หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ภูทอก (วัดเจติยาคีรีวิหาร) บันใดไม้แห่งศรัทธา สู่ภูผาแห่งบึงกาฬ

โพสท์โดย น้องมิ่ง รัตนาภรณ์

ภูทอก ภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว วัดภูทอก ตั้งอยู่ที่บ้านนาคำแคน ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ 77 ของไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2483 โดยวัดแห่งนี้ เป็นสถานที่ปฏิบัติ ที่มีธรรมชาติสวยงาม เต็มไปด้วยป่าเขา แถมอากาศยังเย็นสบายตลอดทั้งปี เป็นภูเขาหินทราย มองเห็นได้แต่ไกล ประกอบด้วยภูทอกใหญ่และภูทอกน้อย บริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ พระปฏิบัติกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ ได้เข้ามาจัดตั้งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เนื่องจากเป็นสถานที่อันเงียบสงบ

ภูทอกน้อย เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก โดยต้องเดินไปตามสะพานไม้ เวียนรอบเขาสูงชันจนถึงยอด สะพานไม้สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของพระ สามเณร และชาวบ้าน เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2512 ใช้เวลานานถึง 5 ปี บันไดที่ขึ้นสู่ยอดภูทอกนี้ เปรียบเสมือนเส้นทางธรรม ที่น้อมนำสัตบุรุษให้หลุดพ้น ด้วยความเพียรพยายามและมุ่งมั่น

ภูทอก ยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและปฏิบัติศาสนกิจของชุมชน บันไดทางขึ้นภูทอกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น ดังนี้ ชั้นที่ 1-2 เป็นบันไดสู่ชั้นที่ 3 ซึ่งเริ่มเป็นสะพานไม้เวียนรอบเขา สภาพเป็นป่า มีโขดหิน ลานหิน ชั้นที่ 3 มีทางแยกสองทาง ทางซ้ายมือเป็นทางลัดไปสู่ชั้นที่ 5 แต่เป็นทางชันมาก ต้องผ่านอุโมงค์มืด ทางขวามือเป็นทางขึ้นสู่ชั้นที่ 4 ชั้นที่ 4 เป็นสะพานไม้เวียนรอบเขา มองไปเบื้องล่างจะเห็นเนินเขาเตี้ย ๆ สลับกัน เรียกว่า “ดงชมพู”

บนชั้นที่ 4 นี้ เป็นที่พักของแม่ชี รอบชั้น มีระยะทางเดินประมาณ 400 เมตร มีที่พักระหว่างทางเป็นระยะ ๆ ชั้นที่ 5 หรือชั้นกลาง เป็นชั้นที่สำคัญที่สุด เพราะมีศาลาพระพุทธรูปให้สักการะ มีกุฏิที่อาศัยของพระสงฆ์ แทรกตามช่องหินที่เป็นทางเดิน และมีถ้ำอยู่หลายถ้ำ บนชั้นนี้ มีสะพานหินธรรมชาติทอดสู่พุทธวิหาร อันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีลักษณะแปลกคือ เป็นหินแยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่ แต่ไม่ตกลงมา เพราะตั้งอยู่อย่างได้ฉากกับพื้นโลกพอดี ปัจจุบันมีสะพานไม้เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหาร มองออกไปจะเห็นแนวของภูทอกใหญ่อย่างชัดเจน และมีบันไดเวียนขึ้นสู่ชั้นที่ 6 ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของบันไดเวียนรอบเขา ชั้นที่ 6 ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด ตลอดทางเดินจะเป็นหน้าผายื่นออกมา ทำให้ในบางครั้งเวลาเดินต้องเบี่ยงตัวออกมาเล็กน้อย โดยแต่ละจุดมีชื่อของหน้าผาที่แตกต่างกัน เช่น ผาเทพนิมิต ผาหัวช้าง และผาเทพสถิต ในช่วงฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกลอยอยู่รอบ ๆ ยอดภู

