[รีวิวหนังใหม่] Drive My Car หนังญี่ปุ่นแห่งปีที่ชนะรางวัลบทยอดเยี่ยมจากคานส์ เข้าฉายไทยแล้ว
.
.
ฟังรีวิวเต็มๆได้ในคลิป
.
.
.
One of THE BEST film in Busan International Film Festival in 2021.
.
.
เป็นการหาตั๋วที่ยากลำบากมากสำหรับหนังเรื่องนี้
เมื่อเราและเพื่อนได้ตั๋ว ความคาดหวังที่มีให้หนังจึงสูงลิบลิ่ว
หนังได้ดัดแปลงบทภาพยนตร์มาจากเรื่องสั้นของมุราคามิ
อีกทั้งหนังยังเพิ่งได้รางวัลด้านบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากคานส์ รวมถึงราศีของผู้กำกับเรียวสุเกะ ฮามะกุชิ ที่กำลังฮอตขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่งมาจัดเสวนาร่วมกับบองจุนโฮที่เทศกาลไม่กี่วันก่อนหน้า ตั๋วทั้งเซชชั่นนั้น เต็มภายใน5วินาทีที่เปิดจองออนไลน์ หนังเรื่องนี้จึงเป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่ง และนี่คือความรู้สึก+ความเห็นต่อหนังในมุมของเรา
.
.
1. เมื่อวานเพื่อนบางส่วนได้ดูก่อนเรา เขาบอกว่าเราน่าจะไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะหนังเอื่อย จนเพื่อนบางคนก็รู้สึกเฟลที่หวังสูงเกิน แต่สำหรับเรา พอดูจบรู้สึกว่า "เชี่ยยย นี่คือหนังที่ดีที่สุดตั้งแต่ดูหนังในเทศกาลปูซานฟิล์มปีนี้มาเลย" (โดยยังไม่รวม Last Night in Sohoของเอ็ดการ์ ไรท์ , Memoria ของพี่เจ้ย, A Hero ของแอสการ์ ฟาร์ฮาดี, หนังใหม่ เวส แอนเดอร์สัน และหนังใหม่ของผู้กำกับ The Florida Project)
.
.
2. เอื่อยไหม? เอื่อยนะ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
และความเอื่อยในบางครั้งอย่างในหนังเรื่องนี้
มันจับจังหวะได้โคตรถูกPacing จนรู้สึกDeepไปตามตัวละคร
.
.
3. นี่คือหนังที่ว่าด้วยคนที่สูญเสียคนเป็นที่รักไป
และกำลังหาทางไถ่บาป ลบเลือน หรือบันทึกความทรงจำ ผ่านผลงานทางศิลปะ ที่ต้องปอกเปลือกชีวิตมาเล่า การดูหนังเรื่องนี้เหมือนถูกฝานหัวหอมไปทีละวง จนถึงวงท้ายๆของมัน หนังทิ่มแทงเข้าไปข้างในมากๆ
.
.
4. หนังไม่ได้บิ้วฟูมฟาย แต่มีฟีลเจ็บฝังรากลึก
บางทีก็แอบคิดถึง Manchester by the sea เหมือนกัน
ซึ่งเราก็ชอบหนังเรื่องนั้นมากๆ มันเกี่ยวกับอดีตที่ยังวนเวียนอยู่ในใจ และเราไม่อาจที่จะลืมเรื่องที่ผ่านไปแล้วได้
.
.
5. เราเห็นความ personal มากๆในหนังเรื่องนี้
มีซีนลองเทคในช่วงท้ายๆเรื่องซีนนึง ที่พลังทางการแสดง
บทพูด และมู้ดหนัง โคตรทิ่มแทงมากๆ คือเป็นหนึ่งในซีนบนรถยนต์ที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยดูมาเลย
.
.
6. ใครที่มีความหลังประเด็นคนสองคนชีวิตมีปัญหา ต่างมูฟออนไม่ได้เพราะดันไปรักคนๆเดียวกัน เรื่องนี้จะมาขยี้พ้อยต์นี้เช่นกัน
.
.
7. นี่คือเรื่องราวการเดินทาง การมุ่งไปข้างหน้า
โดยหยิบเรื่องราวความหลังที่ฉุดรั้งชีวิตไว้นานแสนนานของตัวละครในเรื่องมาพินิจพิเคราะห์ และดำดิ่งกับมันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิต
.
.
8. นอกจากนี้ หนังมีการวางเฟรมได้สวยงามมาก
หนังไม่ได้ใช้มูฟเม้นในการเคลื่อนกล้องเยอะขนาดนั้น
หลายซีนเป็นซีนพูดนิ่งๆ แม้แต่ในรถยนต์ ที่แม้จะต่างมีบทพูดไดอ่ะลอคต่อกัน แต่แบคกราวข้างหลังจะเคลื่อนที่ตลอด
แต่มุมที่ตั้งกล้องนิ่ง การจัดวางองค์ประกอบภาพถือว่าโคตรดี
เราประทับใจมากๆ
.
.
9. หนังไดอ่ะลอคเยอะมากเหมือนกัน
ตอนแรกเรายังเข้าถึงหนังไม่ค่อยได้
แต่พอเริ่มจูนติดปั๊ป ยอมรับเลยว่างานดีจริง
แม้ช่วงก่อนหนังจบอาจมีความกำกวมบ้างประมาณนึง
แต่เมื่อดูจบ เราจะได้เข้าใจความหมายของ Drive my car
ประหนึ่งว่าได้เข้าไปอยู่ในรถสีแดงกับพวกเขา
.
.
10. 'บางเรื่องในชีวิตที่เราไม่เคยบอกกล่าว ได้แต่เก็บซ่อนไว้ หรือแม้แต่พยายามหนีจากมันไป ต่อให้เรามุ่งไปข้างหน้าแค่ไหน เราก็ไม่อาจลืมมันได้อยู่ดี และเราไม่อาจทำอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วได้อีก" บางครั้งชีวิตก็เท่านี้แล อยู่ที่ยอมรับ อยู่ที่เรียนรู้เท่านั้นเอง
.
.
.
.
อาจไม่ใช่ทุกคนที่ชอบ แต่เราชอบมาก
11. ตอนนี้หนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่ไทยแล้ว ใครที่ชอบอะไร Deepๆ ห้ามพลาดเลยครับ
หนังยาว อาจเนือยบ้าง แต่ถ้าคุณจูนติด บอกเลยว่าจี๊ดซึมลึกถึงจิตวิญญาณ
ดูไม่ยากเกินครับ แต่ต้องมีสมาธิสักหน่อย ช่วงแรกต้องค่อยๆจูนกับหนังนิดๆครับ
นอกจากหนัง ช่วงนี้ก็ได้มาลองขนมอร่อยๆในเกาหลี มาดูพร้อมรีแอคได้ในคลิปด้านล่างครับ