“รักนี้สีรุ้ง” ของเจ้าชายฟิลลิปที่ 1 ดยุกแห่งออร์เลอ็อง เมื่อ “ความรัก” มิอาจแบ่งชนชั้น
เราคงเคยได้ยินว่า "ความรัก" ไม่ว่าจะเพศใดก็ "ย่อมสวยงามเสมอ" ไม่ว่าจะเพศไหน จะชายจริงหญิงแท้ เลสเบี้ยน หรือกับเกย์ และความรักก็ไม่ได้แบ่งชนชั้นวรรณะ ถ้า "หัวใจ" จะเรียกร้องและรักใครสักคน..เช่นกันกับประวัติศาสตร์ของสังคมชั้นสูงในสมัยก่อนก็เช่นกัน
นั่นก็คือความรักสีรุ้งของ "เจ้าชายฟิลลิปที่ 1 ดยุกแห่งออร์เลอ็อง" นั้นเอง
พระองค์เป็นราชโอรสองค์ที่สองที่รอดชีวิตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส และ สมเด็จพระราชินีอานาแห่งออสเตรีย และเป็นน้องชายของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ทำให้พระองค์มีบรรดาศักดิ์เป็น "ฟิลส์เดอฟรองซ์" จึงใช้ "เดอฟรองซ์" เป็นนามสกุล
เป็นคนที่เกิดมาถ้าภาษาชาวบ้านก็คือ "คาบช้อนเงินช้อนทอง" ออกมาเกิดเลยก็ว่าได้ และความสนใจในเพศเดียวก็มีมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กชาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เกิดขึ้นจากพระมารดาของพระองค์เอง ที่มักจัดให้พระองค์แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของผู้หญิง และตามมาด้วยการใส่วิก แต่งหน้าหรือแม้กระทั้งสวมใส่เครื่องประดับ และพระมารดามักจะเรียกพระองค์ว่า "สาวน้อยของแม่-My little girl" เป็นคำที่พระมารดาอานามักเรียกพระองค์อยู่เสมอๆเมื่อเวลาแต่งเป็นเด็กผู้หญิง
พอเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ รสนิยมการแต่งตัวของเจ้าชายก็เป็นที่จดจำของคนทั่วๆไป ชอบออกงานที่สวมหน้ากากโดยสวมชุดแบบสตรี โดยพระองค์จะสวมใส่เสื้อผ้าไหม ผ้าลูกไม้ของสตรี ฉีดน้ำหอมและเข้าร่วมงานกับญาตินามว่า "แอนน์ มารี ลูอิส" ที่ทั้งคู่ชอบที่จะแต่งกายให้เข้าคู่กัน เจ้าชายฟิลิปที่ 1 นั้นไม่เคยอายหรือปกปิดความชอบของพระองค์เลย
แต่ถึงแม้พระองค์จะมีนิสัยส่วนตัวดังที่กล่าวมา แต่พระองค์ก็เป็นผู้นำทางการทหารที่เข้มแข็งนะ มักสร้างความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจอยู่หลายครั้ง แถมนำความรุ่งเรืองมั่งคั่งกลับมาสู่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ไม่แพ้พี่ชาย (เจ้าชายหลุยส์ที่ 14) เลยด้วยซ้ำไป
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (พี่ชาย) แม้จะไม่ชอบรสนิยมของน้องชายและไม่สามารถยอมรับพฤติกรรมของน้องชายได้ จึงทำให้เขาตัดสิทธิหรือหน้าที่ทางการเมืองของน้องชายไปเสียหลายอย่าง เพราะในทางตรงกันข้าม ก้อดีซะอีก..ที่จะสามารถตัดน้องชายตัวเอง ออกจากการเป็นคู่แข่งทางการเมืองไปได้อีกคนนั่นเอง
ซึ่งสำหรับพระมารดาและที่ปรึกษาของกษัตริย์อย่างพระคาร์ดินัลมาซาแร็งแล้ว มันไม่เป็นปัญหาเลยแม้แต่นิดเดียว โดยความพยายามในการแยกเจ้าชายฟิลิปที่ 1 ให้ห่างจากบัลลังก์ จนมันไปไกลถึงขนาดที่พระคาร์ดินัลมาซาแร็งจัดแจงให้เจ้าชายฟิลิปที่ 1 "เสียพรหมจรรย์" ให้กับหลานของตนนามว่า "ฟิลิปเป จูลส์ แมนซินี" (อั๊ยย่ะ! แผนการร้ายจริงๆ 555)
แล้วคนรักของเจ้าชายฟิลลิปที่ 1 ล่ะ คือใคร ?
พอเมื่อตอนอายุ 18 เจ้าชายฯ ก็พัฒนาความสัมพันธ์กับ "ฟิลลิป เดอ ลอเร" ที่เป็นเพื่อนชายนั่นเอง จนมาเป็นคนรักที่จะมีบทบาทในชีวิตของเจ้าชายฯ ไปจนตลอดชีวิต แม้จะมีชายที่รัก แต่พระองค์ก็แต่งงานมีครอบครัวเมื่ออายุ 21 ปี โดยแต่งงานกับ "เจ้าหญิงเฮนเรียตตาแห่งอังกฤษ" (มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องเพราะมีปู่คนเดียวกันคือพระเจ้าอ็องรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส) และนี่คือโฉมหน้าเจ้าหญิง..
แต่ชีวิตสมรสของเจ้าหญิงฯ ก็กลับช่างขมขื่นซะจริงๆ เพราะอะไรนะหรอ ?
ก็เจ้าชายฟิลลิปที่ 1 ดันประกาศชัดว่า "ไม่สามารถรักภรรยาสาวได้" หากไม่ได้รับความยินยอมจากหนุ่มคนรัก (ฟิลลิป เดอ ลอเร) นั่นเอง
แล้วที่นี้ทำไงดีล่ะ ? อีก 1 ก็หนุ่มคนรัก อีก 1 ก็ต้องแต่งงานตามหน้าที่
งั้นเอางี้..ก็ใช้ชีวิตสามคนผัวเมียอยู่ด้วยกันไง (555) โดยเป็นเวลาหลายปีเลย ระหว่างนี้เจ้าหญิงเฮนเรียตตาก็ให้กำเนิดทายาท 3 คน แต่ข่าวลือว่าเด็กๆที่เกิดมาไม่น่าจะใช่ฝีมือของเจ้าชายฟิลลิปที่ 1 แต่น่าจะเป็นลูกของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เสียมากกว่า
และแล้วก็ถึงวาระของเจ้าหญิงเฮนเรียตตาสิ้นพระชนม์
เจ้าหญิงสิ้นพระชนม์ตอนอายุเพียง 26 พรรษาเอง โดยมีข่าวลือว่า ฟิลลิป เดอ ลอเร (หนุ่มคนรักเจ้าชาย) เป็นคนวางยาเจ้าหญิงฯ เพราะแค้นที่เจ้าหญิงฯ ทูลขอให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนรเทศให้ออกจากวัง แต่ผลชันสูตรก็ระบุว่าเจ้าหญิงฯ น่าจะเสียชีวิตด้วยอาการเจ็บป่วยตามธรรมชาติมากกว่าการถูกวางยาพิษ และนี่ก็คือเรื่องราวของเจ้าชายฟิลลิปที่ 1 ที่ "รักเพศเดียวกัน" นั่นเอง
เมื่ออ่านจบแล้ว เพื่อนๆคิดว่าเจ้าหญิงเฮนเรียตตาน่าจะสิ้นพระชนม์เพราะอะไร ?
ขอบคุณภาพและข้อมูล : กูลเกิล, วิกิพีเดีย