เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ ผู้รอดชีวิต จากการถูกลอบปลงพระชนม์
เจ้าหญิงศรีสุริยธรรมาเทวี หรือ เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ ทรงเป็นพระราชธิดาลำดับที่ 63 ของพระเจ้ามินดง ซึ่งประสูติแต่เจ้าจอมมารดาทยาสิ่น ณ พระราชวังหลวง กรุงมัณฑะเลย์ ในปีพ.ศ. 2408 ทรงมีพระเชษฐภคินีร่วมบิดามารดา 1 พระองค์ และพระขนิษฐาร่วมบิดามารดา 1 พระองค์
เจ้าหญิงทรงเป็นพระราชธิดา ที่ประสูติภายในเศวตฉัตร เจ้าหญิงทรงได้รับพระราชทานศักดินา "เต่งกะด๊ะ" (Taingda) จากพระเจ้ามินดง และกลายเป็นพระนามที่เรียกขานกันว่า "เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ" ต่อมา พ.ศ. 2409 พระเจ้ามินดง ทรงเปลี่ยนศักดินาของเจ้าหญิงจาก "เต่งกะด๊ะ" เป็น "มโหย่ติ" (Myothit) ดังนั้น จึงมีสถานะเป็น "เจ้าหญิงมโหย่ติ"
ในปีพ.ศ. 2421 ขณะทรงมีพระชนมายุราว 13 พรรษา พระเจ้ามินดง พระราชบิดาได้เสด็จสวรรคต เจ้าหญิงมโหย่ติ ทรงเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ ที่รอดพ้นการปลงพระชนม์หมู่ ในเหตุการณ์รัฐประหารวังหลวงพม่า พ.ศ. 2421 - 2422 ที่ดำเนินการโดย พระนางซินผิ่วมะฉิ่น พระมเหสีตำหนักกลาง ในพระเจ้ามินดง และอัครมหาเสนาบดี ในพระเจ้ามินดง คือ เกงหวุ่นมินจี ซึ่งเป็นพันธมิตร ของพระนางซินผิ่วมะฉิ่น และเต่งกะด๊ะมินจี เสนาบดีผู้มีอิทธิพลในสภาลุด ต่ออีกคนหนึ่ง
การก่อรัฐประหารครั้งนี้ เพื่อเปิดทางให้พระเจ้าธีบอ กษัตริย์พระองค์ใหม่ ขึ้นสู่ราชบัลลังก์คองบองได้อย่างมั่นคง เหล่าพระเชษฐา อนุชาและพระภคินีต่างมารดา ของเจ้าหญิงมโหย่ติ ที่มีสิทธิในราชบัลลังก์และอิทธิพลสูงในราชสำนัก ต่างถูกปลงพระชนม์ เจ้าหญิงมโหย่ติ และพระราชธิดาอีกสองพระองค์ ของพระเจ้ามินดง ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาทยาสิ่น ไม่ได้ถูกปลงพระชนม์ อาจเป็นเพราะพระนางซินผิ่วมะฉิ่นเห็นว่า ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรในราชสำนัก และต่างยังเยาว์พระชันษา
เจ้าหญิงทั้งสาม และเจ้าจอมมารดาทยาสิ่น ประทับในพระราชวังหลวงอย่างสงบ ไร้ซึ่งบทบาทในราชสำนัก ภายใต้การปกครอง ของพระเจ้าธีบอ และพระนางศุภยาลัต พระมเหสี ในพระเจ้าธีบอ ช่วงนี้ พม่ากำลังเผชิญภัยคุกคาม จากจักรวรรดินิยมอังกฤษ ราชอาณาจักรล่มสลายลง โดยพระเจ้าธีบอ ทรงครองราชย์ได้เพียง 7 ปีเท่านั้น พระองค์ทรงพ่ายแพ้ ในสงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่สาม กองทัพอังกฤษ ได้บุกเข้าพระราชวังมัณฑะเลย์ เพื่อเรียกร้องให้พระเจ้าธีบอ ทรงยอมจำนนโดยไม่มี เงื่อนไขภายใน 24 ชั่วโมง และบีบบังคับให้พระเจ้าธีบอ สละราชบัลลังก์ พระองค์ พร้อมพระราชินีศุภยาลัต และพระราชธิดา ทรงถูกเนรเทศไปยังอินเดีย ในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2428
หลังจากที่สถาบันกษัตริย์ล่มสลาย และพม่า อยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ เจ้าหญิง ทรงได้รับอนุญาตให้ประทับอยู่ในพม่า ไม่ต้องถูกเนรเทศ เจ้าหญิงเมงหลง พระขนิษฐา ได้เสกสมรสกับเจ้าชายกอว์ลิ่น หนึ่งในพระโอรสของพระเจ้ามินดง ซึ่งมีพระชนมายุคราวเดียวกับเจ้าหญิงเมงหลง ทั้งคู่ เสกสมรสในวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2437 และได้ย้ายไปพำนักที่ย่างกุ้ง ทรงมีพระธิดาร่วมกันสองพระองค์ แต่เจ้าหญิงเมงหลง ได้สิ้นพระชนม์ หลังมีพระประสูติกาลพระธิดาองค์ที่สอง ในปี พ.ศ. 2441 เจ้าหญิงมโหย่ติ ที่เสด็จมาประทับด้วย จึงต้องดูแลพระธิดาทั้งสองของพระขนิษฐา และในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2445 เจ้าหญิงมโหย่ติ ได้เสกสมรสกับเจ้าชายกอว์ลิ่น พระสวามีของพระขนิษฐา ณ ย่างกุ้ง ทั้งสองพระองค์ ไม่มีบุตรร่วมกัน
เจ้าหญิง พระสวามีและพระธิดาเลี้ยง ประทับร่วมกันที่ย่างกุ้ง เจ้าหญิงมะข่อง พระธิดาเลี้ยงองค์โต สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2462 เจ้าหญิงนองมอญ พระเชษฐภคินีสิ้นพระชนม์ ในปีพ.ศ. 2464 เจ้าชายกอว์ลิ่น พระสวามี ได้สิ้นพระชนม์ในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ หรือ เจ้าหญิงมโหย่ติ จึงทรงประทับอยู่กับพระธิดาเลี้ยงองค์ที่สอง คือ เจ้าหญิงมะซู และครอบครัวในย่างกุ้ง
เจ้าหญิงประทับอยู่ในย่างกุ้งเรื่อยมา พระชนมายุที่ยืนยาว ทำให้ทรงผ่านพ้นเหตุการณ์สำคัญ ทั้งสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ก่อให้เกิดการยึดครองพม่าของญี่ปุ่น เหตุการณ์ความตกลงเวียงปางหลวง ในปีพ.ศ. 2490 และการประกาศอิสรภาพของพม่า ในปี พ.ศ. 2491 เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ หรือ เจ้าหญิงมโหย่ติ สิ้นพระชนม์อย่างสงบ ณ ย่างกุ้ง ในปีพ.ศ. 2495 สิริพระชนมายุ 87 พรรษา
อ้างอิงจาก:
https://youtu.be/in1HZ9LPqdU?si=Fq8hZPwT3LAo1D5i
ประวัติเจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