จากชั้นที่ 6 สู่ชั้นที่ 7 เป็นสะพานไม้เวียนรอบเขายาว 400 เมตร เกาะติดอยู่ริมหน้าผาสูงชัน ดูน่าหวาดเสียวอันตราย สิ่งศักดิ์สิทธิ์และจุดน่าชมของชั้นนี้คือปากทางเข้าเมืองพญานาค ซึ่งอยู่หลังพระปางนาคปรก มีจุดให้สังเกตคือ มีรอยสีขาวขูดติดกับหินปูน ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นรอยถลอกที่เกิดจากท้องพญานาคสัมผัสกับหินและมีบ่อน้ำเล็ก ๆ มีน้ำขังตลอดปีอยู่ในบริเวณเดียวกัน ชั้นที่ 7 มีบันไดไม้พาดขึ้นไป และจะเจอทางแยกสองทางเพื่อขึ้นไปบนดาดฟ้า ทางแรกเป็นทางชัน ต้องเกาะเกี่ยวกิ่งไม้และรากไม้ เดินค่อนข้างลำบาก ควรใช้อีกทางหนึ่งซึ่งเป็นทางอ้อม โดยเดินเวียนไปทางขวามือ แต่ก็จะมาบรรจบกันที่ด้านบนชั้น 7 หรือดาดฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าโปร่ง มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่

นอกจาก ภูทอกแล้ว ยังมีเจดีย์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ประดับด้วยหินอ่อนขนาดกว้าง 16 เมตร สูง 31 เมตร สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2529 ก่อนที่พระอาจารย์จวนจะละสังขาร ท่านได้ริเริ่มจัดสร้างสะพานไม้ และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธรักษ์ คือการท่องเที่ยวในเชิงการแสวงบุญหรือธรรมจาริก ไม้ทุกชิ้น ตะปูทุกตัว ล้วนมาจากศรัทธา ของชาวบึงกาฬ

 

ประวัติพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วิปัสสนาจารย์สายหลวงปู่มั่น

“พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ” วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย (ปัจจุบัน เป็น จ.บึงกาฬ) พระสายวิปัสสนากัมมัฏฐานอีกรูปหนึ่งแห่งภาคอีสาน ที่มีวัตรปฏิบัติเป็นที่น่าเลื่อมใส เกิดในสกุล นรมาส เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2463 ที่บ้านแหล่งมันแกว หมู่ 12 ต.ดงมะยาง อ.อำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี (ในขณะนั้น) ช่วงวัยเด็กเข้าศึกษาที่โรงเรียนบ้านโคกกลาง ต.มะยาง อ.อำนาจเจริญ และเข้าไปศึกษาในระดับมัธยม ที่โรงเรียนประจำจังหวัด ชีวิตการเรียนของท่าน สอบได้ที่ 1 มาตลอด

เมื่อเรียนจบชั้น ม.6 สมัครเข้ารับราชการ ที่กรมทางหลวงแผ่นดิน อยู่นานถึง 4 ปี จนอายุครบ 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบทฝ่ายมหานิกาย ที่วัดเจริญจิต บ้านโคกกลาง ต.ดงมะยาง อ.อำนาจเจริญ โดยมีหลวงพ่อบุ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “กัลป์ยาณธัมโม”

พรรษาแรก สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี ก่อนลาสิกขา ออกมาประกอบอาชีพเป็นช่างเย็บผ้า ทำงานขยันขันแข็งหามรุ่งหามค่ำ จนล้มป่วยหนัก เมื่อหายป่วยจึงเข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้ง ที่วัดสำราญวิเวก อ.อำนาจเจริญ

เริ่มปฏิบัติกัมมัฏฐาน โดยบริกรรมด้วยคำว่า “พุทโธ” และงดฉันอาหารประเภทเนื้อสัตว์ทุกชนิด ฉันแต่มังสวิรัติอย่างเดียว ด้วยเป็นอาหารธรรมชาติ ทำให้จิตใจเบาสบาย คลายความกำหนัดในกามคุณ ไม่ตกเป็นทาสของลิ้น

ต่อมา ออกเดินธุดงค์ไปยังมุกดาหาร และไปนมัสการพระธาตุพนม ระหว่างทางอาศัย ที่พบเห็นเจริญอสุภกัมมัฏฐาน พิจารณาเห็นความจริงในเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดขึ้นตามลำดับ และเดินทางแสวงวิเวกไปเรื่อย หยุดพักตามป่าช้าแต่เพียงลำพัง ด้วยจิตใจอันกล้าหาญ

ในช่วงระหว่างจำพรรษา ที่วัดบ้านนาจิกดอนเมย บ้านหนองปลิง ต.นาจิก อ.อำนาจเจริญ ท่านปฏิบัติกัมมัฏฐานด้วยการไม่หลับนอน ตลอดระยะเวลา 3 เดือน และฉันอาหารมังสวิรัติ ปรากฏว่าทำสำเร็จได้ผลดีในทางกำลังใจ และมีสติสัมปชัญญะเข้มแข็ง สามารถใช้สติควบคุมจิตได้ดีขึ้น ตามหลักมหาสติปัฏฐาน

