หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ตำนาน และประวัติความเป็นมา ของอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน❤️❤️❤️

โพสท์โดย ประเสริฐ ยอดสง่า

อำเภอปายเป็นเมืองเก่าแก่ ประชากร ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนแห่งนี้มาแต่เดิม คือชาวพ่ายหรือไปร ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ใช้ภาษาตระกูลออสโตร-เอเชียติก สาขาว้า-เรียง ดังมีร่องรอยหลักฐาน ซากวิหารและเจดีย์ กระจายอยู่ทั่วไป ทั้งบนภูเขาสูง ที่ดอนเชิงเขา บริเวณพื้นราบลุ่มน้ำปาย บางแห่งก่อสร้างด้วยหิน เช่น ในผืนป่า บริเวณใกล้น้ำตกเอิกเกอเต่อ ซึ่งเป็นต้นน้ำแม่ปิงน้อย บางแห่ง มีการขุดคูเป็นร่องลึกบนภูเขาสูงชัน มีเจดีย์บนยอดเขา

มีหลักฐานว่า เจ้าเมืองคนแรก คือขุนส่างปาย ในสมัยพระเจ้ามโหตรประเทศ พระราชาธิบดี เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ส่งเจ้าแก้วเมืองออกสำรวจชายแดน ได้พบว่า ภูมิประเทศน่าสนใจ จึงแนะนำให้ขุนส่างปายย้ายเมือง มาตั้งฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปาย เพราะเป็นที่ราบกว้างขวาง ผู้คนจึงเรียกเมืองใหม่ว่า "เวียงใต้" ส่วนเมืองเก่าเรียกว่า "เวียงเหนือ"

เมืองปาย เป็นเมืองที่มีคนตั้งถิ่นฐาน ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในสมัยประวัติศาสตร์ บริเวณที่ตั้งเมืองปาย เป็นเมืองสำคัญของล้านนา ในสมัยราชวงศ์มังราย ซึ่งมีเมืองเชียงใหม่เป็นศูนย์กลาง ต่อมาเมืองปายได้ร้างไป พร้อมกับเมืองเชียงใหม่ ประมาณปี พ.ศ. 2318-2338 เมืองปาย ได้ฟื้นฟูเป็นหมู่บ้าน และพัฒนาเป็นอำเภอปาย โดยมีผู้คนหลายกลุ่มชาติพันธุ์ อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ ได้แก่ คนไทยวน(คนเมือง) ชาวไทใหญ่ ชาวปกาเกอญอ (กะเหรี่ยง) และชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆ ทั้งนี้ เนื่องจากเมืองปาย ตั้งอยู่ในบริเวณที่อุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำไหลผ่านหลายสาย เหมาะสำหรับการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปัจจุบันเมืองปาย เป็นเมืองชุมทางที่สำคัญเมืองหนึ่ง บนเส้นทางระหว่างเชียงใหม่กับแม่ฮ่องสอน

อำเภอปาย มีร่องรอยการอาศัยอยู่ของมนุษย์ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และมีชุมชนโบราณ ที่ปรากฏชื่อในตำนานคัมภีร์ใบลานหลายเมือง และมีประวัติสืบต่อกันมานับร้อยปี ประกอบกับมีหลักฐานโบราณคดีปรากฏอยู่ในชุมชนโบราณดังกล่าวด้วย จากการศึกษา ของพระครูปลัดกวีวัตน์ธนจรรย์ สุระมณี วัดเจดีย์หลวง อำเภอเมืองเชียงใหม่ มีรายงานการสำรวจว่า ในเขตเมืองน้อย อำเภอปาย มีหลักฐานโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ดังนี้

ถ้ำผีแมน บ้านห้วยหก ตำบลเวียงเหนือ อยู่ห่างจากบ้านห้วยหก ไปทางทิศตะวันตก ราว 1,500 เมตร พบซากกระดูกและระแทะ คล้ายรางไม้ให้อาหารสัตว์หลงเหลืออยู่ บางส่วน ถูกชาวบ้านเผาไปเกือบหมดแล้ว ถ้ำผีแมน ซึ่งเป็นที่อยู่ของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์นี้ มีอยู่หลายแห่ง ในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน เช่น ถ้ำป่าคาน้ำฮู ตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ถ้ำน้ำลอด อำเภอปางมะผ้า พบหลักฐานของใช้ของคนถ้ำในยุคนั้น คือกำไลแขน ทำด้วยโลหะ หม้อดินลายเชือกทาบ ขวานหินขุด ระแทะไม้ ฯลฯ

