หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

นิทานพื้นบ้าน นางไข่ฟ้า ท้าวสุพรหมโมกขา ນາງໄຂ່ຟ້າ❤️❤️❤️

โพสท์โดย ประเสริฐ ยอดสง่า

เรื่องนางไข่ฟ้า-ท้าวสุพรหมโมกขานี้ มีตำนานเกี่ยวพันกัน กับภูเขาในเขตอุทยานแห่งชาติภูเก้าและภูพานคำ ในเขตติดต่อกัน ๓ จังหวัดคือ หนองบัวลำภู อุดรธานี และขอนแก่น ซึ่งดินแดนแห่งนี้ เป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ อันเนื่องจากว่า จะเป็นพื้นดินเป็นเนินสูงหรือเป็นโนน หรือเป็นมอ ที่แปลกประหลาดมากก็คือว่า สีของพื้นดินบริเวณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำนานนี้ จะมีสีแดง หรือสีอิฐ โดยผู้คนทั่วต่างขนานนาม และรู้จักกันดี เกี่ยวกับพื้นดินแห่งนี้ว่า "มอดินแดง" นั้นเอง

ในอดีตกาลนานมาแล้ว ในแถบตอนกลางของภาคอีสาน ของประเทศไทยในปัจจุบัน ท้าวสุพรหมโมกขา ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ที่จุติลงมาปฏิสนธิ เพื่อสร้างสมบุญบารมีบนโลกมนุษย์ โดยเกิดเป็นลูกชายคนเดียวของนายพรานป่า ทุคคตะ เข็ญใจ และยากจนคนหนึ่ง ซึ่งเขาต้องกำพร้าแม่ มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก คือหลังจากเขาคลอดออกมาได้เพียง ๗ วัน แม่ของเขาก็ได้เสียชีวิตลง พ่อของเขา ต้องไปหาขอน้ำนมจากหญิงชาวบ้านที่เป็นแม่ลูกอ่อน มาเลี้ยงเขา โดยในตอนท้าวสุพรหมโมกขาเกิดมานั้น ได้มีสุนัขประหลาดสี่เท้าเก้าหาง เกิดมาคู่บุญบารมีด้วย ซึ่งบิดาของสุพรหมโมกขา ได้พร่ำสอนลูกชายบ่อยๆ ว่า ให้เป็นคนดี และใฝ่ศึกษาหาความรู้ ที่สำคัญ บิดาได้สั่งลูกชายไว้ว่า เมื่อบิดาเสียชีวิตไปแล้ว ให้นำกะโหลกศรีษะของพ่อ ไปสักการะบูชา โดยไม่ต้องนำไปเผา หรือฝังแต่อย่างใด ซึ่งจะทำให้ดินดี อุดมสมบูรณ์ ปลูกพืชอะไร ก็จะได้ผลดี และเจริญงอกงามนั้นเอง

เมื่อสุพรหมโมกขา  เติบโตพอที่จะเรียนหนังสือได้แล้ว บิดาของเขา ได้นำไปฝากไว้กับพระฤาษีตนหนึ่ง เพื่อเรียนวิชาต่างๆ ร่วมกับเจ้าชายราชบุตร ของผู้ครองหัวเมืองต่างๆ และลูกคหบดีเศรษฐีต่างๆ จนกระทั่งเล่าเรียน จนสำเร็จวิชาวิทยาการ แล้วต่างคนก็กราบลาพระฤาษี เพื่อกลับบ้านเมืองของตนเอง

