เจ้าหญิงลิเลียนกับ “รักต้องห้าม” สาวสามัญชนผู้อดทนรอคอยถึง 30 ปี กว่าจะได้เป็น "เจ้าหญิงแห่งสวีเดน"
เป็นตำนานความรักของสาวสามัญชนกับ "รักต้องห้าม" ที่ต้องอดทนต่อกฎมณเฑียรบาลอันเคร่งครัดกว่า 3 ทศวรรษ กว่าที่ทั้งสองพระองค์จะได้มาครองคู่อยู่ร่วมกัน กับอุปสรรคที่ผ่านมามากมายเพื่อจะพิสูจน์คำว่า "รักแท้" ที่ทรงมีต่อกัน
ประวัติเจ้าหญิงลิเลียนฯ
พระองค์ประสูติเมื่อ 30 สิงหาคม ค.ศ 1915 (และสิ้นพระชนม์เมื่อ 10 มีนาคม ค.ศ. 2013 อายุ 97 พรรษา) ครั้นแรกประสูติมีนามว่า "ลิลเลียน เมย์ เดวีส์" (Lillian May Davies) เป็นพระชายาใน "เจ้าชายเบร์ติล ดยุกแห่งฮัลลันด์" ในสมัยสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน
เธอเป็นบุตรสาวของ "วิลเลียม จอห์น เดวีส์" และมารดาคือ "กลาดีส์ แมรี คูร์รัน" ณ เมืองสวอนซี แคว้นเวลส์ สหราชอาณาจักร แต่สุดท้ายพ่อแม่ของเธอก็เริ่มมีปัญหาจนแยกกันอยู่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 และก็หย่าร้างกันในปี ค.ศ.1939 เธอจึงมีชีวิตที่ไม่ได้สุขสบายนัก ตามวิถีของสามัญชนคนชั้นแรงงานซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรม
โดยมีคุณพ่อเป็นคนงานเหมือง หลังจากพ่อแม่หย่าร้างกัน เธอก็เติบโตมาด้วยสองมือของแม่ที่คอยเลี้ยงดูมาโดยตลอด แต่เธอนั้นเป็นหญิงชาวเวลส์ที่มีหน้าตาดีและสวย พออายุ 18 ปี ก็ย้ายมาทำอาชีพเป็นนางแบบ, นักร้อง, และนักบัลเลต์จนโด่งดัง
ประวัติเจ้าชายเบอร์ติล ดยุกแห่งฮัลลันด์
ประสูติเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1912 ณ พระราชวังสต็อกโฮล์ม สวีเดน พระนามเต็มคือ "เบอร์ติล กุสตาม ออสการ์ คาร์ล ยูเกน" ราชวงศ์แบร์นาด็อต (สิ้นพระชนม์เมื่อ 5 มกราคม ค.ศ. 1997 อายุ 84 พรรษา)
ลิเลียนสมรสครั้งแรก
ในปี ค.ศ. 1940 กับ "อิวาน เคร็ก" นักแสดงชายที่เมืองฮอร์เม เวสต์ซัสเซ็กซ์ แต่พอหลังแต่งงานอยู่กินด้วยกันมาสักระยะหนึ่ง ฝ่ายชายก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในกองทัพอังกฤษที่แอฟริกาใต้ ก็ได้หายไปจากชีวิตของเธอเกือบตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เส้นทางความรักได้เริ่มขึ้นในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2
ด้วยสภาวะสงครามที่เลวร้าย กับเศรษฐิจที่พังพินาศเธอต้องเปลี่ยนอาชีพจากนางแบบมาทำงานในโรงพยาบาล เพื่อดูแลทหารผ่านศึกที่บาดเจ็บแทน
ได้พบกับเจ้าชายเบอร์ทิลฯ ครั้งแรก
จนเมื่อเธอฉลองวันเกิดครบรอบ 28 ปี ในปี ค.ศ. 1943 ที่ไนท์คลับแห่งหนึ่ง โดยเจ้าชายฯ ได้จ้องมองเธอ แต่เธอไม่เชื่อว่าบุรุษที่จ้องมองเธอนั้นจะเป็นถึง "เจ้าชายแห่งสวีเดน" แต่ทั้งคู่ก็ได้มีการพูดคุยกันและได้แลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กัน จากการพบกันในครั้งนั้นก็ทำให้ทั้งสองรู้สึกตกหลุมรักกันในที่สุด แต่เธอยังคงมีสามีซึ่งยังไม่ได้หย่าร้างกันอยู่
แต่พอหลังสงครามโลกสิ้นสุดลงได้ 2 ปี เธอและ "อิวาน เคร็ก" (สามีเก่า) ก็ตกลงหย่ากันด้วยดีแบบเข้าใจกันดี เพราะ "อิวาน เคร็ก" ก็ต้องการจะแต่งงานใหม่กับผู้หญิงอีกคนพอดีเช่นกัน
แต่เส้นทาง "ความรัก" ย่อมมีอุปสรรค์เป็นบทพิสูจน์เสมอ
เนื่องด้วยฐานันดรศักดิ์ ราชสมบัติ และอภิสิทธิ์ต่างๆในการสืบทอดราชบัลลังก์ของเจ้าชายเบอร์ทิลฯ กลับเปลี่ยนเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่อาจทำให้ทั้งคู่สามารถแต่งงานและครองรักกันได้ แม้ว่าลิเลียนจะหย่าขาดกับสามีเก่าแล้วก็ตาม