ถ้ำดอยปุ๊กตั้ง อยู่ทางทิศใต้ของบ้านห้วยเฮี้ย ตำบลเวียงเหนือ ใช้เวลาเดินทางด้วยเท้าจากหมู่บ้านประมาณ 1 ชั่วโมง พบเครื่องใช้ของมนุษย์ถ้ำ มีลักษณะเช่นเดียวกัน กับที่พบในถ้ำผีแมนแห่งอื่น ๆ

ชุมชนโบราณเมืองน้อย ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ได้กล่าวถึงเรื่องราวเมืองน้อยว่า ในรัชกาลของพระเจ้าติโลกราช (พระญาติโลกราชะ) ปกครองเชียงใหม่ พ.ศ. 1984-2030 พระองค์มีโอรส ชื่อท้าวบุญเรืองหรือศรีบุญเรือง ครองเมืองเชียงราย ต่อมา ถูกแม่ท้าวหอมุกกล่าวโทษ จึงให้ท้าวบุญเรืองไปครองน้อย ในที่สุดก็ถูกฆ่าตาย เมื่อสิ้นสมัยพระเจ้าติโลกราชแล้ว โอรสของท้าวบุญเรือง ชื่อพญายอดเชียงราย (พระญายอดเชียงราย) ได้เสวยราชย์ เป็นกษัตริย์เชียงใหม่ ปกครองได้ไม่นาน ถูกกล่าวหาว่า พระองค์ ราชาภิเษกวันจันทร์ ถือว่าเป็นกาลกิณีแก่บ้านเมือง ไม่ประพฤติอยู่ในขนบธรรมเนียมของท้าวพระญา ไม่ประพฤติอยู่ในทศพิธราชธรรม และยังมีใจฝักใฝ่ไมตรีกับฮ่อ เสนาอำมาตย์ จึงได้ล้มราชบัลลังก์ และได้อัญเชิญให้ไปครองเมืองน้อย ในปี พ.ศ. 2038 พญายอดเชียงราย ประทับอยู่เมืองน้อยได้ 10 ปี ก็เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2048 เมื่อพระชนมายุได้ 50 พรรษา พญาเมืองแก้ว (กษัตริย์เมืองเชียงใหม่ และราชโอรสของพญายอดเชียงราย) ได้เสด็จมาถวายพระเพลิงพระศพ ของพญายอดเชียงรายที่เมืองน้อย และสร้างอุโบสถครอบ

ครั้นพญาเมืองแก้วเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2068 เสนาอำมาตย์ ได้อัญเชิญพระอนุชาจากเมืองน้อย ให้มาครองราชย์เชียงใหม่ และราชาภิเษกเป็นพระเมืองเกษเกล้า (พระญาเมืองเกส) ในปี พ.ศ. 2069 พระองค์ครองราชย์ จนถึง พ.ศ. 2081 (พระเมืองเกษเกล้า ครองราชย์เมืองเชียงใหม่ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2068-2081 ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2086-2088) เสนาอำมาตย์ไม่ชอบใจ ได้ปลดพระองค์ออกจากราชบัลลังก์ และอัญเชิญท้าวซายคำราชโอรส ให้ครองราชย์แทน ในปี พ.ศ. 2081 ท้าวซายคำประพฤติตนไม่อยู่ในทศพิธราชธรรม เสนาอำมาตย์ ได้ลอบปลงพระชนม์ ในปี พ.ศ. 2086 และได้อัญเชิญพระเมืองเกษเกล้าจากเมืองน้อย มาครองราชย์ในเมืองเชียงใหม่เป็นครั้งที่ 2

