รีวิวหนังดัง 2012 วันสิ้นโลก
ภาวะโลกร้อน วิกฤติทางธรรมชาติที่แปรปรวนที่เราทุกคนเผชิญกับมันอยู่ทุกวัน ที่นานวันเข้ามีแต่จะรุนแรงมากขึ้นจนยากแก่การควบคุม เคยมีหนังพยายามถ่ายทอดประเด็นนี้มานานแล้ว และมีหลายเรื่องที่ตอกย้ำประเด็นนี้ แต่จะมีสักกี่เรื่องที่ทำออกมาแล้วชวนลุ้นระทึกได้เหมือนกับ 2012 วันสิ้นโลก
2012 วันสิ้นโลก ออกฉายครั้งแรกในปี ค.ศ. 2009 (พ.ศ.2552) หนังเล่าถึงคำทำนายของนอสตราดามุสว่าในปี ค.ศ 2012 อาจจะเป็นวันสิ้นโลก สอดคล้องกับประเด็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจริงทั่วโลกที่นับวันมีแต่จะรุนแรงขึ้น ผู้คนเริ่มตระหนักถึงภาวะโลกร้อนและปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะสิ่งเลวร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันมาเกิดในยุคสมัยปัจจุบัน การันตีความสนุกโดยผู้กำกับ Roland Emmerich
เรื่องย่อ
เรื่องราวของ Jackson Curtis ชายวัยกลางคนทำอาชีพเป็นนักเขียน ซึ่งครอบครัวของเขาไม่ลงรอยกันนัก ภรรยาของเขามีชู้ ลูกทั้งสองของเขาก็ไม่มองเขาในฐานะพ่อ อยู่มาวันหนึ่งเขาได้ข่าวจาก Charlie Frost ชายสติเฟื่องแต่ข้อมูลน่าเชื่อถือว่าโลกกำลังจะแตก รัฐบาลเตรียมแผนจะหลบหนีไปจากโลก แต่ปิดข่าวเงียบไม่เปิดเผย เพราะคนที่จะเดินทางไปกับรัฐบาลได้คือคนรวยระดับโลกเท่านั้นที่จะอยู่รอด คนชั้นกลางธรรมดาทั่วไปต้องอยู่กับโลกจะแตกดับรอวันพินาศไปกับภัยธรรมชาติไปเอง
ทีแรก Jackson ก็ไม่เชื่อ แต่ทุกอย่างส่อเค้าว่า Charlie จะพูดถูก คำแนะนำของ Charlie คือต้องไปขึ้นเรือโนอาห์ของประเทศจีนให้ได้ แม้จะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ขอดิ้นรนเอาชีวิตรอดจนสุดทาง
นี่คือโอกาสเดียวที่ Jackson จะกอบกู้สถานภาพครอบครัวของตัวเอง พร้อมกันกับดิ้นรนเอาตัวรอดไปให้พ้นจากโลกที่อาศัยอยู่ไม่ได้อีกต่อไป
นักแสดงนำ
John Cusack รับบทเป็น Jackson Curtis
Chiwetel Ejiofor รับบทเป็น Adrian Helmsley
Oliver Platt รับบทเป็น Carl Anheuser
Woody Harrelson รับบทเป็น Charlie Frost
Thandiwe Newton รับบทเป็น Laura Wilson
Amanda Peet รับบทเป็น Kate Curtis
Danny Glover รับบทเป็น President Thomas Wilson
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.การันตีความสนุกระดับ 8.5/10 แม้การดำเนินเรื่องจะอารัมภบทยืดเยื้อ เนิ่นนานไปบ้าง เพราะไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักเอาเสียเลย เสียเวลาแบบไม่น่าติดตามเลย แต่โดยรวม แก่นของหนังที่อยากจะสื่อกลับถ่ายทอดออกมาได้ดี ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็กชันมหันตภัยทางธรรมชาติ ดราม่าของคนที่เห็นแก่ตัวและความเสียสละในคราวจำเป็น เพื่อให้คนที่ตัวเองได้อยู่รอด ประเด็นเหล่านี้ถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก
2.CGI หรือ Visual Effect ทำออกมาได้ดีมาก ฉากใหญ่แต่ละฉากดูประณีต ทีมงานทุ่มเทการทำงานออกมาได้ดี เป็นงานสร้างที่ Perfect แม้หนังจะผ่านมาหลายปีแล้ว ก็ยังดูฟอร์มเทียบชั้นกับหนังยุคปัจจุบันได้เลย
3.ใครที่ไม่ชอบการเดินเรื่องช้าอาจจะพาลเบื่อเอาได้เลย แต่หากพ้น 1 ชั่วโมงแรกของเรื่องไปได้ ความมันบังเกิดขึ้นแน่นอน
4.การแสดงไม่มีใครที่ทำได้โดดเด่นเลย แต่ไม่ใช่ว่าแสดงได้ไม่สมจริงนะ แต่ไม่มีใครที่ทำได้แบบประทับจิตประทับใจ และตัวหนังจะโฟกัสแต่ภัยพิบัติเป็นหลักเสียด้วย จึงแย่งซีนนักแสดงไปไม่น้อยเลยทีเดียว
แม้หนังจะทำรายได้ทั่วโลกไม่สูงนัก และกระแสคำวิจารณ์ก็ไม่ได้เป็นไปในทางบวกมากนัก แต่ความสนุกของหนังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไปของธรรมชาติที่สุดขั้วในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี มันไม่ใช่แค่การสอนใจเรื่องธรรมชาติที่ไม่ปกติ แต่เราจะตระหนักได้เองว่าการดิ้นรนในสภาพแวดล้อมแบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ทั้งหมดคือความสนุกที่ครีเอเตอร์พึงพอใจเป็นอย่างมาก เป็นหนังดีที่สนุกและอยากบอกต่อ ไม่ว่าจะเป็นเพราะความสนุกของตัวหนังหรือเพราะประสบการณ์จาก Blu-ray ก็ตาม ทั้งสองส่วนได้ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวจนทำให้เกิดความประทับใจกับการดูหนังเป็นอย่างดี