กำเนิด "Santa Claus" คุณ "ลุงใจดี" ขวัญใจเด็กๆทั่วโลก
"โฮ่ โฮ่ โฮ่..ใกล้ถึงวันที่ลุงซานต้าฯ จะมาแล้วหนูๆ" คืนพรุ่งนี้แล้วซินะที่จะเป็น "คริสต์มาสอีฟ" เทศกาลที่ทั่วโลกแทบจะรู้จักกันดีและ "เอนจอย" กันทั้งครอบครัวพร้อมกับเสียงเพลงคริสต์มาสอันแสนไพเราะ เสียงหัวเราะ เสียงแห่งความรื่นเริง กับแสงไฟหลากสีสันที่ส่องระยิบระยับกันทั่วเมือง
ก็คือ "วันคริสต์มาส" ซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกๆปี ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวทางตำนานที่โด่งดังและน่าสนใจเช่นกัน..งั้นเรามาเจาะลึกถึง "บุรุษใจบุญ" ผู้นี้กันเลยดีกว่า
จุดเริ่มต้นของลุง "ซานต้า" มาจากไหน ?
เขาเป็นบุคคลที่มีจุดกำเนิดทางตำนานเทพปกรณัม ประวัติศาสตร์และตำนานพื้นบ้านตามวัฒนธรรมตะวันตกหลายประเทศ โดยกล่าวว่าเขาเป็นผู้นำของขวัญไปยังบ้านของเด็กๆในช่วงเย็นและข้ามคืน "วันคริสต์มาสอีฟ" (คืนวันที่ 24 ธันวาคม) เป็นเด็กชายที่เกิดในหมู่บ้านไมรา ถ้าในสมัยก่อนโน้นตั้งอยู่ระหว่างเกาะโรดส์กับไซปรัส ใกล้กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในตุรกี (ยุคศตวรรษที่ 4) นามของเด็กชายคนนี้คือ "นิโคลัส" (เซนต์ นิโคลัส แห่งไมรา/Saint Nicholas of Myra) เกิดเมื่อปี 270
Saint-nicolas-4673030_1920
(Credit By Eveline de Bruin Pixabay Free)
เขาเป็นลูกคุณหนูร่ำรวย
เขาเกิดมาในตระกูลชาวคริสต์ใน "เมืองไมรา" (Myra) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกีในปัจจุบัน เกิดมาบนกองเงินกองทองเลยก็ว่าได้ เพราะมีพ่อแม่อยู่ในขั้นคหบดีที่มั่งคั่ง แต่ในความโชคดีในฐานะที่ร่ำรวยก็ย่อมมีความโชคร้ายเช่นกัน
เพราะในไม่ช้าพ่อแม่ของเขาก็ได้เสียชีวิตไป เหลือทิ้งไว้แต่เพียง "ทรัพย์สมบัติ" ที่ตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว และเขาไม่ใช่พวกเศรษฐีจิตใจคับแคบดูถูกคนยากจน แต่จิตใจของเขานั้นกลับโอบอ้อมอารีต่อคนยากคนจนเสมอ
ชอบช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก สิ่งนี้คงทำให้เห็นสัจธรรมที่ว่า "การให้นั้นย่อมมีความสุข..มากกว่าการรับ" มันเป็นความสุขทางใจที่มีค่ามากกว่า..จนไม่สามารถประเมินราคาได้
เขาเป็นต้นแบบในให้อย่างแท้จริง
เพราะพฤติกรรมของเขานั้นเป็น "ต้นแบบ" ให้พ่อแม่ของเด็กๆในสมัยต่อมาได้แอบนำเอา "ของขวัญ" ไปวางไว้ที่เตียงนอนของลูกๆในตอนกลางคืน แล้วก็บอกลูกๆว่าเดี๋ยว "ลุงซานต้า" จะนำของขวัญมาให้สำหรับเด็กที่ประพฤติตัวดี มันเป็นสิ่งที่ "น่ายกย่อง" เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกของเด็กๆ ให้ทำตัวเป็นเด็กดีไม่ดื้อ
คำว่า "Santa Claus" นั้นมาจากไหน ?
