มะม่วงกวน ภูมิปัญญาในการถนอมอาหาร
ฤดูมะม่วงหลายชนิดติดและดก แต่ละต้นคลุมปกเต็มทุกต้น
หล่นลงพื้นเกลื่อนปะปน สุดท้ายแล้วบนต้นโดนแมลง
จึงได้เก็บรวบรวมนำมาสร้าง ถนอมอาหารรับประทานนานเป็นปี
มะม่วงกวนภูมิปัญญาของยายนี้ ถนอมอาหารดีทานไม่เบื่อเชื่อลองชิม
มะม่วงถ้าพูดถึงในช่วงของมะม่วงเต็มตลาด คนหลายคนคงบอกว่าไม่เอาแล้ว เวลาไปไหนมาไหนไม่ต้องนำมะม่วงมาฝากแล้วเพราะว่าปีนี้มะม่วงออกผลเต็มที่และดกทุกต้น จนในบางครั้งนำไปให้สัตว์ทาน เพราะว่าคนนั้นเบื่อกับการทานมะม่วงแล้ว ยิ่งเป็นในคนที่มีเบาหวาน ยิ่งต้องหลบ จนต้องเหลือเกลือนกะละมัง จึงเป็นที่มาของการทำมะม่วงกวน ถนอมอาหารเปลี่ยนอาหารเก็บไว้ทานได้นานปี
แน่นอนของอร่อยจะต้องใช้เวลาในการทำ เมนูที่จะนำมาวันนี้ใช้เวลาทำค่อนวัน รอตากอีกสองวันนถ้าหากว่าแดดไม่ดี เมื่อตากเสร็จจะต้องนำมาตัดม้วนเพื่อให้ไม่กินพื้นที่ และสะดวกในการเก็บ มาดูขั้นตอนในการทำกัน
อย่างแรกต้องมีมะม่วง และกะละมังพร้อมในการบีบมะม่วง ใส่เม็ดใส่เปลือก มะม่วงต้องสุกเต็มที่ อาจจะดูไม่น่าทานในตอนนี้ บีบและนำเม็ดของมะม่วงแยกออก เมื่อเพียงพอในการกวนแล้ว นำใส่หม้อ ก่อไฟ การกวนจะใช้ไฟเตาฟืนจะได้ความหอมและอร่อยนุ่มมากกว่าถ้าใช้เตาแก๊สได้เช่นกัน แต่เนื่องจากว่าต้องใช้เวลาในการกวนนาน อาจจะสิ้นเปลืองพลังงาน และในการกวนจะต้องกวนตลอดเวลากลัวจะติดหม้อและไหม้
การเริ่มกวนใช้ไฟแรง กวนไปเรื่อยๆ จนมะม่วงเหนียวน่ารับประทาน ในส่วนของสีมะม่วงอยู่ที่ประเภทของมะม่วงชนิดนั้นๆ เราไม่สามารถเลือกสีของมะม่วงได้ จะต้องนั่งเฝ้าตลอดระยะเวลาของการกวน
วิธีกวนที่ปลอดภัย ข้อควรระวังในการกวนมะม่วง เมื่อมะม่วงร้อนจะมีการเดือดและกระเด็น เพราะฉะนั้นในการกวนจะต้องเตรียมในเรื่องของไม้พายยาวๆ ในการกวน อยู่ห่างจากหม้อกวนประมาณหนี่งเมตร เพราะหากมะม่วงกระเด็นโดนอาจจะต้องมีแผลพุพองได้
เมื่อกวนเสร็จ รอให้เย็นพอประมาณ เพื่อที่จะนำไปตากแห้งในถุงพลาสติกเพื่อที่จะง่ายต่อการแกะออก ถ้าเป็นใส่ในที่อื่นจะแกะออกลำบาก ถุงใสป้องกันสิ่งสกปรก และจะต้องตากแดดที่ร้อนเพื่อที่จะไล่เจ้าแมลงวัน อากาศโล่งแดดร้อนก็จะไม่ค่อยมา บางครั้งจะมีผึ้งหรือมิ้มมาตอม
ใส่แผ่นยาวๆ ได้เต็มที่ แต่ต้องพยายามให้บางที่สุดเพื่อที่จะได้แห้งง่าย และต้องมีความสม่ำเสมอ ถ้าหากว่าเรานั้นทำหนาเกินไปจะทำให้ไหลไปกองฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ถ้าหากว่าบางเกินไปจะทำให้เวลาที่มะม่วงกวนแห้งแล้วยากต่อการม้วนหรือเก็บ ในส่วนของถุงนั้นเมื่อลอกออกแล้วไม่สามารถนำมาใช้ซ้ำ เพราะจะมีในเรื่องของความเหนียวและสกปรกของฝุ่นที่ติดอยู่ตามขอบมะม่วง
การดูแลเราจะต้องนั่งเฝ้าในการตากบ้างเพราะว่าบางทีอาจจะมีลมพัดพานำฝุ่นมา หรือฝนตก หรืออาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงมาจับให้เลือกพื้นที่ตากที่อยู่ใกล้คน จะได้มองเห็น อีกอย่างเราอาจจะไม่รู้หากว่ามีคนที่คิดไม่ค่อยดี หรือเด็กเล็กนำเดินมาโปรยใส่
ใช้เวลาตากแดด ประมาณสามแดดก็สามารถที่จะม้วนเป็นวงสวยงาม น่าทานได้แล้ว หากว่าม้วนแล้วจะนำมาตากแดดอีกรอบ เพราะว่าถ้าหากเราตากไม่แก้งจะเกิดเป็นเชื้อราขึ้นได้ เมื่อแห้งสนิทแล้วนำใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เก็บไว้ด้านนอกฝฝนอากาศปกติได้เลย ไม่ต้องนำเข้าไปแช่ในตู้เย็นเพราะว่าจะทำให้มะม่วงกวนของเราแข็ง
ความอร่อย ตอนนี้ทานได้แล้ว แต่ยังรู้สึกว่ายังแห้งไม่ดี เลยนำมาตากแดดอีกสักแดดเพื่อให้แห้งเต็มที่ ยังสังเกตเห็นบางม้วนยังหลุดออกมา เราจะเห็นในเรื่องของสีของมะม่วงกวน จะมีทั้งสีอ่อนและสีเข้ม อยู่ที่มะม่วงที่เรากวน
ไม่มีส่วนผสมของแป้งหรือน้ำตาลเพราะว่ามะม่วงมีความหวานอยู่แล้ว นี่คือมะม่วงที่แห้งเต็มที่แล้ว มีความบางสวยและม้วนอย่างประณีตสวยงามน่ากิน พอทำเสร็จแล้วกินแบบหยุดไม่ได้เลย ม้วนนั้นม้วนนี้ไปเรื่อยๆ จนหมดกล่องแบบไม่รู้ตัว เพราะว่าไม่มีโทษนอกเสียจากว่าจะทานมากเกินไปจนทำให้อ้วนได้ กินแต่พอดี ยังเก็บไว้ทานได้ถึงปีหน้า เป็นการถนอมอาหารที่ได้รับความนิยม เพราะว่ามะม่วงในปีนี้ออกผลมากกว่าทุกปี อย่าลืมทำมะม่วงกวนไว้ทานกันนะ
