บ้านเมืองน้อย มีโบราณสถานขนาดใหญ่ ที่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดเจดีย์หลวง" ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ มีแนวกำแพงกำหนดเขตพุทธาวาส ขนาด 80 x 100 x 1 เมตร ขนาดชุกชีวิหาร ฐานชุกชีอุโบสถขนาด 4 x 8.50 เมตร (สันนิษฐานว่า เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพ ของพญายอดเชียงราย) ซุ้มประตูโขงด้านทิศตะวันออก เจดีย์ขนาด 11 x 11 x 17 เป็นเจดีย์แบบเชิงช้อนย่อเหลี่ยม บางส่วน ยังมีลวดลายการก่ออิฐทำมุม เจดีย์ถูกสร้างขึ้น จากอิทธิพลของศิลปะเชียงใหม่ ในราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 เจดีย์ถูกขุดค้นหาสมบัติ ลักษณะแบบผ่าอกไก่ จากยอดถึงฐานต่ำสุด มีหลุมลึกประมาณ 1 เมตร ทำให้มองเห็นฐานรากของการก่อสร้างเจดีย์ ที่ใช้ก้อนหินธรรมชาติขนาดใหญ่ วางซ้อนกันเป็นฐานราก ก้อนอิฐที่ใช้ก่อสร้างมีขนาด 6 x 11 นิ้ว และในบริเวณวัดเจดีย์หลวง ยังพบจารึกบนแผ่นอิฐ 2 ชิ้น

จารึกหลักแรก พบในบริเวณด้านเหนือของโบราณสถาน จารึกด้วยอักษรธรรมล้านนา ภาษาไทยวน จำนวน 3 บรรทัด บรรทัดที่ 2-3 จารึกกลับหัว จากบรรทัดที่ 1 ความว่า "(1) เชแผง (2) เนอ เหย เหย (3) ฅนบ่หลายแล แล แล" ความในจารึกชิ้นนี้ กล่าวถึงนายเชแผง ผู้เป็นหนึ่งในผู้ปั้นอิฐ ในการก่อสร้างศาสนสถานแห่งนี้ รำลึกถึงคนจำนวนไม่มากนัก ในการสร้างศาสนสถานแห่งนี้ หรือในเมืองนี้

จารึกหลักที่สองพบ ก่อร่วมกับอิฐก้อนอื่นๆ ในบริเวณแนวกำแพงด้านใต้ ของโบราณสถาน จารึกด้วยอักษรฝักขาม ภาษาไทยวน จำนวน 1 บรรทัด ส่วนครึ่งแรกหายไป ส่วนครึ่งหลังอ่านได้ใจความว่า "สิบกา (บ)" จารึกชิ้นนี้ บอกผู้ปั้นว่าสิบกาบ คำว่า "สิบ" อาจหมายถึงตำแหน่งขุนนางล้านนาสมัยโบราณ เรียกว่า "นายสิบ" หรือเนื่องจากอิฐส่วนหน้าที่หักหายไป บริเวณกี่งกลางของก้อนอิฐนั้น คำว่า "สิบกา(บ)" อาจสันนิษฐานได้ว่า ข้อความเต็มด้านหน้าที่หายไปเป็น "(ห้า) สิบกาบ" หรือขุนนางระดับนายห้าสิบ ก็อาจเป็นได้

เมืองปาย มีหลักฐานตำนาน กล่าวถึงประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ ในสมัยพญาแสนภู (พระญาแสนพู) กษัตริย์เชียงใหม่ (พ.ศ. 1868-1877) สร้างเมืองเชียงแสน พ.ศ. 1871 ได้กำหนดให้เมืองปาย เป็นเมืองขึ้นของพันนาทับป้อง ของเมืองเชียงแสนในสมัยนั้น (พงศาวดารโยนก หน้าตำนานเชียงแสนว่า เมืองจวาดน้อย/จวาดน้อย/สันนิษฐานว่า เป็นคำเดียวกับคำว่าชวาดน้อย)

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2028 ปีมะเส็ง สัปตศก (วันศุกร์ เดือน 8 ขึ้น 1 ค่ำ จุลศักราช 847 ปีดับใส้) เจ้าเถรสีลสังยมะ ให้หล่อพระพุทธรูป เวลารับประทานอาหารเช้า