นอกจากนี้ ยังออกเที่ยวแสวงวิเวกบำเพ็ญเพียร ตามป่าเขาลำเนาไพร แถบเทือกเขาภูพาน ธุดงค์ขึ้นไปทางเชียงใหม่และเชียงตุงด้วย

พระอริยคุณคุณาธาร (เส็ง ปุสโส) พาพระอาจารย์ มาฝากไว้กับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านหนองผือ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร หลวงปู่มั่น อบรมสั่งสอนพระอาจารย์จวนว่า การปฏิบัติกัมมัฏฐาน ต้องมุ่งมรรคผลนิพพาน ต้องมีความเพียร ตั้งสัจจะทำจริงอย่างเด็ดเดี่ยว อีกทั้งยังสอนให้พิจารณากายคตาสติ คือให้ใช้สติเพ่งพิจารณาในร่างกาย มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เป็นต้น ให้เห็นว่า เป็นสิ่งปฏิกูลน่าเกลียด ต้องคอยบำรุงรักษาอยู่ตลอดเวลา

พระอาจารย์จวน ปฏิบัติตามคำแนะนำของหลวงปู่มั่น สามารถรวมจิตใจให้สงบลงได้คล่องแคล่วรวดเร็ว ถูกนิสัย นั่งสมาธิได้ตั้งแต่หัวค่ำยันสว่าง จนจิตผ่องใสสว่างโพลง เป็นปรากฏมหัศจรรย์ยิ่ง

ออกธุดงค์เข้าสู่กลางดงศรีชมภู อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เป็นดินแดนอันสงบสงัดวังเวงใจ สภาพที่เห็นคล้ายซากเมืองโบราณ มนุษย์ ถือว่าเป็นถิ่นอาถรรพ์ มีภูตผีปีศาจสิงอยู่มากมาย เมื่อธุดงค์เข้าไปอยู่ในถ้ำจันทร์ พระอาจารย์จวน ฝึกจิตใจให้เข้าสู่ร่องรอยของพระโยคาวจร นั่งสมาธิปากเหวลึก ให้จิตสงบ สร้างตบะให้แก่กล้า

หลังอยู่จำพรรษาที่ถ้ำจันทร์นาน 4 ปี พระอาจารย์จวน แสวงวิเวกมาทางภูสิงห์ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย บำเพ็ญเพียรอยู่ 1 พรรษา ก่อนมุ่งหน้าไปยังภูวัว

พ.ศ.2512 พระอาจารย์จวนอยู่ภูทอก อ.เซกา จ.หนองคาย โดยปักกลดอยู่ที่ถ้ำเชิงเขา จากนั้น ได้เริ่มพัฒนาภูทอกน้อย เป็นวัดภูทอก โดยทำสะพานขึ้นลงบนยอดเขา ให้สามารถเดินขึ้นลงโดยสะดวก

ไม่มีใครคาดคิดว่า พายุฝนที่ตกกระหน่ำ บริเวณเหนือท้องทุ่งรังสิต ในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2523 จะเป็นเสมือนลางบอกเหตุ แห่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของคนไทย เพราะในวันเวลาดังกล่าว เครื่องบินของบริษัทเดินอากาศไทย เที่ยวบินจากจังหวัดอุดรธานี ได้เสียหลัก ตกลงในท้องนา เขตอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บมากมายจากอุบัติเหตุครั้งนี้

ในบรรดาผู้โดยสาร ที่เดินทางมากับเที่ยวบินนั้น มีพระอริยสงฆ์องค์สำคัญ และเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนชาวไทย ได้มรณภาพลงถึง ๕ องค์ คือ พระอาจารย์วัน อุตตโม (พระอุดมสังวรวิสุทธิเถระ) วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร วัดป่าแก้ว บ้านชุมพล พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม วัดป่าประสิทธิ์สามัคคี พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม วัดสิริสาลวัน และพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วัดเจติยาคิรีวิหาร (ภูทอก)

ทั้งนี้ พระคณาจารย์ทั้ง 5 ได้รับอาราธนานิมนต์ทางกรุงเทพมหานคร จึงได้รวมกันที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อขึ้นเครื่องบิน เพราะลูกศิษย์ ต้องการถวายความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทาง ได้ขึ้นเครื่องบินที่อุดรธานี เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2523

ที่สุด เรื่องนี้ได้สร้างความเศร้าสลดอาลัย ทั้งคณะสงฆ์ เพื่อนสหธรรมิก คณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไปเป็นยิ่งนัก ที่ต้องสูญเสียครูบาอาจารย์พระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ไปพร้อมกัน