ในระหว่างที่เขาได้ศึกษา พระอาจารย์ซึ่งเล่าเรียนจนจบแล้ว และกำลังเตรียมตัวเดินทางกลับนั้น นายพรานป่า บิดาของท้าวสุพรหมโมกขา ได้รับอุบัติเหตุและได้เสียชีวิตไป ก่อนที่สุพรหมโมกขาจะเดินทางกลับมาถึง ท้าวสุพรหมโมกขา พอทราบข่าว ก็รีบเดินทางกลับมา และได้ทำปราสาทผึ้งมาด้วย โดยได้แห่ปราสาทผึ้ง จะมาร่วมงานศพบิดาของตน แต่ก็มาไม่ทันพิธี จึงได้ทิ้งปราสาทผึ้งเกลื่อนบริเวณไปหมด ในกาลต่อมา ได้กลายเป็นหินรูปต่าง ๆ อย่างน่าประหลาด ชาวเมืองเรียกกันว่า "หินปราสาท"

ส่วนเจ้าเชียงสีห์ เพื่อนรักของสุพรหมโมกขา แห่งเมืองภูเวียง ก็ได้ทำบุญถวายสังฆทาน อุทิศไปให้บิดาของเพื่อนด้วย ซึ่งบริเวณนี้เรียกว่า"ลาดเชียงสีห์"

หลังจากจัดงานศพของบิดาแล้ว ท้าวสุพรหมโมกขา ได้นำเอากะโหลกศรีษะของบิดา มาตั้งไว้บนหิ้งเพื่อบูชา ในกระท่อมน้อยของเขาในป่า โดยเขาจะทำการกราบไหว้ และสักการะบูชาทุกวันด้วยความเคารพ และสำนึกในพระคุณ ของบิดาบังเกิดเกล้าของเขานั้นเอง โดยเขาได้ยึดอาชีพทำไร่ ทำนา และเข้าป่าตัดฟืนมาขาย ขุดเผือกขุดมันและกลอย มากินเป็นอาหารเลี้ยงชีวิต โดยไม่ได้ยึดอาชีพเป็นพรานป่า ที่ต้องล่าสัตว์ เหมือนดังบิดาของเขาแต่อย่างใด

เมื่อท้าวสักเทวราช(พระอินทร์) ผู้อยู่บนสรวงสวรรค์ ทราบถึงความเดือดร้อน ของท้าวสุพรหมโมกขา จึงได้ส่งนางไข่ฟ้า ซึ่งเป็นพระราชธิดาของพระองค์เอง โดยให้หลบซ่อนอยู่ในไข่ฟ้าลูกใหญ่ฟองหนึ่ง โดยได้นำไปวางไว้ในป่า ซึ่งเป็นที่ดินทำกินของเขา แล้วสุนัขเก้าหางได้ไปพบเข้า จึงเห่าเสียงดังไม่ยอมหยุด สุพรหมโมกขา จึงเดินตามมาดู ซึ่งเขาต้องประหลาดใจอย่างมาก ที่ไข่นั้นฟองใหญ่มาก แล้วพระอินทร์ ก็ได้ดลจิตดลใจ ให้สุพรหมโมกขา นำไข่นั้นมาเก็บไว้ในกระท่อมของเขา โดยองค์อินทร์ ต้องการให้นางไข่ฟ้ามาอยู่ด้วย เพื่อคอยช่วยเหลือ และปรนนิบัติท้าวสุพรหมโมกขานั้นเอง

เมื่อท้าวสุพรหมโมกขา เข้าป่าหาตัดฟืนและหาอาหาร นางไข่ฟ้าจะออกมาจากที่ซ่อน แล้วปัดกวาดทำความสะอาดบ้าน และประกอบอาหารไว้รอคอยเขากลับมา หลังจากนั้น จะเข้าไปหลบซ่อนตัวในไข่ฟ้าใบนั้นตามเดิม ตอนแรก ท้าวสุพรหมโมกขาคิดว่า ชาวบ้านป่าในแถบนี้ คงจะเห็นใจและสงสาร จึงมาช่วยสงเคราะห์ตน ซึ่งท้าวสุพรหมโมกขา ด้วยความหิว ก็รับประทานอาหาร ซึ่งมีรสชาติอร่อยถูกอกถูกใจยิ่งนัก และได้แบ่งอาหารนั้น ให้สุนัขเก้าหางกินด้วย เมื่อสุนัขนั้นได้กิน ก็สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ แต่ครั้นนานวันเข้า ท้าวสุพรหมโมกขาก็เริ่มสงสัย