จริงๆคือภาษาดัชต์ว่า "ซินเตอร์คลาส" (Sinterklass) ราว ค.ศ. 1870 นั่นก็คือชื่อ "เซนต์นิโคลัส" นั่นเอง ที่เด็กๆอ่านเพี้ยนมาเป็นภาษาอังกฤษว่า "ซานตาคลอส" ในที่สุด และเรื่องของเซนต์นิโคลัส ก็ได้ถูกเล่าขานต่อๆกันมาจนถึงทวีปอเมริกา เขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วฮอลแลนด์
จนชาวอเมริกันเรียกชื่อเพี้ยนไปเป็น ”ซานตาคลอส” ตั้งแต่แรกจนถึง ค.ศ. 1890 ภาพของซานตาคลอสในยุคนั้นจะเป็นชายร่างผอมสูงสวมชุดสีเขียวแก่ไปถึงสีม่วง หรือน้ำตาลสลับแดง ก่อนที่รูปลักษณ์จะเปลี่ยนเป็นลุงหนวดขาวหน้าตาใจดี แก้มอมชมพู หุ่นหมีมีพุง ใส่ชุดแดง-ขาวอย่างที่เราคุ้นตาจนทุกวันนี้
Santa Claus Wearing Green Robes,
Carrying full sack, with "Christmas_Greetings."
(By Wikimedia Commons)
ลุคใหม่ของซานตาคลอสเริ่มจากใคร ?
คือเป็นนักวาดการ์ตูนชื่อว่า "โธมัส แนสท์" (Thomas Nast) เขาเป็นคนแรกที่วาดซานตาคลอส และเปลี่ยนลุคใหม่ไปตลอดกาล โดยจับแต่งตัวซะใหม่ให้กลายเป็นลุงอ้วนๆ หน้าตาใจดียิ้มแย้มในชุดขนสัตว์สีแดง ทำให้ลุคใหม่ของลุงซานตาคลอสนี้ได้ปรากฎในนิตยสาร "Harper’s Weekly" (ตอนปี 1862)
จนทำให้ "คาแรคเตอร์" ใหม่ของซานตาคลอส ลุงหนวดขาวท่าทางใจดีนี้ไปโดนใจแบรนด์น้ำอัดลมยี่ห้อดังของ "โค้ก" เพราะชุดแดงที่เข้ากันดีกับ "โลโก้โคคา-โคล่า" ทำให้โค้กเลือกให้ลุงซานตาคลอสเป็นตัวแทนในแคมเปญคริสต์มาสในช่วงปี 1920 โดยตีพิมพ์ในนิตยสารอย่าง The Saturday Evening Post
Thomas_H_Nast (By Wikimedia Commons)
ภาพซานตาคลอส ชื่อ "Merry Old Santa Claus" วาดโดย "โทมัส แนสท์"
ต่อมาในปี 1931 โค้กตัดสินใจให้ llustrator จากรัฐมิชิแกน "แฮดดอน ซันด์บลอม" (Haddon Sundblom) ดีไซน์ออกแบบซานตาคลอสรูปลักษณ์ใหม่ ให้เป็นซานตาคลอสสำหรับโค้กโดยเฉพาะ ซึ่งก็ออกมาเป็นชายชรารูปร่างอ้วนท่าทางใจดี หนวดเคราสีขาวฟรึ้มมาพร้อมชุดสีแดงคาดเข็มขัดสวมบูทส์สีน้ำตาลคู่ใหญ่ และซันบลูมยังเปลี่ยนมงกุฎบนหัวซานตาคลอสให้เป็นหมวกสีแดง ตกแต่งด้วยเฟลอร์สีขาวให้ความรู้สึกเป็นมิตรอบอุ่นยิ่งขึ้น จึงทำให้ซานตาคลอสเวอร์ชั่นโค้กถูกโปรโมทไปทั่วสหรัฐและทั่วโลกในเวลาต่อมา
แล้วใครเป็นคนวาดซานตาคลอสที่เห็นใน "ปัจจุบัน"
มาจากศิลปินหญิงชาวสวีเดนชื่อ "เจนนี ไนสตรอม" (Jenny Nystrom) เป็นผู้คิดค้นรูปลักษณ์ของคุณลุงซานตาครอสใหม่อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบันนั่นเอง โดยวาดภาพลงในบัตรอวยพรคริสต์มาส จนได้รับความนิยมไปทั่วโลกจากนั้นศิลปินชาวอเมริกันเชื้อสายฟินแลนด์และสวีเดนชื่อ "แฮดดอน ซันด์บลอม" ก็นำภาพวาดของ "เจนนี ไนสตรอม" มาสวมชุดขาวแดง อันเป็นสีเดียวกับเครื่องหมายการค้าของโค้ก จนทำให้เปลี่ยนโฉมลุงซานตาครอสให้อ้วนท้วนและมีกวางเรนเดียร์เป็นพาหนะประจำตัวในที่สุด
