หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

10 ประเทศที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับชื่อเมืองหลวง EP1

เนื้อหาโดย บทความ ชุมชน

การเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกเป็นส่วนหนึ่งของความรู้ทั่วไปที่หลายคนสนใจ อย่างไรก็ตาม มีหลายประเทศที่คนทั่วไปมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับเมืองหลวง บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 10 ประเทศที่ผู้คนทั่วโลกมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับเมืองหลวง พร้อมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับแต่ละเมือง

1. ออสเตรเลีย 🇦🇺 : แคนเบอร์รา ไม่ใช่ ซิดนีย์หรือเมลเบิร์น

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าซิดนีย์หรือเมลเบิร์นเป็นเมืองหลวงของออสเตรเลีย ซึ่งความจริงแล้ว แคนเบอร์รา (Canberra) คือเมืองหลวงที่แท้จริง เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะเพื่อเป็นเมืองหลวงในปี ค.ศ. 1913 หลังจากเกิดความขัดแย้งระหว่างซิดนีย์และเมลเบิร์นที่ต่างก็ต้องการเป็นเมืองหลวง จึงมีการตัดสินใจสร้างเมืองใหม่ขึ้นเป็นเมืองหลวงแทน

แคนเบอร์ราเป็นเมืองที่ได้รับการวางผังเมืองอย่างดี มีประชากรประมาณ 400,000 คน ซึ่งน้อยกว่าซิดนีย์และเมลเบิร์นมาก นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จักเมืองนี้ในฐานะเมืองหลวง

2. สหรัฐอเมริกา 🇺🇸 : วอชิงตัน ดี.ซี. ไม่ใช่ นิวยอร์ก

แม้ว่านิวยอร์กจะเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของสหรัฐอเมริกา แต่เมืองหลวงที่แท้จริงคือ วอชิงตัน ดี.ซี. (Washington D.C.) ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษที่ไม่ได้อยู่ในรัฐใด เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเป็นเมืองหลวงในปี ค.ศ. 1790 โดยตั้งชื่อตามประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ จอร์จ วอชิงตัน

วอชิงตัน ดี.ซี. เป็นศูนย์กลางทางการเมือง โดยเป็นที่ตั้งของทำเนียบขาว รัฐสภา และศาลฎีกา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจทั้งสามฝ่ายของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ

3. สวิตเซอร์แลนด์ 🇨🇭 : เบิร์น ไม่ใช่ เจนีวา หรือซูริค

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าเจนีวาหรือซูริคเป็นเมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ แต่ความจริงแล้วเมืองหลวงคือ เบิร์น (Bern) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศเท่านั้น เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ยุคกลาง และเขตเมืองเก่าได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก

สวิตเซอร์แลนด์มีความพิเศษที่น่าสนใจคือ แม้ว่าเบิร์นจะเป็นเมืองหลวงทางการเมือง แต่ไม่มีกฎหมายระบุอย่างเป็นทางการว่าเบิร์นเป็นเมืองหลวงของประเทศ ในขณะที่ซูริคเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และเจนีวาเป็นศูนย์กลางขององค์กรนานาชาติหลายแห่ง

4. อิตาลี 🇮🇹 : โรม ไม่ใช่ มิลาน

แม้มิลานจะเป็นศูนย์กลางแฟชั่นและเศรษฐกิจของอิตาลี แต่เมืองหลวงที่แท้จริงคือ กรุงโรม (Rome) ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปี โรมเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิโรมันโบราณและยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลก

กรุงโรมเป็นเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องมายาวนานที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป และมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น โคลอสเซียม หอเอนปิซ่า และน้ำพุเทรวี

5. นิวซีแลนด์ 🇳🇿 : เวลลิงตัน ไม่ใช่ โอ๊คแลนด์

โอ๊คแลนด์เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ แต่เมืองหลวงที่แท้จริงคือ เวลลิงตัน (Wellington) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ เวลลิงตันได้กลายเป็นเมืองหลวงในปี ค.ศ. 1865 แทนที่โอ๊คแลนด์ เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของเมืองอยู่ตรงกลางของประเทศมากกว่า