แล้ววันหนึ่ง เขาจึงทำทีเข้าป่าตัดฟืนตามปกติ แต่ย้อนกลับมาที่บ้านแอบดู จึงได้เห็นเหตุการณ์โดยตลอด ซึ่งนางไข่ฟ้าก็รับรู้ทุกอย่าง แต่ก็ทำตัวตามปกติ ท้าวสุพรหมโมกขา จึงย่องเข้าไปเอาไข่ฟ้า ไปซ่อนเสียที่อื่น แล้วก็มาดักพบนาง ทั้งสองจึงได้พบกัน ท้าวสุพรหมโมกขา ต้องตกตะลึงในความสวยงาม และกริยามารยาทอันงดงาม ไม่เหมือนชาวบ้านชาวป่าแต่อย่างใด แต่นางมีรูปร่างผิวพรรณสวยงาม ราวกับนางฟ้าหรือเทพธิดา ที่ลงมาเที่ยวเล่นบนโลกมนุษย์เลยทีเดียว เขาได้สอบถามนางถึงความจริงต่างๆ ของนาง ซึ่งทั้งคู่ ต่างก็มีจิตปฏิภัทธ์ในกันและกัน เหมือนกับว่า เคยเป็นคู่สามีภรรยากันมาอย่างยาวนานแล้วนั้นเอง

แล้วทั้งสอง ก็ได้เกิดมีความรัก และได้ร่วมทุกข์ร่วมสุข อยู่กินเป็นสามีภรรยากันอย่างมีความสุขในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่เนื่องจากนางไข่ฟ้า เป็นนางฟ้าที่มีรูปโฉมงดงามมาก จนเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วเขตคาม ในเรื่องความงามของนาง จนได้เลื่องลือไปถึงเจ้าเมืองอุตตระ ผู้ไร้คุณธรรม และได้พยายามหาอุบาย แย่งชิงเอาตัวนางไข่ฟ้า ไปเป็นมเหสีของตน ด้วยกลวิธีต่าง ๆ โดยได้เรียกตัวท้าวสุพรหมโมกขา เข้าไปพบในพระราชวัง และสั่งให้เขาไปเอาไก่มาชนกัน โดยสัญญาว่า ถ้าไก่ของเขาชนะ ก็จะยกเมืองอุตตระให้ครอบครองแทน แต่ถ้าไก่ของเจ้าเมืองชนะ แล้วเจ้าเมืองจะยึดเมียของเขาเสีย เขาไม่มีทางเลือกจึงต้องตกลง แล้วเขาก็กลับบ้าน มานั่งกลุ้มอกกลุ้มใจ คิดว่าจะทำอย่างไรดี

ฝ่ายเมียเมื่อทราบเรื่อง ก็เอาข้าวเปลือกมาหว่านที่หน้าบ้าน แล้วก็มีอีเห็นตัวหนึ่งมากินข้าว เมียเขาจึงได้เสกคาถาให้อีเห็นเป็นไก่ แล้วบอกให้ผัวเอาไปชนกับไก่เจ้าเมือง เขาจึงเดินทางไปชนไก่กับเจ้าเมือง ไก่ของเจ้าเมืองก็แพ้ แต่เจ้าเมืองไม่ยอมยกเมืองให้ ตามสัญญาแต่อย่างใด แต่กลับบอกให้เขาเอาวัวมาชนกันอีก

เขาจึงได้กลับมาบ้าน มานั่งคิดกลุ้มใจอยู่ ฝ่ายเมียก็มาสอบถาม พอทราบเรื่องก็บอกว่าจะช่วยเหลือ แล้วนางจึงไปจับเสือในป่า แล้วเสกคาถาให้กลายเป็นวัว แล้วนำมาให้ผัวของนางไปชนกับวัวเจ้าเมือง ปรากฏว่าวัวของเจ้าเมือง ก็แพ้อีกตามเคย แต่เจ้าเมือง ก็ไม่ยอมยกเมืองให้แต่อย่างใด แต่กลับบอกให้เขาเอาช้างมาชนกันอีก