ข่าวหลายแหล่งระบุตรงกันว่า ก่อนเครื่องจะตก ซึ่งเหลือระยะทางอีกเพียงประมาณ 20 กิโลเมตรเศษ จนเมื่อเครื่องบินได้ตั้งลำ และลดเพดานบิน เพื่อเตรียมลงสู่สนามบินดอนเมือง กลับต้องมาเจอ “พายุหมุน” และประกอบกับฝนตกหนัก จึงเสียหลักตกลงที่ท้องนาทุ่งรังสิต ทั้งนี้ ผู้ที่รอดชีวิต เป็นผู้ที่นั่งทางส่วนหางของเครื่องบิน เพราะส่วนหางของเครื่องบิน ยังอยู่ในสภาพดี

เมื่อพระคณาจารย์ถึงแก่มรณภาพแล้ว จึงนำศพไปตกแต่งบาดแผล ที่โรงพยาบาลภูมิพล และนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ วัดพระศรีมหาธาตุ โดยอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้ง 7 วัน

อย่างไรก็ดี ยังมีเรื่องราวอัศจรรย์ ซึ่งมีรายงานคำบอกเล่าของ หลวงปู่หลุย จันทสาโร เมตตาเล่าถึงบุพกรรม ที่ทำให้พระอริยเจ้าทั้ง 5 รูป ต้องประสบอุปัทวเหตุเครื่องบินตกในครั้งนี้ว่า

ในอดีตชาติ ท่านทั้ง 5 เกิดในสกุลชาวนาที่ยากจน ต้องขวนขวายหาเลี้ยงชีพไปวันๆ ทั้ง 5 คนเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยกันมา เมื่อยังเด็ก ได้จูงควายออกไปเลี้ยงพร้อมกัน ผูกควายกันแล้วก็พากันเล่น และออกหากบเขียดไปเป็นอาหาร ตามประสาคนจน ทีนี้ 1 ใน 5 คน เกิดไปเห็นรังนกเข้า ก็ช่วยกันหาไม้เขี่ยรังนกให้ตกลงมา เพื่อหวังเอาไข่นกไปกิน แต่เมื่อรังนกตกลงมา กลับกลายเป็นลูกนก 3 ตัว แล้วตายสิ้น ไม่ใช่ไข่นกดังที่เข้าใจ

ด้วยวิบากกรรมอันนี้ ส่งผลให้ท่านทั้ง 5 ต้องตกจากที่สูงมามรณภาพ ในเครื่องบินลำนั้น มีคุณหญิงท่านหนึ่ง กลับจากไปปฏิบัติธรรมกับท่านพระอาจารย์จวนมาด้วย ท่านเลยมาสิ้นชีวิตพร้อมกัน

ในอดีต ขณะที่เด็กชายทั้ง 5 กำลังเขี่ยรังนกอยู่นั้น เด็กหญิงลูกชาวนา ผู้เป็นน้องสาวของ 1 ใน 5 คน ก็มายืนเชียร์อยู่ข้างๆ

“จะหล่นแล้ว...จะหล่นแล้ว”

โดยเธอไม่ได้ลงมือทำ เด็กหญิงในภพนั้น คือคุณหญิงในภพนี้ ก็เพียงมีจิตคิดยินดี ในการประกอบอกุศลกรรมของผู้อื่น วิบากนั้น ยังส่งผลมาให้เกิดในภพชาติเดียวกัน บันดาลให้ไปตกเครื่องบินพร้อมกัน แล้วถ้าทำเองเล่า พูดถึงตรงนี้ หลวงปู่หลุยก็สั่งว่า

"อย่าไปยินดีในการทำชั่วของคนอื่น เพราะเราจะมีส่วนในบาปนั้นด้วย แต่ให้ยินดีในการประกอบคุณงามความดีของตนและของคนอื่น เพราะจะได้แต่บุญโดยฝ่ายเดียว"

ขณะที่ยังมีรายงาน เกี่ยวกับคำบอกเล่าของหลวงปู่ดู่ ที่ได้กล่าวถึงเรื่องเหตุสลดนี้ว่า

“ท่านเหล่านั้น ตายก่อนตาย ท่านจึงไม่กลัวตาย ท่านตายแล้ว ก่อนเครื่องบินจะตกลงกับพื้น” เรื่องนี้ จึงยังความสงสัยให้กับลูกศิษย์ผู้หนึ่งเป็นอันมาก จนหลวงปู่ท่านตอบกลับมา ราวกับรู้จิตว่า

“ท่านเป็นพระอรหันต์ กิเลสท่านหมดแล้ว ตายตอนไหนก็เป็นเรื่องของสังขารร่างกาย จิตท่านไม่ตาย”

