“Samurai” ชูโดพิธีแห่งการได้ "ชายเหนือชาย" คือยอดชายของญี่ปุ่น
ถ้าคุณได้ดูหนังเกี่ยวกับพวก "ซามูไร" ญี่ปุ่นคุณคงคิดถึงแต่การใช้ดาบฆ่าฟันอย่างเลือดเย็น ในแบบนักรบญี่ปุ่นที่น่าเกรงขามกันใช่ไหม ?
แต่รู้หรือไม่ ? ว่านักรับซามูไรพวกนี้ก็มีวิถีซามูไรที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพศชายด้วยกันอย่างเปิดเผยด้วย และไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่ต้องถูกปกปิดหรือหลบซ่อนจากสายตาผู้คนทั่วไปด้วย..งั้นวันนี้เราไปที่ญี่ปุ่นและอ่านเป็นความรู้กัน
จากตำนานเก่าแก่ในประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้ มันเป็นประวัติศาสตร์ที่ได้จารึกไว้บนเส้นทางของซามูไร และกลายเป็นตำนานของ "ดอกไม้แห่งจิตวิญญาณซามูไร" ซึ้งชื่ออย่างเป็นทางการของพิธีก็คือ "ชูโด" (衆道) นั้นเอง"
พิธี "ชูโด" มันเริ่มมาจากการเล่นสวาทผิดแปลกที่เรียกกันว่า "นันโชคุ" หรือ "ดันโชคุ" (男色) แปลได้ว่า...
"ความรักของชายที่มีต่อชายด้วยกัน" การรักร่วมเพศนั้นเริ่มต้นขึ้นในระหว่างยุคเซ็งโงกุถึงยุคเอะโดะ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ว่ากันว่าน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีนช่วงสมัยราชวงศ์ถัง (1161-1450)
เพราะในอดีตเวลาที่ฝ่ายหญิงมีประจำเดือนก็จะทำให้ไม่สามารถมี พสพ.ได้ เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่สกปรก ทำให้พวกผู้ชายที่มีความต้องการทางเพศ ก็เริ่มหันมามองซึ่งกันและกันมากขึ้น โดยเป้าหมายที่เข้าตามากที่สุดก็คือเด็กชายรุ่นๆที่กำลังโตที่เป็นบ่าวหรือเป็นคนรับใช้นั่นเอง
ในที่สุดสัมพันธ์สวาทนี้ก็เริ่มมากขึ้น จึงทำให้ "นันโชคุ" กลายเป็นเรื่องปกติในยุคนั้น จนพัฒนาเป็นคำสอนหรือพิธีกรรมเกี่ยวกับความรักอันทรงเกียรติอย่างหนึ่งของเหล่าซามูไร คำสอนเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าวจึงเป็นคำบอกเล่าปากต่อปาก จึงทำให้นี่คือจุดเริ่มต้นของ "ชูโด" นั่นเอง
เป็นวิถีที่ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ก็แค่ซามูไรผู้ที่แกร่งกล้าหมายตา หรือตกลงมีใจจะรักและเอ็นดูซามูไรรุ่นน้องที่ไร้ประสบการณ์ก็แค่นั้นเอง พอเลือกได้แล้ว ความสัมพันธ์ก็จะไม่มีวันขาดสะบั้นลงเด็ดขาด จึงเปรียบได้ดัง "ดอกไม้" แห่งจิตวิญญาณของซามูไรนั่นเอง
แล้วเหตุผลล่ะ เพราะอะไร ? แค่มี พสพ.กันแค่นั้นหรอ ?
เหตุผลคือมันเกิดจากความเชื่อที่ว่า..หากยิ่งผูกพันธ์กันลึกซึ้งมากเพียงใด ก็จะทำให้เกิดพลังที่ฮึกเหิมและใจสู้ที่คอยปกป้องซึ่งกันและกัน ดูแลเยียวยากันในยามที่ต้องลำบากไม่ทอดทิ้งกัน หรือมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโศกเศร้าขึ้นมาก็ปลอบประโลมซึ่งกันและกัน และเพื่อจะได้กลับมาพบกันอีกครั้งหลังสงครามจบลง ซึ่งก็คล้ายๆกับ "ความรัก" ที่มีต่อกันนั่นเอง
เพราะเวลาที่ต้องออกศึกสงครามหรือมีศัตรูมารุกราน เหล่าซามูไรก็ต้องออกไปตามค่ายหรือออกไปสู้รบราฆ่าฟัน ก็ต้องปล่อยให้ภรรยาหรือหญิงคนรักให้รออยู่ในที่ๆปลอดภัยและห่างไกลจากอันตราย มันก็ทำให้บางคราก็อยากจะเติมเต็มมีความต้องการ ก็ต้องหันมามองคนข้างกายแทน มันก็จะคล้ายคลึงกับประเพณีของพวกกรีกโบราณ
มันเป็นพิธีที่มีเกียรติทำให้ "จิตวิญญาณ" ของการเป็นซามูไรนั้นสมบูณณ์แบบ และสืบทอดต่อไปจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง ซึ่งไม่เพียงแต่กลุ่มซามูไรที่นำมาปฎิบัติกัน แม้แต่พวกเจ้าเมืองหรือชนชั้นสูงก็ใช้วิธีนี้กับทหารหรือองค์รักษ์ที่สนิทกัน เพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ เป็นดั่งคำสัญญาของ "ความจงรักภักดี" ที่จะมีต่อนายคนเดียวไปชั่วชีวิต
และสุดท้ายพิธีชูโดก็ได้สิ้นสุดลง
เมื่ออารยธรรมทางตะวันตกได้เข้ามาสู่ประเทศญี่ปุ่น พิธี "ชูโด" ก็หายไปพร้อมกับการกวาดล้างพวกซามูไร และให้ค่านิยมใหม่ในการชื่นชมสตรีทั้งใบหน้า รูปร่าง การแต่งกายที่สวยงามเข้ามาแทน
ทำให้ปัจจุบันไม่มีใครได้รับรู้ว่าในอดีตเคยมีวิถีของซามูไรแบบนี้อยู่จริงๆ เพราะมันได้เลือนหายไปตามกาลเวลา กับแค่มีภาพจิตรกรรมและบันทึกไว้ในพงศาวดารต่างๆเอาไว้เท่านั้น จึงทำให้ชนรุ่นหลังได้ทราบเรื่องราวเหล่านี้ว่ามันมีอยู่จริงในยุค "ซามูไร"
ขอบคุณภาพ : กูลเกิล, อออะเบ้าท์เจแปน