เขาจึงกลับบ้านมานั่งกลุ้มใจ คิดว่าจะทำประการใด ฝ่ายเมียของเขาก็มาช่วยอีก โดยไปเอาราชสีห์ตัวหนึ่ง มาเสกเป็นช้าง และให้ผัวของนาง นำไปชนกับช้างของเจ้าเมือง ช้างของเจ้าเมืองก็แพ้อีกตามเคย แต่เจ้าเมืองก็ไม่ได้ทำตามสัญญาแต่อย่างใด แต่กลับค้นหาวิธี ที่จะยึดเมียของเขาให้ได้ โดยเจ้าเมืองได้บอกกับเขาว่า อีก ๗ วัน จึงจะยกเมืองอุตตระให้

ต่อมา ใกล้จะถึง ๗ วัน เจ้าเมืองก็สร้างกลองใบใหญ่ขึ้นใบหนึ่ง และให้คนไปอยู่ในกลอง แล้วใช้คนนำไปหาเขาที่บ้าน โดยบอกว่า เจ้าเมืองจะมีงาน จึงได้เอากลองมาฝากไว้ที่กระท่อมของเขา แท้ที่จริงแล้วเจ้าเมืองนั้น อยากจะสืบดูว่า เขามีของวิเศษอะไร จึงชนะเจ้าเมืองทุกอย่างและทุกครั้ง ตกตอนดึกมา สองผัวเมียนอนกอดกัน และพูดคุยกันตามประสาผัวเมีย ฝ่ายเมียบอกสามีของเขาว่า ห้ามกินไข่ทุกชนิด เพราะว่าจะทำให้นางไม่สบาย และจะอยู่ในเมืองมนุษย์ไม่ได้ จะต้องกลับไปอยู่ที่เมืองของนางบนสวรรค์

เมื่อคนที่อยู่ในกลองได้ยินเช่นนั้น จึงนำเรื่องไปเล่าให้เจ้าเมืองฟัง เจ้าเมืองจึงรีบจัดงานเลี้ยงขึ้น แล้วใช้คนไปเรียกผัวของนางมา พอผัวของนางมาถึงงานเลี้ยง ก็พบว่าอาหารทุกอย่าง ประกอบด้วยไข่ทั้งหมด เขาจึงนึกถึงคำบอกของเมีย จึงไม่ยอมกินอาหารเหล่านั้น เจ้าเมืองจึงโกรธ และบอกว่า ถ้าเขาไม่กินแล้วก็จะถูกฆ่า เขารู้สึกกลัวจึงหยิบกินเพียง ๒-๓ คำ ซึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้ฝ่ายเมีย ซึ่งอยู่ทางบ้าน จะปวดหัวจนอยู่ต่อไปไม่ได้ จึงต้องกลับไปบนสวรรค์

แต่ก่อนที่นางจะกลับไป ก็ได้ฝากแหวนวิเศษของนางไว้ให้ผัว โดยฝากไว้กับหมา ๙ หาง พอเขากลับมาถึงบ้าน ไม่พบเมียก็จึงเสียใจ และเป็นทุกข์ทรมานยิ่งนัก ฝ่ายหมา ๙ หางจึงบอกว่า ไม่ต้องเสียใจ ตนจะช่วยพาไปหาเมียเอง แล้วจึงเอาแหวนนั้นให้เขาเก็บไว้