ซึ่งพระบิดาของเจ้าชายเบอร์ทิลฯ คือ "สมเด็จพระเจ้ากุสตาฟที่ 6 อดอล์ฟแห่งสวีเดน"
พระมารดาคือ "เจ้าหญิงมาร์กาเรธา มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดน"
ซึ่งพระบิดาไม่พอพระทัย และสั่งห้ามมิให้เจ้าชายเบอร์ทิลฯ แต่งงานกับหญิงสามัญชนจนกว่าพระองค์จะทรงเสด็จสวรรคตเท่านั้น แต่ก็ซ้ำร้ายพระเชษฐา (พี่ชาย) ของเจ้าชายเบอร์ทิลฯ สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุเรือบินตก
จึงทำให้พระโอรสของพี่ชายได้สืบสกุลหมายเลข 1 แห่งสวีเดน ต้องขึ้นครองราชบัลลังก์แทน ก็ทำให้เจ้าชายเบอร์ทิลฯ ก็ต้องทรงขึ้นระวางในการเป็นผู้สำเร็จราชการแทนไปก่อน เพราะหลานชายมีอายุเพียง 1 ปี ส่วนพระบิดาก็อายุมากแล้ว ดังนั้นเพื่อไม่ให้ผิดกับกฎมฑเทียรบาล ในการสืบสันตติวงศ์ ก็ยังไม่สามารถทรงแต่งงานกับลิเลียนได้
ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันโดยไม่ได้อภิเสกสมรสกว่า 30 ปี
แม้จะไม่สามารถอภิเสกสมรสกันได้และยังไม่เป็นที่ยอมรับของราชวงศ์สวีเดน แต่ทั้งสองพระองค์ก็ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันแบบเรียบง่ายมาตลอด 30 ปี เป็นการอยู่ด้วยกันอย่างไม่เป็นทางการ แม้จะเป็นเรื่องที่ดูไม่งามนัก แต่สาธารณชนและสื่อต่างๆ ก็ต่างเห็นอกเห็นใจทั้งคู่มาก จึงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของพระองค์ทั้งสอง
อุปนิสัยที่เปี่ยมเสน่ห์ของลิเลียนทำให้ได้รับการยอมรับ
ในช่วงแรกราชวงศ์สวีเดนมีความเย็นชาต่อเธอ แต่ด้วยนิสัยที่ดีและเปี่ยมเสน่ห์ จึงทำให้เธอได้รับการยอมรับทีละน้อย หลังจากผ่านไปถึง 30 ปี พระบิดาของเจ้าชายเบอร์ทิลฯ ก็เสด็จสวรรคต และสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน ได้ขึ้นครองราชบัลลังก์
จึงได้ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เจ้าชายเบอร์ทิลฯ ได้เข้าพิธีอภิเสกสมรสกับเธอได้ และได้พระราชทานพระยศให้เป็น "ผู้เลอโฉมแห่งเวลส์ จึงได้เป็นเจ้าหญิงแห่งสวีเดน" ในที่สุด
ซึ่งทั้งสองพระองค์ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน โดยปราศจากพระโอรสหรือพระธิดาสืบสายเลือด และที่สำคัญเจ้าหญิงลิเลียนฯ ยังถือเป็นพระบรมวงศานุวงศ์สวีเดินที่มีพระชันษายืนยาวที่สุดในรัชกาลด้วย
เจ้าหญิงลิเลียนฯ ปฎิบัติพระกรณียกิจต่างๆช่วยพระสวามี จนกระทั้งวาระสุดท้ายของเจ้าชายเบอร์ทิลฯ เจ้าหญิงทรงอยู่เคียงคู่กับเจ้าชายในวินาทีสุดท้ายของชีวิต และได้สานต่อพระกรณียกิจของพระสวามีเรื่อยมา จนได้รับรางวัลโนเบล จนกระทั้งพระองค์มีพระชันษาถึง 91 ปี ก็ทรงปลีกตัวออกจากสังคมอย่างถาวร
เพราะทรงประชวรด้วย "โรคอัลไซเมอร์" ก่อนจะสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2013 โดยมีพระชันษาได้ 97 ปี โดยพระศพทั้งสองพระองค์นั้น ถูกฝังไว้ที่ "สุสานหลวง, โซลนา, สต็อกโฮล์ม สวีเดน"
และนี่คือเรื่องราว "ความรักที่ต้องห้าม" จากหญิงสามัญชนที่ได้พิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์ และเป็นที่ยอมรับในราชวงศ์สวีเดนจนได้เป็น "เจ้าหญิงแห่งสวีเดน" ซึ่งทรงเป็นที่รักและยกย่องของชาวสวีเดน จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
ขอบคุณภาพและเนื้อหา : กูลเกิล, วิกิมีเดียร์