ลูกศิษย์ทั้งหลาย ยกมือสาธุ คำพูดของหลวงปู่ ความสงสัยในใจของเขาเหล่านั้นหายไป และชวนให้นึกถึงพระโมคคัลลาน์ พระอรหันต์ผู้ทรงคุณวิเศษ ยังต้องถูกโจรทุบตาย กรรมทางร่างกายเกิดขึ้นกับท่าน เพราะด้วยใช้กรรมจากอดีต เนื่องจากเคยทารุณบิดามารดาในกาลก่อน

ที่สำคัญ ยังว่าตรงกันหลายแหล่งว่า ความจริง พระเกจิอาจารย์ ที่โดยสารมากับเครื่องบินลำนี้ ท่านทราบล่วงหน้าด้วยญาณอยู่แล้วว่า เครื่องบินลำนี้จะตก เมื่อใกล้ถึงสนามบิน แต่ท่านไม่ต้องการหลีกเลี่ยงกรรม จึงเต็มใจละสังขารแต่โดยดี

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: momon
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ป้ายบอกชื่อสินค้าที่จริงใจ ตรงกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ตรงเกิ๊น!!ไทยแลนด์เจอเกาหลี ดราม่าด่านตรวจคนเข้าเมือง ฝรั่งยังบอก…แบบนี้ก็เกินไปยูทูบเบอร์คู่รักฝรั่งพาพ่อแม่เที่ยวไทยครั้งแรก น้ำใจไทยทำเอาซึ้งทั้งครอบครัวOPPO-Realme รับแล้ว! แอพฯ กู้เงินติดตั้งจากโรงงาน ไม่ผ่านการอนุมัติแบงก์ชาติสื่อนอกเผย Netflix หลุด! วันและเวลาชัดเจนในการปล่อยซีรีย์และจำนวนตอนของซีรีส์ Squid Game ซีซั่น 3เหตุเรือล่มกลางทะเล นักท่องเที่ยวกว่า 38 คน เร่งช่วยเหลือด่วนงามไส้!! ชายไทยถ่ายคลิปฉี่ลงบนหิมะในเมืองฮาร์บิน เจอทัวร์ลงยับส่องซิกแพ็คนักแสดงจาก Squid Game 2 ใครอวดความฟิตสุดปัง มาดูกันเลย!หญิงชราชาวสหรัฐวัย 73 ปี เสียชีวิตคาบ้าน สันนิษฐานว่าถูกหมูเพื่อนบ้านทำร้ายวิธีการลบแอปเงินกู้ ที่กำลังเป็นข่าวดัง ติดมากับเครื่อง ออกจากอุปกรณ์แอนดรอยด์อย่างถาวรเซเว่นฯ ทั่วไทย: เจาะลึกจังหวัดที่มีสาขามากที่สุดเมื่อเสือเจอคนเรียกว่า “เหมียวๆ” อย่างนี้มันต้องโดนสั่งสอน ไม่ให้เกียรติลายบนตัวตูนัก 🤣
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หญิงชราชาวสหรัฐวัย 73 ปี เสียชีวิตคาบ้าน สันนิษฐานว่าถูกหมูเพื่อนบ้านทำร้ายเมื่อเสือเจอคนเรียกว่า “เหมียวๆ” อย่างนี้มันต้องโดนสั่งสอน ไม่ให้เกียรติลายบนตัวตูนัก 🤣สวนเบญจกิติ หนึ่งในสวนสาธารณะยอดนิยมของกรุงเทพฯ"เติ้ล ธนพล" ย้อนเล่าผี "แตงโม" มาเข้าฝัน!เหตุเรือล่มกลางทะเล นักท่องเที่ยวกว่า 38 คน เร่งช่วยเหลือด่วนเรือใบล่มกลางทะเลภูเก็ต เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือทั้ง 38 คนได้อย่างปลอดภัย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Review, HowTo, ท่องเที่ยว
สวนเบญจกิติ หนึ่งในสวนสาธารณะยอดนิยมของกรุงเทพฯเปิดประสาทรับรส รับกลิ่น กับที่สุดของชา ชาแบรนด์ไทยเชื้อสายจีน คุณภาพพรีเมียม อร่อย สดชื่น ไม่เกินจริงรีวิวนี้ คนรักอนิเมะต้องหัน "Solo Leveling Season 2" ใครชอบมารวมกันทางนี้น้ำตกคลองแก้ว: มรกตแห่งป่าตะวันออก น้ำตกสวยๆ ของ จังหวัด ตราด
ตั้งกระทู้ใหม่