แล้วสุนัข ๙ หาง ก็พูดกับเจ้านายว่า ไม่ต้องกังวล ตนเองจะพาท้าวสุพรหมโมกขา ออกติดตามหานางไข่ฟ้าเอง แล้วทั้งสอง ก็พากันออกเดินทาง จนมาถึงลำน้ำพอง จึงได้พากันว่ายน้ำข้ามลำน้ำพอง โดยท้าวสุพรหมโมกขา เกาะหางสุนัขไป กระแสน้ำเชี่ยวกรากมาก จนกว่าจะถึงอีกฝั่งหนึ่ง หางทั้งเก้าของสุนัข ก็หลุดกระจัดกระจายออกไปกองอยู่เก้าท่อน ต่อมา ได้กลายเป็นภูเขาเก้าลูก เรียงรายกันอยู่ จึงได้เรียกกันว่า "ภูเก้า" มาจนถึงทุกวันนี้

และหางหมาขาดถึง ๘ ครั้ง จึงข้ามน้ำได้สำเร็จ ทำให้หมาเหลือหางเดียว มาจนทุกวันนี้ (แต่หางที่เก้าก็ขาดไปครึ่งหนึ่ง) ฝ่ายหมานั้นก็เจ็บปวดมาก เพราะหางขาด และเดินทางมากับเขาได้ไม่นานก็ตายลง เขาจึงนำศพหมาเดินทางต่อไปด้วย มีแมลงวันตัวหนึ่ง มาขอกินเนื้อหมานั้น เขาก็ให้แมลงวันกิน แมลงวันจึงช่วยแนะนำทางเขา จนถึงเขตเมืองของกา แมลงวันก็บอกว่า ตนเดินทางต่อไปไม่ได้แล้ว และบอกว่าถ้าเมื่อใดที่ต้องการให้มันช่วย แล้วก็จงอธิษฐานถึงมัน เขาจึงเข้าไปในเขตเมืองของกา

เมื่อกามาพบเขา และได้ขอกินเนื้อหมาอีก เขาก็จึงให้กากิน กาจึงนำทางให้เขา มาจนหมดเขตเมืองของกา จนถึงเขตของอีแร้ง กาก็ได้สั่งเขาอย่างเดียวกับแมลงวัน พอเข้าเขตอีแร้งๆ ก็ขอเขากินเนื้อหมาอีก เขาก็ให้กิน และอีแร้งก็กินจนเนื้อสุนัขนั้นหมด ต่อมา อีแร้งก็ไปส่งเขาจนหมดเขตเมืองของอีแร้ง เขาจึงเดินทางไปเรื่อยๆ แต่เพียงผู้เดียว เขารู้สึกกลัว จึงไปนอนบนต้นไม้ใหญ่ ซึ่งใหญ่ที่สุดในป่าแห่งหนึ่ง

ต่อมามีนก ๒ ตัวผัวเมีย เป็นนกที่ใหญ่มาก สามารถบินถึงชั้นฟ้าได้ ซึ่งชื่อว่านกอะจ๊ะเลเล(หัสดีลิงค์) บินมาเกาะที่ต้นไม้นั้น และได้คุยกันว่า วันนี้กินอิ่มแล้ว พรุ่งนี้จะกินอะไรอีก ฝ่ายนกที่เป็นผัวจึงบอกว่า พรุ่งนี้จะไปกินช้าง ที่เมืองจุมปอน(อุทุมพร) เขาจึงได้รู้ว่า เมียตนอยู่เมืองจุมปอน เขาจึงแอบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในหางปั่วนก(หางนกเส้นโต)

