา

บริเวณที่เมืองแจ้ห่มถล่มลงนั้น ได้แก่บริเวณอันกว้างขวาง ที่ชาวบ้านรู้จัก และเรียกกันในขณะนี้ว่า “หนองเงือก” (ที่ได้ไข่เงือก) หนองใหม่, หนองคกหลวง, หนองบัว และปึ๋งหล่ม (บึงหล่ม) นั่นเอง บริเวณอันกว้างใหญ่เหล่านี้ ในปัจจุบัน บางแห่งก็ตื้นเขินขึ้นมา ชาวบ้านใช้เป็นที่ทำนาได้บ้างแล้ว เป็นส่วนมาก บ้างก็ยังคงเป็นหล่มอยู่ โดยเฉพาะบึงหล่ม ในส่วนที่เป็นใจกลางนั้น ยังปรากฏว่า เป็นหล่มลึกอยู่มาก มีผู้พบหลุมรูใหญ่ๆ เอาไม้ไผ่ลำยาวๆ ทั้งลำ หย่อนลงไปจนมิด ก็ยังไม่ถึงก้น

บึงนี้ อยู่ตรงหน้าวัดอักโขชัยคีรีพอดี สถานที่เจ้าอำพอง และเจ้ากาบคำ พร้อมด้วยม้าคู่ชีพ ที่ออกจาเมืองไปถล่มลง สิ้นชีพทั้งสองท่าน บนดอยสูงลูกหนึ่ง ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ของเมือง เป็นหลุมใหญ่ลึกปรากฎอยู่ ในปัจจุบันชาวบ้านเรียกว่า “ดอยปู่ยักษ์” ทางที่เจ้าแม่ พร้อมด้วยม้าคู่ชีพ ทรุดถล่มลงจนเสียชีวิตนั้น ปรากฎร่องรอยทางที่เจ้าแม่ ขี้ม้าผ่านตำบลหนึ่ง ทางทิศตะวันออก ณ ตำบลนั้น ในปัจจุบันเรียกว่า “บ้านฮ่องลี่” และสถานที่ “เจ้าแม่สุดใจ” พร้อมด้วยม้าคู่ชีพ ทรุดถล่มลงจนเสียชีวิตนั้น ปรากฏร่องรอย ในปัจจุบันชาวบ้านเรียกว่า “ร่องสุดใจ” อยู่เหนือวัดผาแดงหลวงขึ้นไปเล็กน้อย แต่นั้นมา ได้เรียกชื่อเมืองแจ้ห่มนี้เองว่า แจ๊ะหล่ม (แฉะ และ ถล่ม) และเพี้ยนต่อมาเรื่อยๆ เป็น แจ้ห่ม จนถึงปัจจุบันนี้

โพสท์โดย: ประเสริฐ ยอดสง่า
อ้างอิงจาก: หนานปั๋นขี้เหล้า บ่ะเถ้าหัวงู
https://youtu.be/niNVQkdm9N0?si=mQLf_Pr30yG72w0B
ตำนานเมืองแจ้ห่ม
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
นางเอกดังสุดเศร้า กับการสูญเสียครั้งใหญ่ โพสต์อาลัยรักสุดหัวใจเลขเด็ด เลขมาเเรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.5" งวดวันที่ 1 ธันวาคม 2567ตำรวจ ตามรวบจนครบ 3 โจ๋เหิมเกริม ใช้มีดฟันคู่อริ กลางสถานี BTSพบภาพปริศนาลึกลับขนาดใหญ่ บนพื้นหินที่อินเดียว อายุมากกว่าหมื่นปี นักวิทย์ยังตกลงไม่ได้ ว่าคือภาพอะไรสมุนไพร คลายเครียด ลดความวิตกกังวล ต้านซึมเศร้า5 เทคนิคเพิ่ม Productivity ที่ช่วยให้คุณทำงานสำเร็จเร็วขึ้น1 ใน 8 ของนักเรียนร.ร.รัฐในนิวยอร์ก'ไร้บ้าน'!อันตราย! คนจีนจ้างแพ็คอาหารเสริมปลอม ขายผ่านออนไลน์ในไทย"ช็อกแป๊บ! เจอ 'หลวงพี่เท่งตัวจริง' เดินบิณฑบาต คนถามหนังหรือชีวิตจริง"ล่าแม่มดทริบูร์: ความกลัวที่ทำให้ชีวิตกลายเป็นเพียงเงาในประวัติศาสตร์"วิธีสร้างบ้านสวยด้วยต้นไม้: การออกแบบสวนในบ้านที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม"
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ฝรั่งเผยชีวิตไทยสุดชิล! ไม่คิดกลับอเมริกา แถมซึ้งใจเมืองพุทธจนใจละลาย5 เทคนิคเพิ่ม Productivity ที่ช่วยให้คุณทำงานสำเร็จเร็วขึ้น1 ใน 8 ของนักเรียนร.ร.รัฐในนิวยอร์ก'ไร้บ้าน'!ตำรวจ ตามรวบจนครบ 3 โจ๋เหิมเกริม ใช้มีดฟันคู่อริ กลางสถานี BTSอันตราย! คนจีนจ้างแพ็คอาหารเสริมปลอม ขายผ่านออนไลน์ในไทย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
ล่าแม่มดทริบูร์: ความกลัวที่ทำให้ชีวิตกลายเป็นเพียงเงาในประวัติศาสตร์"นิยายวาย : เดิมพันรักนักพนันแจ็คเดอะริปเปอร์: ฆาตกรที่โหดที่สุดในประวัติศาสตร์อีกมุมของ "ยายสา" ตำนานแม่มดแห่งสมิหลา กับความลึกลับที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย"
ตั้งกระทู้ใหม่