เมืองโบราณบาอัลเบค (Baalbek) ของเลบานอน
เมืองโบราณของเลบานอน บาอัลเบค คืออะไร และเหตุใดอิสราเอลจึงโจมตีที่นี่? เมื่อเร็วๆ นี้ อิสราเอลได้ออกคำสั่งอพยพทั่วเมืองบาอัลเบค เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เริ่มโจมตีเลบานอนอย่างรุนแรงขึ้น
ชาวเมืองหลายหมื่นคน ต้องอพยพออกจากบาอัลเบค ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของเลบานอน หลังจากอิสราเอลออกคำสั่ง ให้ประชาชนออกจากเมืองและหมู่บ้านโดยรอบ หลังจากคำเตือนว่าอิสราเอลจะโจมตีเป้าหมายของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ การโจมตีทางอากาศก็เกิดขึ้นในเมืองนี้
บาอัลเบคมีความสำคัญอย่างไร?
เมืองนี้มีประชากรราว 80,000 คน ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเลบานอน มองลงไปยังหุบเขาเบคา (Bekaa Valley)
- บาอัลเบค ถือเป็นพื้นที่สำคัญของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในหุบเขาเบคา
- เป็นเมืองโบราณของชาวฟินีเซียน และเป็นที่ตั้งของซากโบราณสถานโรมัน ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในโลก เช่น **วิหารบาคคัส (Temple of Bacchus)**
- องค์การยูเนสโก (UNESCO) ขึ้นทะเบียนบาอัลเบคเป็นมรดกโลก ในปี 1984 โดยระบุว่า **"เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ของสถาปัตยกรรมโรมันในยุครุ่งเรือง"**
- เมืองนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเลบานอน และเศรษฐกิจของชาวบ้าน พึ่งพาการท่องเที่ยว รวมถึงการเกษตร และงานฝีมือแบบดั้งเดิม เช่น การทอพรมและงานทองแดง
เนื่องจากการโจมตีของอิสราเอล ชาวเมืองบางส่วนต้องไปหลบภัยในวิหารโรมัน โดยหวังว่า การเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของยูเนสโก อาจช่วยปกป้องพวกเขาได้
เหตุใดอิสราเอลจึงโจมตีบาอัลเบค?
กองทัพอิสราเอลอ้างว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ มีฐานทัพและสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหาร ภายในเมืองนี้
ประวัติเมืองบาอัลเบค
เมืองบาอัลเบค ตั้งอยู่ในหุบเขาเบคาของเลบานอน ห่างจากกรุงเบรุต ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ราว **85 กิโลเมตร** และห่างจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย **75 กิโลเมตร**
**ต้นกำเนิดของบาอัลเบค**
- เชื่อกันว่า เมืองนี้ มีรากฐานจากอารยธรรมฟินีเซียนตั้งแต่ **3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช**
- ใน **1,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช** เมืองนี้ ถูกเลือกเป็นสถานที่สร้างวิหารเพื่อบูชาเทพเจ้าบาอัล ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "บาอัลเบค"
- ปี **334 ก่อนคริสต์ศักราช** อเล็กซานเดอร์มหาราช พิชิตดินแดนตะวันออกใกล้ และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น **เฮลิโอโปลิส (Heliopolis)** ซึ่งหมายถึง **"นครแห่งดวงอาทิตย์"** ในภาษากรีก
- ปี **64 ก่อนคริสต์ศักราช** ปอมเปย์มหาราช ทำให้บาอัลเบค กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน และทำให้เมืองนี้รุ่งเรืองอย่างมาก
**ยุคโรมัน**
- ปี **47 ก่อนคริสต์ศักราช** จูเลียส ซีซาร์ ได้ก่อตั้งอาณานิคมโรมันที่เฮลิโอโปลิส และเริ่มก่อสร้างวิหารโรมันอันยิ่งใหญ่
- บาอัลเบค กลายเป็นเมืองสำคัญที่สุดในซีเรียโรมัน การก่อสร้างวิหารต่างๆ ใช้เวลาหลายร้อยปี โดย
- **วิหารจูปิเตอร์** ใช้เวลาสร้างถึง **120 ปี**
- ภายใต้จักรพรรดิอันโตนินัส ไพอุส และคารากัลลา ได้มีการขยายวิหารและเพิ่มสิ่งปลูกสร้างหรูหรา
- มีแรงงานทาสกว่า **100,000 คน** ถูกใช้ในการก่อสร้าง
**ยุคคริสเตียนและจักรวรรดิไบแซนไทน์**
- ปี **324** จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชขึ้นครองราชย์ และเปลี่ยนศาสนาคริสต์ให้เป็นศาสนาหลักของจักรวรรดิโรมัน ส่งผลให้การก่อสร้างวิหารในบาอัลเบคถูกระงับ
- ปี **361** จักรพรรดิจูเลียนผู้ละทิ้งคริสต์ศาสนา พยายามฟื้นฟูศาสนาโรมันโบราณ และมีการสังหารหมู่ชาวคริสต์ในเมือง
- ปี **379** จักรพรรดิธีโอโดซิอุส ประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาทางการ วิหารหลายแห่งในบาอัลเบคถูกเปลี่ยนเป็นมหาวิหารคริสต์
- ปี **529** จักรพรรดิจัสติเนียน สั่งรื้อถอนบางส่วนของวิหาร และนำเสาหินยักษ์ไปใช้สร้าง **มหาวิหารฮาเกีย โซเฟีย** ในกรุงคอนสแตนติโนเปิล
**ยุคอาหรับและออตโตมัน**
- ปี **636** กองทัพมุสลิมอาหรับพิชิตซีเรียโรมัน และเปลี่ยนวิหารเฮลิโอโปลิส ให้เป็นป้อมปราการ พร้อมคืนชื่อเดิมให้เป็น **"บาอัลเบค"**
- บาอัลเบค ถูกโจมตีหลายครั้ง โดยชาวมองโกลและสุลต่านอียิปต์
- แผ่นดินไหวหลายครั้งในปี **1158, 1203, 1664 และ 1759** ทำให้เสาโรมันขนาดใหญ่ ของวิหารจูปิเตอร์พังลง
- ในยุคออตโตมัน บาอัลเบคแทบถูกลืมเลือนไป ไม่มีผู้คนเข้าไปเยี่ยมชม
**ยุคใหม่และการค้นพบทางโบราณคดี**
- ปี **1751** สถาปนิกชาวอังกฤษ **เจมส์ ดอว์กินส์ และโรเบิร์ต วูด** ได้ "ค้นพบ" ซากเมืองโบราณนี้
- ปี **1898** จักรพรรดิไกเซอร์ วิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี ขณะเสด็จเยือนตะวันออกกลาง ได้ขออนุญาตสุลต่านแห่งตุรกี ให้นักโบราณคดีเยอรมัน มาขุดค้นและบูรณะเมือง
- นับแต่นั้นเป็นต้นมา บาอัลเบคได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ
**ปัจจุบัน** บาอัลเบค ยังคงเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเลบานอน อย่างไรก็ตาม การโจมตีของอิสราเอล ทำให้เมืองนี้ กลายเป็นเขตสงคราม และประชาชนต้องอพยพหนีภัย