รุ่งเช้า นกก็บินไปยังเมืองจุมปอน และก็บินลงไป จะไปกินช้างที่ตาย เขาจึงหล่นตกลงมาจากขนนกแล้วก็เดินไปเรื่อยๆ มาจนถึงท่าน้ำแห่งหนึ่ง พอดีทางเมืองนั้น จะทำพิธีอาบน้ำนางไข่ฟ้า ซึ่งเป็นเมียของเขาและเป็นลูกสาวของเจ้าเมือง (ซึ่งจะต้องล้างกลิ่นคาวของมนุษย์ออก เพื่อเป็นชาวสวรรค์นั้นเอง) ซึ่งได้ใช้คนใช้มาหาบน้ำที่ฝั่งแม่น้ำนั้น คนใช้ จึงได้มาพบกับเขาที่นั่น เขาจึงถามว่า นางหาบน้ำไปทำไม คนใช้ก็บอกว่าตักไปให้ลูกสาวเจ้าเมืองอาบ เขาจึงช่วยนางยกหาบน้ำใส่บ่า แล้วแอบถอดแหวนใส่ลงในหาบน้ำนั้น พอนางคนใช้หาบน้ำมาถึงในวัง แล้วไปเทให้ลูกสาวเจ้าเมืองอาบ แหวนจึงได้วิ่งเข้าสวมนิ้วมือ ของลูกสาวเจ้าเมืองทันที จึงทำให้ลูกสาวเจ้าเมืองหรือนางไข่ฟ้า รู้ว่าผัวของนางมาตาม นางจึงถามคนใช้ว่า ตักน้ำที่ไหนมา คนใช้ก็เลยเล่าให้ฟังว่า พบชายคนหนึ่งอยู่ที่ท่าน้ำ นางจึงบอกให้พ่อแม่ว่าผัวนางมาตาม พ่อแม่ของนางไข่ฟ้าจึงให้ทหารไปตามเขามา แต่ไม่ให้เห็นตัวนางไข่ฟ้า แล้วจึงจัดงาน และให้นางคนใช้อีก ๖ คน มาแต่งตัวให้เหมือนนางไข่ฟ้า แล้วใช้ผ้าม่านปิดหน้า แล้วให้เขาไปเลือกว่า ใครเป็นเมียของเขา โดยเอาแหวนของนางออกเสีย ฝ่ายสุพรหมโมกขา ผู้เป็นผัวของนาง ก็อธิษฐานให้แมลงวันมาช่วย แมลงวันจึงบินมาเกาะที่มือของนาง เขาจึงชี้ตัวนางได้ถูกต้อง ฝ่ายเจ้าเมืองผู้เป็นพ่อตาก็ไม่เชื่อ จึงให้ใช้ผ้าม่านปิด แล้วให้นางทั้ง ๗ ยื่นนิ้วออกมาคนละนิ้ว แล้วจึงให้เขาเลือกชี้ว่า นิ้วไหนเป็นของนางไข่ฟ้า ชายผู้เป็นสามี จึงอธิษฐานให้แมลงวันมาช่วยอีก แมลงวันจึงมาเกาะที่นิ้วนาง ทำให้เขาชี้ได้ถูกต้อง เจ้าเมืองจึงเชื่อ และได้ยกรองเท้าวิเศษ ที่ใส่แล้วสามารถเหาะเหินและเดินบนอากาศได้ ให้กับสุพรหมโมกขาอีกด้วย

