รีวิวหนังดัง The King's Man กำเนิดโคตรพยัคฆ์ร้ายคิงส์แมน
จุดเริ่มต้นของสายลับ King's Man มีฉากหน้าเป็นร้านขายสูทสุดหรูริมถนน มันมีจุดเริ่มต้นจากเศรษฐีผู้ดีอังกฤษอย่าง Orlando Oxford ที่อยากเห็นโลกนี้ดีขึ้น โดยไม่หวังพึ่งพิงการทำงานของรัฐบาล
แต่เขาก็ไม่ใช่หน่วยงานเถื่อนหรือศาลเตี้ย แต่แทรกซึมในหน่วยงานกลาโหม พร้อมส่งมอบข่าวสารที่ถูกต้องและจัดการกับคนร้ายอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะเป็นข่าวกระจายในวงกว้าง เรียกได้ว่าปิดทองหลังพระตัวจริง
ผลงานการกำกับโดย Matthew Vaughn ผู้ที่ต้องการรังสรรค์หนังแนวสายลับไม่ให้ดูเครียดเกินไป แต่ก็สนุกในแบบของจารชนคนชั้นเซียนแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เรื่องย่อ
Orlando Oxford ผู้ก่อตั้งองค์กรสายลับ Kingsman มีวิสัยทัศน์ในการทำงานสายลับเพื่อช่วยรัฐบาลและกองกำลังทหารให้สะดวกยิ่งขึ้น คือการลงมือทำก่อนคำสั่งจากภาครัฐจะสั่งการเสียอีก เขามี Shola เป็นพ่อบ้านและมือขวาชั้นเอก มีแม่บ้านอย่าง Polly ในการรับข้อมูลข่าวสารและลูกข่ายที่เป็นแม่บ้านพร้อมจะคัดกรองข่าวขณะเสิร์ฟน้ำชาระหว่างการประชุม
นอกจากนี้ยังมีลูกชายอย่าง Condor Oxford มาขอให้ตนมีส่วนร่วมกับปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย
โดยศัตรูตัวฉกาจที่ว่านั้นคือ Morton ผู้ชักโยงสงครามระหว่างประเทศ คอยบงการอยู่เบื้องหลังอย่างไม่เปิดเผยชื่อ อีกทั้งยังมีลูกน้องมือดีแฝงตัวเพื่อปั่นหัวผู้นำทางการเมืองแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Grigori Rasputin หรือ Mata Hari
นักแสดงนำ
- Ralph Fiennes รับบทเป็น Orlando Oxford
- Harris Dickinson รับบทเป็น Conrad Oxford
- Djimon Hounsou รับบทเป็น Shola
- Gemma Arterton รับบทเป็น Polly
- Rhys Ifans รับบทเป็น Grigori Rasputin
- Matthew Goode รับบทเป็น Morton
- Charles Dance รับบทเป็น Kitchener
- Daniel Brühl รับบทเป็น Erik Jan Hanussen
- Valerie Pachner รับบทเป็น Mata Hari
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.หนังดำเนินเรื่องสนุกน่าติดตาม แม้จะต้องอารัมภบทให้คนดูรู้จักกับแต่ละตัวละคร แต่ก็ไม่ได้ทำให้หนังน่าเบื่อแต่อย่างใด หนังกลับช่วยให้คนดูรู้สึกชื่นชอบในคาแรกเตอร์ของแต่ละตัวละครอีกด้วย
2.แม้ปมของเรื่องจะเกี่ยวข้องกับสงครามและการเมืองระหว่างประเทศ แต่สิ่งหนึ่งที่หนังให้ความใส่ใจคือดูแล้วต้องเพลิดเพลินลื่นไหล จริงอยู่ หนังใช้ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์บิดเบือนไปกับบริบทของ King's Man แต่ถ้าไม่รู้ประวัติศาสตร์จริงๆก็ไม่เป็นไร ดูแค่พอผ่าน ไม่เข้าใจก็ช่างมัน พอหนังเข้าเรื่อง มันจะสนุกในแบบของมันเอง
3.ฉาก Action ต่อสู้ประชิดตัวถือว่าทำออกมาได้ดี หลายฉาก แม้จะมีบางช่วงที่การต่อสู้จะดูติดตลกไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นสไตล์ในแบบฉบับของ King's Man คือสายลับทีเล่นทีจริง รู้จังหวะที่จะเล่นในช่วงที่เหมาะที่ควร มีช่วงจังหวะเบาสมอง ตอนจริงจังก็หนักแน่นไม่น้อย
4.มีการตัดตัวละครสำคัญแบบช็อกคนดู นี่คือสิ่งที่หนังเรื่องนี้กล้าทำและทำออกมาได้ดีเสียด้วย เพราะมีเหตุผล มีที่มาที่ไปแบบยอมรับได้ ทุกอย่างดูกลมกลืนไม่ยัดเยียดปมปัญหาแต่อย่างใด คนดูสามารถรู้สึกไปกับตัวละครได้เลย
5.หนังสอนใจคนดูถึงหลายประเด็นสำคัญ ทั้งเรื่องค่านิยมรักชาติ เรารักชาติจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องพาตัวเองไปเสี่ยงเกินควร ทั้งที่เราสามารถทำหน้าที่เพื่อชาติในแบบอื่นได้ รวมถึงการโกหกเพื่อกลบเกลื่อน แม้จะเป็นเหตุผลเล็กน้อยเพื่อจะทำการบางอย่าง แต่มันเสี่ยงที่จะถูกเข้าใจผิดจนนำไปสู่ความตายได้
6.นี่คือหนังสายลับยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ครีเอเตอร์อยากแนะนำ อาจจะดูโบราณไปสักนิด แต่ความบันเทิงถือว่าจัดเต็ม แม้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่ใช่หนังห่วยอย่างแน่นอน