เวลลิงตันได้รับฉายาว่าเป็น "เมืองหลวงที่มีลมแรงที่สุดในโลก" เนื่องจากมีลมพัดแรงตลอดทั้งปี และยังเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและศิลปะของนิวซีแลนด์อีกด้วย

6. บราซิล 🇧🇷 : บราซิเลีย ไม่ใช่ ริโอเดอจาเนโร

ริโอเดอจาเนโรเคยเป็นเมืองหลวงของบราซิลจนถึงปี ค.ศ. 1960 ก่อนที่จะย้ายไปยัง บราซิเลีย (Brasília) ซึ่งเป็นเมืองที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อเป็นเมืองหลวงโดยเฉพาะ บราซิเลียได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง ลูซิโอ คอสตา และออสการ์ นีเมเยอร์ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเพราะการวางผังเมืองและสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น

การย้ายเมืองหลวงจากริโอเดอจาเนโรไปยังบราซิเลียเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาพื้นที่ภายในประเทศ และช่วยกระจายประชากรจากพื้นที่ชายฝั่งเข้าสู่พื้นที่ตอนกลางของประเทศ

7. เนเธอร์แลนด์ 🇳🇱 : อัมสเตอร์ดัม ไม่ใช่ กรุงเฮก

อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดในเนเธอร์แลนด์ และหลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นเมืองหลวง แต่ความจริงแล้ว กรุงเฮก (The Hague) หรือเดนฮาก (Den Haag) ในภาษาดัตช์ เป็นที่ตั้งของรัฐบาล สถานทูต และศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม มีความซับซ้อนเพิ่มเติมเนื่องจากรัฐธรรมนูญเนเธอร์แลนด์ระบุว่า อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ แม้ว่าสถาบันการปกครองส่วนใหญ่จะอยู่ที่กรุงเฮก นี่เป็นตัวอย่างที่ไม่ธรรมดาของประเทศที่มีเมืองหลวงเป็นทางการอยู่ที่หนึ่ง แต่ศูนย์กลางการปกครองอยู่อีกที่หนึ่ง

8. ตุรกี 🇹🇷 : อังการา ไม่ใช่ อิสตันบูล

อิสตันบูลเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดของตุรกี เคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิไบแซนไทน์และอาณาจักรออตโตมัน แต่เมืองหลวงปัจจุบันของตุรกีคือ อังการา (Ankara) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเมืองหลวงในปี ค.ศ. 1923 หลังการก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีโดยมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก

การย้ายเมืองหลวงจากอิสตันบูลไปยังอังการาเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างสาธารณรัฐตุรกีสมัยใหม่ โดยอังการาตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนกลางของประเทศ ทำให้สามารถบริหารประเทศได้สะดวกมากขึ้น

9. แคนาดา 🇨🇦 : ออตตาวา ไม่ใช่ โตรอนโตหรือมอนทรีออล

โตรอนโตเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดา และมอนทรีออลเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองที่มีวัฒนธรรมฝรั่งเศสโดดเด่น แต่เมืองหลวงของแคนาดาคือ ออตตาวา (Ottawa) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศ ออตตาวาถูกเลือกให้เป็นเมืองหลวงโดยพระราชินีวิคตอเรียในปี ค.ศ. 1857

ออตตาวาตั้งอยู่ระหว่างโตรอนโตและมอนทรีออล บนพรมแดนระหว่างรัฐออนแทรีโอที่พูดภาษาอังกฤษและรัฐควิเบกที่พูดภาษาฝรั่งเศส ทำให้เป็นจุดที่เหมาะสมในการเป็นเมืองหลวงของประเทศที่มีสองภาษาหลัก

10. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 🇦🇪 : อาบูดาบี ไม่ใช่ ดูไบ

ดูไบเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลกเรื่องการช้อปปิ้ง ความหรูหรา และสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย แต่เมืองหลวงที่แท้จริงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์คือ อาบูดาบี (Abu Dhabi) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศและเป็นศูนย์กลางการเมืองและวัฒนธรรม

