เทวสถานโกนารัก รัฐโอริสสา ประเทศอินเดีย ประติมากรรม กามสูตร วิหารแห่งสุริยะเทพ มรดกโลก
ความเชื่อแห่งสุริยะเทพ สุริยะเทพ เป็นเทพเจ้าที่มีความสำคัญ ในอารยธรรมโบราณของโลกหลายแห่ง เช่น กรีก รู้จักกันในนามของ เทพอพอลโล หรืออียิปต์ รู้จักกันในนามของ เทพเจ้ารา หรือในชนเผ่าต่างๆของโลก ก็ยังนิยมบูชาพระอาทิตย์ หรือสุริยะเทพกันอยู่ สำหรับในประเทศอินเดียนั้น สุริยะเทพปรากฎเป็นพระนาม มาตั้งแต่สมัยพระเวท ซึ่งเป็นยุคสมัยแรกของพัฒนาการทางศาสนาพราหมณ์ ในประเทศอินเดีย และในยุคต่อมาคือยุคปุราณะ ฐานะของสุริยะเทพ ก็ค่อยๆ ลดบทบาทลงมา ในสมัยพระเวท เทพเจ้า ที่มีความสำคัญในอันดับต้นๆ ก็ถูกลดฐานะลงมาเป็นเทพนพเคราะห์แทน
สำหรับการบูชาสุริยะเทพนั้น เริ่มแพร่ขยายอิทธิพลมาจากอิหร่าน ไปยังแถบตะวันตก และตะวันออกของอินเดียอย่างช้าๆ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ในยุคแรกๆ เกี่ยวกับการบูชาพระอาทิตย์ของเมืองโอริสสา คือจารึกบนแผ่นทองแดงที่ชื่อว่า สุมัณฑละ มีอายุประมาณ พ.ศ.1142 อยู่ในสมัยของกษัตริย์ที่ทรงพระนามว่า มหาราชาธรรมราชา จึงทำให้ความเชื่อที่ว่า การบูชาสุริยะเทพในรัฐโอริสสานั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ สืบต่อมาจากยุคพระเวทอย่างแน่นอน
โกนารัก เทวสถานแห่งนี้ ตั้งอยู่ใกล้แนวชายฝั่งทะเลของรัฐโอริสสา ทางภาคตะวันออกของประเทศอินเดีย เทวสถานแห่งนี้ บ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีตได้เป็นอย่างดี
โกนารัก สร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์นรสิงห์ที่ 1 แห่งราชวงศ์คงคา ประมาณพุทธศตวรรษที่ 14 ราชวงศ์นี้มีอิทธิพลอยู่ในช่วง ประมาณ พ.ศ.1293 - พ.ศ.1793 ผู้ค้นพบเทวสถานแห่งนี้เป็นคนแรกคือ ราชครูปาปะ พรามครี เขาได้บันทึกเรื่องราวการเดินทาง ไปยังเทวสถานแห่งสุริยะเทพ ที่พังทลายอยู่กลางป่าไว้ว่า
“ตัวเราเองมีนามว่า ปาปะ พรามครี ได้รับทราบเรื่องราวที่น่าเชื่อถือได้ เกี่ยวกับวิหารแห่งสุริยะเทพ ที่พังทลายอยู่กลางป่า ด้วยความที่ตัวเราเอง ศรัทธาในองค์พระสุริยะเทพ เราจึงปรารถนาที่จะได้เห็นวิหารแห่งนี้ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ ชิมันจิ ได้มอบเหรียญทอง 200 เหรียญให้กับเรา พร้อมกับคณะผู้ร่วมเดินทาง ซึ่งประกอบด้วย โกธะ-กรนะ นิลังภร และ ปัตตนายกะ พวกเราออกเดินทางโดยช้างสองเชือก เราท่องเที่ยวไปตามแนวชายฝั่งทะเล ข้ามแม่น้ำสองสาย เราไม่พบที่อยู่อาศัยใดๆ เลย นั่นทำให้เราเริ่มคิดว่า วิหารจะมาสร้างในสถานที่ๆ ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ได้อย่างไร ในทันใดนั้นเอง ก็ปรากฏเนินเขาหินขึ้น ห่างจากพวกเราไปสองไมล์ และนั่นก็คือ วิหารแห่งสุริยะเทพนั่นเอง จากการที่เราได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อ และความสำคัญของวิหารหลังนี้ ทำให้เรามีความกระตือรือร้น ที่จะไปพบวิหารแห่งนี้อย่างมาก”
นั่นคือการค้นพบในระยะแรกเริ่ม ของเทวสถานโกนารักที่ถูกทำลาย และปกคลุมโดยผืนป่าไว้ทั้งหมด และการสำรวจในระยะต่อๆ มา ก็จะเป็นพวกชาวอังกฤษที่เข้ามา เมื่ออินเดียตกอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ เมื่อนักสำรวจที่ชื่อ เฟอร์กัสสัน เดินทางมาที่โกนารักในปี พ.ศ. 2380
ในปี พ.ศ.2425 เริ่มมีการถากถางพื้นป่า ที่ขึ้นปกคลุมโบราณสถานแห่งนี้ และปี พ.ศ.2437 ประติมากรรมบางส่วน ได้ถูกขนย้ายไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ที่เมืองกัลกัตตา ต่อมาในปี พ.ศ.2444 นักโบราณคดีจากเบงกอล ได้มาทำการสำรวจขุดค้นเทวสถานแห่งนี้ เพื่อทำการบูรณะ และเสร็จสิ้นในปี พ.ศ.2453 อุปสรรคที่สำคัญ ในการบูรณะเทวสถานแห่งนี้ก็คือ เกลือจากทะเล และราที่เกาะติดอยู่ตามหินแต่ละก้อน ต้นไม้ที่ปกคลุมอย่างมากมาย ก็เป็นตัวการในการทำลายเทวสถานแห่งนี้เช่นกัน
