แกงมัสมั่นอาหารไทย ที่ไม่ได้ถือกำเนิดในไทย
แกงมัสมั่นได้รับการยกย่องจากซีเอ็นเอ็นให้เป็น อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก มีถิ่นกำเนิดมาจากอินเดีย ชาวไทยมุสลิมเรียก ซาละหมั่น โดยแกงมัสมั่ั่นของไทยออกรสหวาน แต่ต้นตำหรับจะออกรสเค็ม จุดเด่นของแกงมัสมั่น จะมีกลิ่นหอมเครื่องเทศชนิดต่างๆ ได้แก่ ลูกผักชี ยี่หร่า กานพลู อบเชย นิยมแกงกับเนื้อสัตว์หลายชนิด คือ เนื้อวัว หมู ไก่
แกงมัสมั่นในตำรับดั้งเดิมนั้นเป็นของชาวอินเดียเจ้าแห่งเครื่องเทศนั่นเอง นิยมใช้เนื้อสัตว์ในการปรุง และใส่เครื่องเทศอย่างเต็มที่ แกงมัสมั่นของชาวอินเดียจึงมีรสชาติที่เผ็ดร้อน หวาน เค็ม และมัน แต่เมื่อชาวอินเดียย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ตามเมืองต่าง ๆ ก็ไม่ลืมที่จะนำแกงมัสมั่นเข้าไปยังประเทศนั้นๆ ด้วย แต่ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนสูตรให้ถูกกับลิ้นของประเทศนั้น ๆ เช่น การเปลี่ยนเนื้อสัตว์ และการเพิ่ม-ลดเครื่องเทศ เป็นต้น
มัสมั่นเป็นอาหารไทยจริงหรือ
ชื่อ มัสซามาน นั้นเป็นคำเพี้ยนมาจากคำว่า mosalman ( เปอร์เซีย : مسلمان ) ซึ่งเป็นคำโบราณที่มาจากภาษาเปอร์เซียแปลว่า "มุสลิม" และชื่อมัสซามานไม่มีอยู่ในภาษาเปอร์เซียหรือภาษาอินเดีย ดังนั้น นักเขียนหลายคนในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 จึงเรียกอาหารจานนี้ว่า "แกงมัสซามาน
ตามคำบอกเล่าของนักข่าวและนักวิชาการชาวไทยสันติ เศวตวิมลรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทยเดวิด ทอมป์สันและหนุมาน แอสเลอร์อาหารจานนี้มีต้นกำเนิดในศตวรรษที่ 17 ที่ราชสำนักอยุธยาในสมัยจักรวรรดินิยม ผ่านพ่อค้าชาวเปอร์เซียชีคอาหมัด โกมีซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลบุนนาคผู้สูงศักดิ์ของไทย ทฤษฎีส่วนใหญ่โต้แย้งว่ามัสมั่นเป็น อาหาร ไทยภาคใต้ ที่ ได้รับอิทธิพลจาก อาหาร มาเลย์และอินเดีย
มัสมั่นในประเทศไทยนั้นมีมาตั้งแต่ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นำเข้ามาโดยแขกเปอร์เซีย หรือชาวอิหร่าน จึงถือได้ว่าเมนูมัสมั่นนี้เป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางอาหารระหว่างไทยกับเปอร์เซีย และเข้ามาอยู่ในทำทำเนียบอาหารไทยตั้งแต่รัชกาลที่ 2 หรือประมาณ 230 กว่าปีมาแล้ว ซึ่งแกงมัสมั่นตำรับชาวไทยนั้นได้รับอิทธิพลมาจากอาหารมลายู มีหลายสูตรให้เลือกรับประทาน มีวิธีการทำที่ต่างกัน
เนื่องจากมี รากฐาน มาจากศาสนาอิสลามและด้วยเหตุนี้จึงทำให้แกงนี้ส่วนใหญ่มักทำด้วยไก่แต่ยังมีรูปแบบอื่นๆ ของจานนี้ที่ใช้เป็ดเนื้อวัวเนื้อกวางเนื้อแกะแพะหรือหมู ในบางครั้ง เนื่องจากหมูถือเป็นสิ่งต้อง ห้ามในศาสนาอิสลาม ชาวไทยมุสลิมที่เคร่งศาสนาจึงไม่กินหมูในรูปแบบสุดท้ายนี้ผู้ทานมังสวิรัติและมังสวิรัติได้คิดค้นรูปแบบของตัวเองสำหรับจานนี้ เช่น ใช้เต้าหู้และแทนที่ด้วยกะปิหรือน้ำปลาที่ใช้
รากเหง้าของชาวมุสลิมในอาหารจานนี้ปรากฏชัดในรสชาติต่างๆ ของเครื่องแกง มัสมั่น ( น้ำพริกแกงมัสมั่น ) ซึ่งได้มาจากเครื่องเทศที่ไม่ค่อยได้ใช้ในแกงไทยชนิดอื่นกระวาน อบเชย กานพลูโป๊ยกั๊กยี่หร่าใบกระวานลูกจันทน์เทศและลูกจันทน์เทศในศตวรรษที่ 17 ชาวต่างชาติได้นำเข้ามาในประเทศไทยจากหมู่เกาะมาเลย์และเอเชียใต้โดยการค้าขายดังกล่าวมีพ่อค้าชาวมุสลิมจากตะวันออกกลางอนุทวีปอินเดียและจากหมู่เกาะนี้เองเป็นผู้ค้า แต่ต่อมาก็มีชาวโปรตุเกสดัตช์และบริษัทอินเดียตะวันออกของฝรั่งเศสเข้า มาทำการค้าขายเพิ่มมากขึ้น