พ.ศ. 2032 มหาเทวี (พระมารดาพญายอดเชียงราย) พระราชทาน ที่ถวายพระมหาสามี สัทธัมมราชรัตนะ ก่อสร้างมหาเจดีย์ มหาวิหาร ผูกพัทธสีมาอุโบสถวัดศรีเกิด (ปัจจุบันชาวบ้านเรียกวัดหนองบัว (ร้าง) บ้านแม่ฮี้ ตำบลแม่ฮี้) พ.ศ. 2033 มีการถวายข้าทาส อุปัฏฐากพระมหาสามีสัทธัมมราชรัตนะ อุโบสถ มหาวิหาร มหาเจดีย์ พระพุทธรูป ห้ามไม่ให้ผู้ใด นำข้าทาสเหล่านี้ไปทำงานอื่น หากยังเคารพนับถือพญายอดเชียงรายอยู่ หากฝ่าฝืนขอให้ตกนรกอเวจี

พ.ศ. 2044 ปีระกา ตรีศก เจ้าหมื่นพายสรีธัม(ม์)จินดา หล่อพระพุทธรูปหนักสี่หมื่นห้าพันทอง เดือนเจ็ด ไว้ในอุโบสถวัดดอนมูน เมืองพายแล (เมืองพาย/อำเภอปาย) (ปัจจุบันพระพุทธรูปนี้ เก็บรักษาไว้ ณ วัดหมอแปง ตำบลแม่นาเติง ดร.ฮันส์ เพนธ์ คลังข้อมูลจารึกล้านนา สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ่านฐานพระพุทธรูปวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ความว่า "ในปีร้วงเร้า สักราชได้ ๘๖๓ ตัว เจ้าหมื่นพายสรีธัมจินดา ส้างรูปพระพุทธะเป็นเจ้าตนนี้ สี่หมื่นห้าพันทอง ในเดือนเจ็ด ไว้ในอุโบสถวัดดอนมูน เมืองพายแล" (ดร.ฮันส์ เพนธ์กล่าวว่า "หมื่น" เป็นตำแหน่งเจ้าเมืองพาย ตำแหน่งใหญ่ เทียบเท่าเมืองเชียงแสน เมืองลำปาง และ 1 ทอง เท่ากับ 1.1 กรัม)

พ.ศ. 2124 ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่กล่าวว่า พญาลำพูนมาครองเมืองปาย (พลาย)

พ.ศ. 2283 ปรากฏชื่อวัดป่าบุก ตั้งอยู่ทิศใต้ของเมืองปาย (พลาย) ช้างตัวผู้ ดังความว่า "วัดป่าบุก ใต้เมืองพายช้างพู้" (คัมภีร์ ธัมมปาทะ (ธรรมบท) ปัจจุบัน เก็บไว้ที่วัดดวงดี อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

พ.ศ. 2330 เมืองปาย รวมตัวกับเมืองพะเยา เมืองเชียงราย เมืองฝาง เมืองปุ และเมืองสาด ขับไล่พม่า แต่เมืองพะเยาทำการไม่สำเร็จ

พ.ศ. 2412 ขณะที่พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ ดำรงตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. 2399-2413) ลงไปถวายบังคมกราบทูล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ กรุงเทพมหานครว่า ฟ้าโกหล่านเมืองหมอกใหม่ ยกกองทัพมาตีเมืองปาย ซึ่งสมัยนั้น มีฐานะเมืองขึ้นของเชียงใหม่ เจ้าราชภาคีไนย นายบุญทวงศ์ นายน้อยมหาอินท์ รักษาการเมืองเชียงใหม่ ทำหนังสือถึงเจ้าเมืองลำปางและเมืองลำพูน ให้มาช่วยเมืองปาย หลังจากนั้น เจ้านายและกองทัพจากสามเมือง ยกกำลังมาช่วยเมืองเชียงใหม่ รบกับกองทัพของฟ้าโกหล่าน โดยมีนายบุญทวงศ์ นายน้อยมหาอินท์ คุมกำลัง 1,000 คนจากเมืองลำปาง มีนายน้อยพิมพิสาร นายหนายไชยวงศ์ คุมกำลัง 1,000 คนจากเมืองลำพูน มีนายอินทวิไชย นายน้อยมหายศ คุมกำลัง 500 คน แต่ไม่สามารถป้องกันเมืองปายได้ กองทัพฟ้าโกหล่าน จุดไฟเผาบ้านเรือนในเมืองปาย กวาดต้อนผู้คนและครอบครัว ไปอยู่เมืองหมอกใหม่ กองทัพทั้งสามเมือง จึงได้ติดตามไปถึงฝั่งแม่น้ำสาละวิน แต่ตามไม่ทัน จึงได้เดินทางกลับ

