เมืองกึ๋ง รัฐฉาน ตำนานความรัก ขุนสามลอนางอูเป่ม😭😭😭
นานมาแล้ว ณ เมืองเชียงตอง(เก็งตอง) รัฐฉานมีเศรษฐีสามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีชื่อ นายลุงติ่งนะ ส่วนภรรยาชื่อนางกั่นทะก่านโหย่ง ทั้งสองแต่งงานกันมาหลายปี จึงมีบุตรชายคนแรกและคนเดียว ชื่อ "ขุนสามลอ" เมื่อเติบใหญ่ กลายเป็นหนุ่มรูปงามที่สาวน้อยสาวใหญ่ พากันหลงรัก ในบรรดาสาวงามเหล่านั้น มีคนหนึ่งชื่อนางอูแปม ที่หมั่นไปมาหาสู่ ปรนนิบัติรับใช้เศรษฐีทั้งสามีภรรยา จนเกิดความพอใจ อยากได้นางมาเป็นคู่ของลูกชาย แต่ขุนสามลอไม่ได้รักนาง เพราะรู้ว่า เมื่ออยู่ลับหลังท่านเศรษฐีแล้ว นางอูแป่มไม่มีอะไรดีเลย พูดก็ไม่เพราะ กิริยามารยาทก็ไม่เรียบร้อย ทำการงานอะไรก็ไม่เก่ง
เมื่อถูกแม่รบเร้า ให้แต่งงานกับนางอูแปมบ่อยเข้า ขุนสามลอ จึงหาทางหลีกเลี่ยง โดยบอกกับพ่อแม่ว่า ตนอายุยังน้อย ยังไม่อยากมีครอบครัว อยากเดินทางไปค้าขายต่างเมือง เพื่อหาประสบการณ์ และหาเงินด้วยตนเองให้ได้เสียก่อน พ่อแม่ขุนสามลอก็อนุญาต และลงทุนให้ โดยจัดสิ่งของบรรทุกเกวียนพร้อมวัวต่าง และบริวารเป็นจำนวนมาก ออกเดินทางไปค้าขายตามเมืองต่าง ๆ จนถึงเมืองกึ๋ง ขุนสามลอรู้สึกพอใจเมืองนี้มาก จึงปักหลัก ค้าขายที่เมืองนี้เป็นเวลานาน จนวันหนึ่ง ได้ไปขายชาที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านของชาวบ้านธรรมดาครอบครัวนี้ มีลูกสาวคนหนึ่งชื่อนางอูเป่ม เป็นสาวงามน้ำใจดี กิริยามารยาทเรียบร้อย เป็นที่ต้องตาต้องใจขุนสามลอยิ่งนัก จึงติดต่อกันเรื่อยมา นางอูเป่มก็ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ในที่สุด ขุนสามลอก็มาสู่ขอ ตกลงแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน ทั้งคู่รักกันมาก อยู่กินกันอย่างมีความสุข
ไม่นานนางอูเป่มก็ตั้งท้อง ขุนสามลอดีใจเป็นที่สุด อยากจะกลับไปบอกข่าวพ่อแม่ของตน ประกอบกับจากบ้านเมืองมานาน จึงคิดจะกลับไปเยี่ยมสัก ๑ เดือนแล้วจะกลับมาอยู่กับนางอูเป่มตลอดไป แล้วขุนสามลอพร้อมกับบริวารส่วนหนึ่งก็เดินทางไปถึงบ้านเมืองของตน ทำให้พ่อแม่ดีใจมากที่ลูกกลับมา แต่ก็ไม่ลืมความตั้งใจเดิม ที่จะให้ขุนสามลอแต่งงานกับนางอูแปม
แม้ว่าขุนสามลอ จะได้บอกกล่าวว่า ตนมีเมียที่กำลังตั้งท้อง และตั้งตาคอยอยู่ที่เมืองกึ๋ง แต่พ่อแม่ก็ไม่ยอมเข้าใจและไม่ยอมรับรู้ใด ๆ ทั้งสิ้น เศรษฐีกักขังขุนสามลอ ไม่ให้ออกจากบ้านไปไหน เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับนางอูแปม ที่พยายามมาเอาอกเอาใจ จะได้ไม่คิดกลับไปหานางอูเป่ม แต่ขุนสามลอ ก็ไม่เคยลืมนางได้เลย ทั้งไม่คิดชอบนางอูแปมแม้แต่น้อย