จากนั้น สุพรหมโมกขา กับนางไข่ฟ้าสองผัวเมีย ก็ได้ร่ำลาพ่อแม่ และญาติพี่น้องของภรรยา เพื่อกลับกระท่อมบ้านป่าของตน เขาก็สวมรองเท้าวิเศษนั้น แล้วทั้งสอง จึงเหาะขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วลงมาที่กระท่อมในป่าของเขาเหมือนเดิม ฝ่ายเจ้าเมืองอุตตระ ที่คดโกงเขาถึง ๓ ครั้ง ๓ ครา พอได้ทราบข่าวดังนั้น จึงรีบยกทัพติดตามมา เพื่อจะชิงเอานางไข่ฟ้า ไปเป็นมเหสีของตนให้ได้ ซึ่งในระหว่างเดินทัพ มาที่กระท่อมของสองผัวเมียนั้น ได้เกิดฝนตกลมแรง และมีฟ้าคะนอง แล้วเจ้าเมืองอุตตระผู้ชั่วช้า ก็ถูกฟ้าผ่าตาย ตกลงจากช้างพระที่นั่ง แล้วแผ่นดินก็ได้แยกออก แล้วสูบเอาเจ้าเมืองอุตตระ ลงสู่มหานรกอเวจีในทันที เมื่อชาวเมืองอุตตระนครทราบความเช่นนั้น ก็มีความเห็นพ้องต้องกันว่า ท้าวสุพรหมโมกขาและนางไข่ฟ้านั้นเป็นผู้มีบุญญาธิการมาก จึงได้พร้อมใจกัน มาอัญเชิญให้มาปกครองเมืองอุตตระนคร แทนเจ้าเมืองคนเก่า ซึ่งทั้งคู่ ก็รับคำเชิญ และได้ทำการปกครองบ้านเมือง และอาณาประชาราษฎร์ ด้วยทศพิธราชธรรม อย่างมีความสุขและร่มเย็น สืบไปจวบจนสิ้นอายุขัย แล้วก็ได้จุติไปปฏิสนธิ เป็นเทพบุตรและเทพธิดา บนสวรรค์ชั้นฟ้าเช่นเดิม

โพสท์โดย: ประเสริฐ ยอดสง่า
อ้างอิงจาก:
https://youtu.be/RIOP9rc70QU?si=yTlbcik1oaksQqRl
ตำนานแห่งภูเก้าและภูพานคำ
นิทานพื้นบ้าน นางไข่ฟ้า ท้าวสุพรหมโมกขา ນາງໄຂ່ຟ້າ
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ภาพจักรพรรดิ​นี​หว่า​นห​รง​ ราชวงศ์​ชิงสาลี่ เดอะสตาร์ โพสต์คลิปสวีตอวยพรวันเกิด ตงตง กฤษกร หวานจนแฟนคลับแซวสนั่นเข้าใจคนผ่านกฎ 18 ข้อโตโยต้าเตรียมเรียกคืนรถยนต์กว่า 42,000 คันในสหรัฐฯกฟภ. ประกาศฟรีค่าไฟเดือน ก.ย. และลด 30% ในเดือน ต.ค. สำหรับพื้นที่น้ำท่วมเกาหลีใต้เจอศึกหนัก ธุรกิจทรุดหลายเดือน แถมไทยก็แบนไม่หยุด ต้องหันหน้าหาญี่ปุ่นอดีตศัตรูโมสาร์ทปล่อยเพลงใหม่ ในรอบ 200 ปีอ้าว จัดอันดับประเทศในเอเชียมีอิทธิพลต่อโลก ไทยติดโผ แต่เกาหลีอยู่ตรงไหนกันแน่ลุงต๋องแฉแม่ตั๊ก ให้เงินในคลิป 3,000 บาท ถ่ายเสร็จขอคืน 2,000 หวังช่วยรักษาเท้าแต่เป็นแค่ลมปากเราควรซักผ้าปูที่นอนและหมอนบ่อยแค่ไหน?ฮือฮา! ภาพวาดบ้านไม้โบราณสุดสมจริง ผลงานสีน้ำมันของนักศึกษาสาว ม.ราชภัฏบุรีรัมย์
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อ้าว จัดอันดับประเทศในเอเชียมีอิทธิพลต่อโลก ไทยติดโผ แต่เกาหลีอยู่ตรงไหนกันแน่ภาพจักรพรรดิ​นี​หว่า​นห​รง​ ราชวงศ์​ชิงสาลี่ เดอะสตาร์ โพสต์คลิปสวีตอวยพรวันเกิด ตงตง กฤษกร หวานจนแฟนคลับแซวสนั่น
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
บารมีหลวงปู่หน่วยประสบการณ์เจอผี ไม่น่าเชื่อจะมีจริงๆ น่ากลัวมาก จิตอ่อนอย่าอ่านตำนานพระนางจามเทวีปริศนาคลื่นความทรงจำ (2) #อักษราลัย
ตั้งกระทู้ใหม่