พ.ศ. 2416 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่า ตั้งแต่เมืองปาย ถูกฟ้าโกหล่านตีแตก จุดไฟเผาบ้านเมือง กวาดต้อนผู้คนไปเมืองหมอกใหม่แล้ว เมืองปาย มีสภาพเป็นเมืองร้างบางส่วน ไม่มีผู้รักษาเมือง ทั้งยังถูกกองทัพเงี้ยวและลื้อ กวาดต้อนครอบครัวไปอยู่เป็นประจำ จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งพระยาชัยสงคราม (หนานธนันไชย บุตรราชวงศ์มหายศ) เป็นพระยาเกษตรรัตนอาณาจักรไปปกครองเมืองปาย ให้ยกเอาคนจากเมืองเชียงใหม่ ไปตั้งเมืองปาย ให้เป็นภูมิลำเนาบ้านเรือนเหมือนเดิม เพื่อจะได้ป้องกันรักษาด่านเมืองเชียงใหม่

พ.ศ. 2438 พระยาดำรงราชสิมา ผู้ว่าราชการเมืองปาย ถูกพวกแสนธานินทร์พิทักษ เจ้าเมืองแหงปล้น แล้วแสนธานินทร์พิทักษ์ ประกาศเกลี้ยกล่อมคนเมืองปั่น เมืองนาย เมืองเชียงตอง และเมืองพุ มารบเมืองปาย โดยจะเก็บริบเอาทรัพย์สิ่งของให้หมด พระยาทรงสุรเดช พร้อมด้วยเจ้าเมืองเชียงใหม่ ได้ประชุมเจ้านายหกตำแหน่ง มอบหมายให้เจ้าอุตรโกศล ออกไปปราบปราม

วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2449 ส่างนันติ คนในบังคับอังกฤษ ใช้ดาบฟันส่างสุนันตาและเนอ่อง คนในบังคับสยามตาย ณ ตำบลกิ่วคอหมา แขวงเมืองปาย และนำทรัพย์สินไป มูลค่าประมาณ 1,000 บาท ศาลต่างประเทศ เมืองนครเชียงใหม่ ได้ตัดสินประหารชีวิต (คำพิพากษาที่ 25/125 ศาลต่างประเทศ เมืองนครเชียงใหม่ วันที่ 24 สิงหาคม รัตนโกสินทร์ศก 125 อ้างในศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน 2535/คำพิพากษานี้เป็นคำพิพากษาในสมัยที่สยาม (ไทย) ตกอยู่ภายใต้เสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ตามสนธิสัญญาเบาว์ริง พ.ศ. 2398) และจำเลยได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์กรุงเทพ ได้ยกฟ้องอุทธรณ์ของจำเลย และให้ประหารชีวิตตามคำพิพากษาศาลล่าง (คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ 20 ปี ค.ศ. 1906 อ้างในศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. 2536)

พ.ศ. 2454 กระทรวงมหาดไทย ได้ยกเลิกการปกครองเมือง เปลี่ยนฐานะเมืองปาย เป็นอำเภอปาย และได้แต่งตั้ง หลวงเจริญเขตเขลางค์นคร (สอน สุขุมมินทร์) เป็นนายอำเภอคนแรก ระหว่างปี พ.ศ. 2454-2468

อำเภอปาย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียง ดังนี้

ทิศเหนือ ติดต่อกับเมืองปั่น จังหวัดตองยี รัฐฉาน (ประเทศพม่า)

ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอเวียงแหง อำเภอเชียงดาว และอำเภอแม่แตง (จังหวัดเชียงใหม่)

ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอสะเมิง และอำเภอกัลยาณิวัฒนา (จังหวัดเชียงใหม่)

ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอปางมะผ้า

ภูมิประเทศ เป็นที่ราบแอ่งกระทะ ล้อมรอบด้วยภูเขา มีดอยแม่ยะ เป็นยอดดอยที่สูงที่สุด สูงประมาณ 2,005 เมตร มีแม่น้ำหลายสาย ได้แก่ น้ำปาย น้ำของ และน้ำแม่ปิงน้อย อีกทั้งมีลำห้วยอีกหลายสาย คือ ห้วยแม่เมือง ห้วยแม่เย็น และห้วยแม่ฮี้

ภูมิอากาศ อำเภอปาย มี 3 ฤดู คือ ฤดูหนาว อากาศหนาวจัดได้ถึง 2 องศาเซลเซียส บางวันมีหมอกลงหนาทึบ จนถึงเวลาประมาณ 11.00 น. ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงเดือนกันยายนของทุกปี ฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึงเดือนมิถุนายน

อำเภอปาย ถือว่ามีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ราว 53% ของประชากร เป็นชาวล้านนาและชาวไทใหญ่ และอีก 47% เป็นชาวเขา เช่น กะเหรี่ยง ม้ง ลีซอ และมูเซอ

โพสท์โดย: ประเสริฐ ยอดสง่า
อ้างอิงจาก:
https://youtu.be/e8jLRP61HII?si=W1tcUJle15MPKJfX
Wikipedia
ตำนาน และประวัติความเป็นมา ของอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ภาพจักรพรรดิ​นี​หว่า​นห​รง​ ราชวงศ์​ชิงอ้าว จัดอันดับประเทศในเอเชียมีอิทธิพลต่อโลก ไทยติดโผ แต่เกาหลีอยู่ตรงไหนกันแน่สาลี่ เดอะสตาร์ โพสต์คลิปสวีตอวยพรวันเกิด ตงตง กฤษกร หวานจนแฟนคลับแซวสนั่นรีสอร์ทแฉ แม่สิตางศุ์ เบี้ยวค่าห้องพักรีสอร์ต หนีกลางดึก ทิ้งห้องเละตรวจสอบเงินดิจิทัล คนทั่วไป เงินเข้าวันไหน อัปเดตสถานะแอปฯ ทางรัฐเกาหลีใต้เจอศึกหนัก ธุรกิจทรุดหลายเดือน แถมไทยก็แบนไม่หยุด ต้องหันหน้าหาญี่ปุ่นอดีตศัตรูเข้าใจคนผ่านกฎ 18 ข้อเราควรซักผ้าปูที่นอนและหมอนบ่อยแค่ไหน?กฟภ. ประกาศฟรีค่าไฟเดือน ก.ย. และลด 30% ในเดือน ต.ค. สำหรับพื้นที่น้ำท่วมโตโยต้าเตรียมเรียกคืนรถยนต์กว่า 42,000 คันในสหรัฐฯ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เกร็ดความรู้นิสัยคุณ 10 ข้อที่ทำร้ายสมองรีสอร์ทแฉ แม่สิตางศุ์ เบี้ยวค่าห้องพักรีสอร์ต หนีกลางดึก ทิ้งห้องเละรีวิวหนังดัง MORTAL KOMBAT มอร์ทัล คอมแบทภาพจักรพรรดิ​นี​หว่า​นห​รง​ ราชวงศ์​ชิง10 วิธี ช่วยให้มีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Review, HowTo, ท่องเที่ยว
เที่ยวพัทลุง แวะวัดถ้ำสุมะโน ไหว้พระและชมถ้ำสวยๆสุสานจิ๋นซี​ฮ่องเต้ใช้​แรงงานก่อสร้างเยอะไหมรถม้าที่ขุดค้นพบบริเวณ สุสานจิ๋นซี​ฮ่องเต้กำเเพงเมืองจีนสิ้นสุดที่ไหน⁉️
ตั้งกระทู้ใหม่