อาบูดาบีเป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งมากจากการค้าน้ำมัน และได้ลงทุนในการพัฒนาโครงการทางวัฒนธรรมขนาดใหญ่ เช่น พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ อาบูดาบี และสถานที่ท่องเที่ยวหรูหราต่างๆ แต่ยังคงรักษาประเพณีดั้งเดิมไว้มากกว่าดูไบ

สรุป 10 ประเทศที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับชื่อเมืองหลวง

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเมืองหลวงของประเทศต่างๆ มีสาเหตุหลายประการ เช่น เมืองที่มีชื่อเสียงมากกว่ามักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเมืองหลวง บางประเทศมีการย้ายเมืองหลวงในช่วงไม่นานมานี้ และบางประเทศมีการแบ่งแยกหน้าที่ระหว่างเมืองหลวงทางการและศูนย์กลางการปกครอง

การรู้จักเมืองหลวงที่แท้จริงของประเทศต่างๆ ไม่เพียงเป็นความรู้ทั่วไปที่น่าสนใจ แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์ การเมือง และวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ได้ดียิ่งขึ้น

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. ทำไมหลายประเทศถึงไม่ใช้เมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นเมืองหลวง?

หลายประเทศเลือกเมืองหลวงโดยพิจารณาจากตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ เหตุผลทางการเมือง หรือเพื่อการกระจายอำนาจ บางครั้งการเลือกเมืองที่เล็กกว่าเป็นเมืองหลวงช่วยลดความแออัดและกระจายการพัฒนาไปยังพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ

2. มีประเทศอื่นที่มีเมืองหลวงซ้อนกันเหมือนเนเธอร์แลนด์หรือไม่?

มีหลายประเทศที่แยกเมืองหลวงทางการกับศูนย์กลางการปกครอง เช่น โบลิเวียมีเมืองหลวงทางการคือ ซูเคร แต่ลาปาซเป็นที่ตั้งของรัฐบาล และแอฟริกาใต้มีเมืองหลวงถึงสามแห่ง: พริทอเรีย (ฝ่ายบริหาร), เคปทาวน์ (ฝ่ายนิติบัญญัติ) และบลูมฟอนเทน (ฝ่ายตุลาการ)

3. เมืองหลวงใดที่มีการเปลี่ยนแปลงล่าสุด?

ในปี ค.ศ. 2019 คาซัคสถานได้เปลี่ยนชื่อเมืองหลวงจากอัสตานาเป็นนูร์-ซุลตัน เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีนูร์ซุลตาน นาซาร์บาเยฟ ที่ลาออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 2022 ได้มีการเปลี่ยนชื่อกลับเป็นอัสตานาตามเดิม

4. ประเทศไทยเคยมีการย้ายเมืองหลวงหรือไม่?

ใช่ ก่อนที่กรุงเทพฯ จะเป็นเมืองหลวง ประเทศไทย (สยาม) เคยมีเมืองหลวงเป็นกรุงธนบุรี (พ.ศ. 2310-2325) และก่อนหน้านั้นคือกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 1893-2310) ซึ่งเป็นเมืองหลวงยาวนานถึง 417 ปี

5. ทำไมบางประเทศถึงสร้างเมืองใหม่เพื่อเป็นเมืองหลวงโดยเฉพาะ?

การสร้างเมืองหลวงใหม่มักมีเหตุผลทางการเมืองและยุทธศาสตร์ เช่น การลดความขัดแย้งระหว่างเมืองใหญ่ การสร้างสัญลักษณ์ของยุคใหม่ หรือการย้ายศูนย์กลางการปกครองไปยังตำแหน่งที่เข้าถึงได้สะดวกกว่า ตัวอย่างเช่น บราซิเลีย ในบราซิล แคนเบอร์รา ในออสเตรเลีย และอัสตานา ในคาซัคสถาน

6. มีเมืองหลวงใดที่มีประชากรน้อยที่สุดในโลก?

เมืองหลวงที่มีประชากรน้อยที่สุดคือ วาดุซ เมืองหลวงของลิกเตนสไตน์ ซึ่งมีประชากรเพียงประมาณ 5,000 คน ตามมาด้วยเมืองหลวงอื่นๆ เช่น ทอร์สฮาฟน์ ของหมู่เกาะแฟโร และลอปบูรี ของนอร์เวย์ ซึ่งมีประชากรต่ำกว่า 20,000 คน

7. เมืองที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแต่ไม่ใช่เมืองหลวงมีข้อดีอะไรบ้าง?