จาก นั้น นำเครื่องเทศและเครื่องปรุงรสจากต่างประเทศเหล่านี้มาผสมกับผลผลิตและรสชาติในท้องถิ่นที่มักใช้ใน อาหารไทยพื้นเมือง เช่นพริกแห้ง เมล็ดผักชีตะไคร้ข่าพริกไทยขาวกะปิหอมแดงและกระเทียมเพื่อทำพริกแกง มัสมั่น
แกงกะทิจะผัดกับกะทิ ก่อน จากนั้นจึงใส่เนื้อสัตว์ มันฝรั่ง หัวหอม น้ำปลาหรือเกลือมะขามเปียกน้ำตาลกะทิและถั่วลิสง มัสมั่น มักจะรับประทานกับข้าวสวยในมื้ออาหารร่วมกับอาหารอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีมัสมั่นแบบดั้งเดิมที่ใช้ส้ม น้ำส้มหรือน้ำสับปะรดเป็นส่วนผสมเพิ่มเติม
สูตรต้นตำรับเมื่อ 130
ปัจจุบันสูตรการทำแกงมัสมั่นได้การมีการเปลี่ยนแปลงสูตรใหม่ผุดขึ้นมากมาย ยกตัวอย่างสูตรของ “หม่อมช่มจีน” ซึ่งได้ เขียนเรื่องราวกับเข้าไว้เมื่อ 130 ปีที่แล้วไว้ว่ารสชาติตามทำเนียมแขกจะต้องมีความเข้มข้นของเปรี้ยวจากน้ำส้มซ่าความเข้มข้นของเกลือจากทะเลความเข้มข้นคอด้วยนานารสสมุนไพรและสมุนไพรแกงมัสมั่นต้องเผ็ดร้อนจากพริกบางช้างเพื่อการรับประทานอาหารที่มีพลังงานหน้ารับประทานนั่นเอง
แกงมัสมั่นภาคต่างๆ
*แกงมัสมั่นแบบชาวมุสลิมทางภาคใต้ คือ ใช้ผงเครื่องแกงที่ตำเตรียมไว้ (ตำผสมลูกผักชี ยี่หร่า พริกป่นอินเดีย และพริกไทยป่น) แล้วค่อยนำไปผัดกับน้ำมันที่เจียวหัวหอมไว้
*แกงมัสมั่นแบบมลายู-ชวา คือ ใส่กานพลูกับอบเชย และหอมแดงลงไปผัดกับน้ำมันจนหอม เติมพริกป่นอินเดีย ลูกผักชีป่น ยี่หร่าป่น และพริกไทยป่นลงไปผัดให้เข้ากัน นอกจากนั้นยังใส่มะพร้าวคั่ว ผงขมิ้น ดอกไม้จีน และหน่อไม้จีนอีกด้วย
*แกงมัสมั่นของชาวไทยภาคกลาง คือ ใช้น้ำพริกแกงมัสมั่นที่เตรียม เอาไว้ลงไปผัด (โดยผ่านการลดเครื่องแกง และเครื่องเทศลงแล้ว) ปรุงรสชาติให้มี 3 รสหลัก คือ เปรี้ยว เค็ม หวาน ซึ่งเป็นรสหลักของคนไทย ถ้าเป็นชาวไทยมุสลิมจะเรียกแกงชนิดนี้ว่า ซาละหมั่น จะออกรสเค็ม และมัน
คุณประโยชน์ของแกงมัสมั่น
แกงมัสมั่น มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย จากเครื่องเทศ เช่น
หยี่หร่า : อุดมด้วยวิตามินซีและแคลเซียมช่วยขับเหงื่อออกจากร่างกายแก้อาการอืดท้องเฟ้อ ขับลมในลำไส้และมีส่วนช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร
อบเชย : สามารถลดลงในคนได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้มองเห็นการเตือนและช่วยให้หัวใจของคุณแข็งแรง
กระเทียม : นับส่วนผสมว่าเป็นส่วนผสมของพริกแกงช่วยลดความเสี่ยงในอาหารจานต่างๆ หากกินเป็นสมุนไพรที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของอวัยวะไส้ใหญ่
หอมแดง : ภาพประกอบที่มีกลิ่นหอมแดง คุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านการเจริญมะเร็ง ไม่ต้องทำลายเซลล์ปกติ
พริก : เป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้กับเครื่องปรุงพริกแกงซึ่งมีสารแคปซินไซซึ่งมีคุณสมบัติต้านเซลล์มะเร็ง
โป๊ยกั๊ก : ในประเทศแถบเอเชีย กรรมการยกั๊กส่วนใหญ่เป็นยาแผนโบราณ เช่น โรคผิวหนังอักเสบ โรคปวดข้อ โรคหอบหืด และโรคหลอดลมอักเสบเพื่อตรวจสอบความสามารถในการต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
อ้างอิงจาก: สูตรอาหารไทยนานาชาติ :อาหารไทย