หนึ่งเดือนผ่านไป ถึงเวลาที่ขุนสามลอ จะกลับไปหานางอูเป่มเมียรักที่เมืองกึ๋ง แต่ก็ไม่ได้กลับ ทำให้นางคิดถึงและเป็นห่วงมาก นางจึงขออนุญาตพ่อแม่ เดินทางไปหาขุนสามลอ พร้อมด้วยคนใช้ผู้หญิงอีกสามคน เมื่อมาถึงบ้านขุนสามลอ เศรษฐีทั้งสอง โดยเฉพาะนางกั่นทะก่านโหย่ง แม่ของขุนสามลอรู้เข้า ก็ตั้ง ข้อรังเกียจ หาทางกลั่นแกล้ง ให้นางได้รับบาดเจ็บ
โดยที่นางกั่นทะก่านโหย่ง เอาเข็มเย็บผ้า ใส่ลงในกระติบข้าว ที่มีข้าวอยู่เต็ม นำมาให้นางอูเป่มกิน เมื่อนางอูเป่ม เอามือจับข้าวออกจากในกระติบ มือของนาง ก็ได้ถูกเข็มทิ่มตำ จนเลือดไหลเต็มไปหมด ด้วยความเจ็บปวด นางร้องไห้ และเสียใจมาก นางจึงไม่อาจทนอยู่ กับการโดนกลั่นแกล้งที่เลวร้ายนี้ได้ และไม่คิดว่า แม่ของขุนสามลอ จะทำกับนางได้ถึงเพียงนี้
ขณะที่นางอูเป่ม ได้เดินลงบันไดบ้านมานั้น ขั้นบันใดก็ได้หัก ซึ่งเป็นผลมาจากแผนการณ์ ของนางกั่นทะก่านโหย่ง ส่งผลให้นาง ร่วงลงมากระทบพื้นอย่างแรง และบนพื้น ก็เต็มไปด้วยเลือด ตั้งแต่หัวบันไดจนถึงพื้น นางจึงได้ตัดสินใจหนีกลับบ้านเกิด ที่เมืองกึ๋งทันที
ฝ่ายขุนสามลอ ถึงแม่หลอกให้ไปซื้อปลาที่ตลาด ก่อนหน้าที่นางอูเป่มจะมา เพื่อไม่ให้ทั้งสองได้พบกัน เมื่อขุนสามลอกลับมาถึงบ้าน ก็ไม่พบนางอูเป่มก็น้อยใจ จึงไปถามแม่ของตัวเองว่า ท่านแม่ เลือดที่ไหลหยดตามพื้น และเต็มบันไดไปหมดนั้น คือเลือดอะไร
นางกั่นทะก่านโหย่ง จึงตอบกลับขุนสามลอว่า ไม่มีอะไรหรอกลูก เพียงแต่แม่ย้อมผ้า เลยทำสีย้อมผ้า หกหยดเต็มพื้นเท่านั้นเอง แต่ขุนสามลอนั้นไม่เชื่อ ในสิ่งที่แม่ของเขานั้นบอก จึงกลับมาดูอีกครั้ง และเห็นเลือด เขียนบนพื้นดินไว้ว่า น้องกลับแล้วนะพี่ เมื่อเห็นข้อความดังนั้น ขุนสามลอก็รู้ว่านางจากไปเสียแล้ว จึงรีบควบม้าตามไป
นางอูเป่มพร้อมสาวใช้ จึงออกเดินกลับบ้านเกิด ที่เมืองกึ๋งทันที ด้วยหนทางที่ยาวไกล การเดินทางอย่างทุลักทุเล จนมาถึงกลางทาง นางอูเป่มเกิดปวดท้องขึ้นมา สามใช้ทั้งสาม จึงประคองนางอูเป่ม ที่ตอนนี้ มีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอดของนาง เต็มไปหมด แล้วนางก็คลอดลูกออกมาด้วยความลำบาก เป็นลูกชาย แต่ลูกของนางนั้น ก็ตายตั้งแต่อยู่ในท้อง ตัวเขียว ซึ่งโบราณถือว่าถ้าทิ้งลงน้ำจะกลายเป็นปลา ถ้าวางบนบกจะกลายเป็นกบหรือเขียด
นางอูเป่ม จึงนำศพของลูก ไปวางไว้ที่ตอไม้แห่งหนึ่ง และกล่าวว่า "ไม่ว่าพ่อของลูกจะอยู่ที่ไหน ลูกจงตามหาพ่อของเจ้า" ไม่นานนักทารกน้อยนั้น ก็กลายร่างเป็นนก แล้วส่งเสียงเรียก "ต้องลอ ต้องลอ" (คนไทใหญ่ตั้งชื่อนกชนิดนี้ว่า "นกต้องลอ" โดยเชื่อว่าเสียงร้อง "ต้องลอ" เป็นเสียงเรียกหาพ่อ ตามตำนานเรื่องขุนสามลอ)