จากการที่นักปราชญ์และนักโบราณคดี ได้เข้ามาสำรวจ และศึกษาวิหารโกนารักแห่งนี้ พวกเขาได้ใช้เทคนิควิธีการในการอนุรักษ์โบราณสถาน ให้กลับคืนสู่สภาพที่สมบูรณ์ และทำให้ผู้คนโดยรอบโกนารักและแคว้นโอริสสา ได้ทราบว่า เทวสถานแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายให้กับสุริยะเทพมาตั้งแต่ต้น ถึงแม้ว่าปัจจุบันเทวสถานแห่งนี้ จะพังทลายลงไปบางส่วน แต่ก็ยังมีผู้คนมาเยี่ยมเยียนเทวสถานแห่งนี้ไม่ขาดสาย โดยเฉพาะ ช่วงที่เป็นเทศกาลวันกำเนิดแห่งสุริยะเทพ
สถาปัตยกรรมวิหารโกนารัก โกนารัก ตั้งอยู่ห่างจากเมืองภูพเนศวา ประมาณ 65 กิโลเมตร ริมชายฝั่งทะเลของเมืองโอริสสา เทวสถานแห่งนี้ สร้างตามความเชื่อในองค์สุริยะเทพ จากตำนานและคัมภีร์ในการสร้างเทวสถานแห่งนี้ ได้แนวคิดที่ว่า ม้าทรงพระอาทิตย์ ลากราชรถ เดินทางสู่สรวงสวรรค์ ด้วยการเคลื่อนไหวที่งดงามและมีชีวิตชีวา
วิหารนาถมณฑป ตั้งอยู่ด้านหน้า เป็นส่วนทางเข้ามายังวิหารสุริยะเทพ ที่นี่มีรูปแสดงท่าทางการร่ายรำ สลักอยู่ที่ฝาผนัง ในตอนพระอาทิตย์ขึ้นของทุกวัน ก็จะมีการร่ายรำบูชาพระอาทิตย์
โพธิ์คมณฑป อยู่ทางด้านทิศใต้ สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นส่วนที่ใช้สำหรับประกอบ หรือจัดเตรียมอาหาร เพราะมีสิ่งก่อสร้างที่ใช้สำหรับกักเก็บน้ำและบ่อน้ำ
ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีวิหารอายุเก่าแก่กว่าตัววิหาร อาคารหลังนี้ สร้างอุทิศให้กับพระนางมายาเทวี ชายาของสุริยะเทพ
ปัจจุบัน เทวสถานแห่งนี้ ได้รับการบูรณะอย่างต่อเนื่อง มีบางส่วน ที่อยู่ในสภาพที่พังทลาย แต่ก็ยังมีส่วนที่ยังคงสมบูรณ์อยู่ เช่น วิหารทรงพีรามิด ที่รอบฐานจะมีซี่กงล้อรถจำนวน ๑๒ ล้อ แทนความหมายถึงราศีทั้ง ๑๒ ราศี แต่ละกงล้อจะมีความสูง ๑๐ ฟุต ที่ฐานกงล้อ จะแกะสลักเป็นรูปช้าง รองรับอย่างสวยงาม ส่วนที่เป็นห้องใหญ่ใช้ในการทำพิธีจักรโมหนะ ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ส่วนที่พังทลายลงไปคือวิหารที่มีหลังคาทรงศิขระ เทวสถานแห่งโกนารักนี้ มีลักษณะทางสถาปัตยกรรม ที่เป็นลักษณะที่เรียกว่าโอริเซียนสไตล์ ซึ่งเป็นลักษณะที่ปรากฏอยู่ในเทวสถานภายใน แถบแคว้นโอริสสา เช่น ภูพเนศวา
ประติมากรรมวิหารโกนารัก การสร้างเทวสถานสักการะสุริยะเทพ ในช่วงประมาณกลางศตวรรษที่ 13 ได้ถูกอิทธิพลศาสนาฮินดู ไม่ว่าจะเป็นลัทธิไศวนิกาย หรือไวษณพนิกายเข้ามาแทนที่ ในระยะต่อมา การสร้างเทวสถาน จึงเป็นของศาสนาฮินดูเสียเป็นส่วนใหญ่ สำหรับเทวสถานแห่งโกนารักนั้น เป็นเทวสถานของพระสุริยะเทพ กษัตริย์นรสิงห์ ทรงสร้างเทวสถานแห่งนี้ และพระองค์ ก็ยังได้ทรงสร้างอนุสรณ์ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงการทำสงครามของพระองค์ ไว้ที่นี่ด้วย เห็นได้จากประติมากรรมเกี่ยวกับการสงคราม เช่น การรบด้วยม้าและช้าง
ปฎิมากรรมตัวบิลดาลาขี่อยู่ตัวบนช้าง เป็นสัญลักษณ์ว่าศาสนาฮินดูอยู่เหนือศาสนาพุทธ ปฎิมากรรมตัวบิลดาลาขี่อยู่ตัวบนช้าง ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าวิหารโกนารัก
ปฎิมากรรมแห่งกามาสุตรา มีให้เห็นอยู่รอบๆตัววิหาร และเป็นปฎิมากรรมโดดเด่น ของวิหารโกนารัก นั่นก็คือ การได้รับอารยะธรรม เชื่อต่อมาจากคาจูราโฮ
อ้างอิงจาก: https://youtu.be/x83JKs89044?si=ulmY2gnZw_WQ_NZj
วิกิพีเดีย
เทวสถานโกนารัก รัฐโอริสสา