การแยกศูนย์กลางทางเศรษฐกิจออกจากเมืองหลวงมีข้อดีหลายประการ เช่น การกระจายความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ การลดความแออัดในเมืองเดียว และการกระจายการพัฒนาไปยังพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ ตัวอย่างเช่น นิวยอร์กในสหรัฐฯ เซี่ยงไฮ้ในจีน และเซาเปาโลในบราซิล

8. การย้ายเมืองหลวงส่งผลกระทบอย่างไรต่อพลเมืองของประเทศ?

การย้ายเมืองหลวงสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อประชาชน ทั้งในแง่ของการอพยพย้ายถิ่นฐาน การเปลี่ยนแปลงราคาที่ดิน โอกาสทางเศรษฐกิจ และการเข้าถึงบริการของรัฐ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการย้ายเมืองหลวงของอินโดนีเซียจากจาการ์ตาไปยังบนเกาะบอร์เนียว ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการวางแผนและจะส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายล้านคน


บทความที่น่าสนใจ by News Daily TH

✪ โดรนส่งอาหาร Dash Wing กำลังจะปฏิวัติวงการไรเดอร์ส่งอาหาร ในยุคที่ไรเดอร์ไม่พอใจค่าวิ่งทั่วโลก

✪ เตรียมตัวให้พร้อมเข้าวัย 40 ให้มีความสุขที่สุด

✪ น้ำยาบ้วนปากใช้ได้บ่อยขนาดไหนดี ไม่ดี?

หากอ่านแล้วบทความมีประโยชน์ กดโหวต ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ ให้ด้วยนะคะ

เนื้อหาโดย: News Daily TH
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
บทความ ชุมชน's profile


โพสท์โดย: บทความ ชุมชน
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
16 VOTES (4/5 จาก 4 คน)
VOTED: pakpranang, xarock, รู้ไว้ใช่ว่า by News Daily TH, momon
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"เลขเด็ดเกจิวัดดัง" งวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 68..อยากถูกหวย ส่องเลย!ศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 2 ปี! แม่ยาย-ลูกเขย ไฮโซดัง คืนความยุติธรรมให้พ่อสูตรคำนวณงวด 16/11/6810 อาชีพใดที่เกิดความเครียดเยอะที่สุด ทำให้เวิร์คไร้บาลานซ์ไม่สมดุล จนอาการซึมเศร้าในที่ทำงานมาเยือน และ วิธีรับมือเพื่อถนอมสุขภาพจิต#หวยเด็ด16 พย: เปิดสถิติลับ 12 ปี! ค้นพบ “เลขซ่อนเร้น” ที่มีโอกาสออกซ้ำ งวด 16 พ.ย. นี้โดนอ่วม แม่ค้าตลาดน้ำดำเนินฯโก่งราคา "พี่จอง-คัลแลน"🌺 บุหงาปูดะ: ขนมไทยที่คนไม่ค่อยรู้จัก แต่เสน่ห์เหลือล้น 🌴
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
“โอ๊ค พานทองแท้” ประกาศชัด! พร้อมสืบทอดเส้นทางการเมืองพ่อทักษิณ – ลั่น “ผมพร้อมตั้งแต่เกิดเป็นลูกของทักษิณ ชินวัตร”
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
Heaven Spot บนสะพานเมตลัก เมื่อกราฟิตีคือการฝากชื่อไว้ให้เมฆเห็นคลอดทีเดียว 9 คน เรื่องจริงของคุณแม่ชาวมาลีที่ทำลายสถิติโลกด้วยหัวใจของแม่ผมแดงกับรองเท้าชมพู เรื่องจริงของสาวที่รอดตายจากหุบเขา เพราะความบังเอิญเสี้ยววินาทีพ่อเปิดร้านข้าวผัดหน้ามหาลัยลูก หลังขับรถ 900 กิโล เพราะคำว่า “พ่อจะตามลูกไปทุกที่”
ตั้งกระทู้ใหม่