เมื่อนางอูเป่ม กลับมาถึงเมืองกึ๋ง ด้วยความเจ็บปวด และทรมานทั้งกายและใจ หมดเรี่ยวแรง อ่อนเพลีย พ่อแม่ของนาง จึงให้คนไปตามหมอมา แต่ทว่า ไม่ทันเสียแล้ว พอหมอมาถึงประตูหน้าบ้าน นางก็ได้สิ้นใจ เสียชีวิตในอ้อมกอดพ่อแม่
ขณะนั้น ขุนสามลอ ก็ได้เดินทางตามหานางอูเป่ม จนมาพบกับพ่เฒ่าคนหนึ่ง และได้ถามท่านพ่อเฒ่าว่าเห็นนางอูเป่ม และสาวใช้ของนาง ผ่านมาทางนี้หรือไม่ พ่อเฒ่าจึงตอบว่า ข้าเห็นพวกนางเดินไปทางนั้น ท่าทางไม่ค่อยจะดีนัก ไม่รู้เป็นอะไรกันหรือเปล่า จากนั้นขุนสามลอ ก็รีบควบมาตามไป ระหว่างทางพบ นกต้องลอ ส่งเสียงร้องเหมือนกับเรียกหาพ่อ
พอมาถึงหน้าบ้านนางอูเป่ม ก็มาเจอกับผู้คนมากมาย ที่กำลังเตรียมงานอะไรกันซักอย่าง ขุนสามลอ ก็ได้ถามขึ้นว่า พวกท่านกำลังเตรียมงานอะไรกัน จึงได้รับคำตอบว่า กำลังเตรียมงานศพให้กับนางอูเป่ม ขุนสามลอตกใจมาก จึงรีบเข้าบ้านไปหานางอูเป่มทันที แต่ก็ได้ถูกกีดกัน จากญาติพี่น้องของนางอูเป่ม ไม่ให้พบศพของคนรัก เพราะกลัวว่า เขาจะทำใจไม่ได้ ขุนสามลอ จึงใช้เงินที่นำติดตัวมาด้วย โปรยไปทั่วบริเวณ จากนั้น จึงเกิดความชุลมุนวุ่นวายขึ้น ทุกคน ต่างพากันแย่งเก็บเงิน และลืมขุนสามลอไป
ขุนสามลอ จึงสบโอกาสนั้นขึ้นไปบนบ้าน เมื่อได้เห็นร่างของหญิงสาวคนรัก นอนหลับตา ด้วยร่างที่ไร้วิญญาณ ขุนสามลอเสียใจมาก จึงใช้มีดที่พกติดตัวมา แทงตัวตายตาม
ระหว่างจัดพิธีงานศพ ของทั้งคู่ นางกั่นทะก่านโหย่ง เมื่อรู้ข่าวลูกตายก็ตามมา เห็นศพทั้งสองเคียงข้างกันก็ไม่ยอม ด้วยความเกลียดชังนางอูเป่ม จึงได้นำไม้ไผ่สามปล้อง มากั้นกลางหลุมศพของทั้งสอง เพื่อขัดขวางไม่ให้พบรักกันอีกในชาติหน้า ความเชื่อดังกล่าว จึงเป็นที่มาของความเชื่อเรื่องดวงดาว ของชาวไทใหญ่ ที่ว่า หากมองเห็นดวงดาวสองดวงอยู่ตรงข้ามกัน และมีกลุ่มดาวเล็กๆ สามดวงเรียงตัวกัน กั้นกลางดวงดาวคู่นั้น นั่นหมายถึงไม้ไผ่ ที่นางกั่นทะก่านโหย่ง นำไปกั้นศพของทั้งคู่เอาไว้
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าสืบขานกันต่อมาอีกว่า ก่อนที่นางอูเป่มจะตาย ได้อธิฐานไว้ว่า อย่าให้หญิงสาวเมืองกึ๋ง มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม เพราะไม่อยากให้ประสบพบเจอเหมือนตน ซึ่งยังไม่มีใครยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่ แต่สำหรับตำนานรักเรื่องนี้ ชาวไทใหญ่เชื่อกันว่า เป็นเรื่องจริง เพราะมีชื่อเมืองต่างๆ ที่ปรากฏอยู่จริงในรัฐฉาน และเป็นตำนานที่โด่งดังมาก จนนักร้องไทใหญ่ นำไปแต่งเป็นเพลง ทำให้ตำนานเรื่องนี้ กลายเป็นที่รู้จัก ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ มาจนถึงวันนี้
อ้างอิงจาก:
https://youtu.be/ttagyKLPn3c?si=Fe7Jx7TBOH0cc5Oy
เมืองกึ๋ง รัฐฉาน
ตำนานรักขุนสามลอและนางอูเป่ม