Haddon Sundblom (By Wikimedia Commons)
ส่วนความเชื่อเรื่องตำนานลุงซานตาคลอส
สืบย้อนไปได้ถึงคริสต์ทศวรรษ 1820 อาศัยที่ขั้วโลกเหนือ พร้อมกับเอล์ที่มีเวทมนต์จำนวนมากและกวางเรนเดียร์เหาะได้ 9 ตัว (แต่เดิมมีแปด) ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 20 เพลงที่ได้รับความนิยมก็คือเพลง “santa claus is coming to town” (ใน ค.ศ. 1934) และลุงซานตาคลอสจะแบ่งประเภทเด็กจากพฤติกรรม คือถ้าเด็กดื้อก็ส่งถ่านหินให้ ส่วนเด็กดีน่ารักก็จะได้ของเล่นและลูกกวาด โดยส่งภายในคืนวันคริสต์มาสอีฟคืนเดียว
ใครทำให้ "ซานตาคลอส" เป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกา
ก็คือศาสนาจารย์ชาวนิวยอร์คชื่อ "Dr. Clement C. Moore" เมื่อเขาเขียนนิทานสนุกๆ เรื่อง "A Visit from St. Nicholas" (ในปี ค.ศ. 1822) เพื่อลูกๆของเขา เป็นภาพของ "ซานตาคลอส" ที่เป็นชายแก่ที่คุ้นหน้า ผู้มีใบหน้าสีแดงกร่ำเหมือนผลเชอรี่ จมูกแดง หนวดเคราสีขาว นัยน์ตาสดใสเป็นประกายร่าเริง ใส่ชุดแดงที่เย็บชายเสื้อด้วยขนสัตว์สีขาว และสวมหมวกสีแดงท่าทางใจดีสะพายถุงย่ามที่เต็มด้วยของขวัญ เดินทางด้วยเลื่อนที่ลากด้วยกวางเรนเดียร์ และแอบเอาของขวัญมาให้ทางปล่องไฟโดยใส่ไว้ในถุงเท้ายาวจนได้รับความนิยมไปทั่วโลก
Christmas-eve-1846481_1280 (Credit by Jill Wellington Pixabay Free)
ลุงซานต้าที่รักของเด็กๆทั่วโลก
นักบุญ "นิโคลัส" จึงได้กลายเป็นนักบุญสำหรับเด็กๆ
เด็กในประเทศอังกฤษจะเรียกคุณตาใจดีว่า “คุณพ่อแห่งวันคริสต์มาส” (Father Christmas)
เด็กเยอรมันนีจะเรียกว่า "ญาติแห่งพระคริตส์" (Christ Child)
เด็กชาวดัชต์จะเรียกว่า "ซาน นิโคลาส" (หรือ “Sankt Klous”)
จึงถูกเรียกเพี้ยนเป็น "ซานตาคลอส" (Santa Claus) จนติดปากเด็กๆไปทั่วโลกในเวลาต่อมา
Jonathan_G_Meath_portrays_Santa_Claus (By Wikimedia Commons)
"เซนต์ นิโคลัส" ได้มรณภาพเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 343 (อายุ 73 ปี) ดังนั้นหลายประเทศในยุโรป จึงได้กำหนดให้วันที่ 6 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันที่ระลึกถึงเขา โดยการนำถุงใส่อาหารและขนมไปแขวนไว้บ้านคนยากจน เพื่อให้เหมือนดั่งที่เขายังอยู่ จึงทำให้ตำนานของ "นักบุญใจดี" ท่านนี้ได้แพร่หลายไปหลายประเทศทั่วโลก และเป็น "ขวัญใจ" ของเด็กๆ และใครต่อใครที่ได้พบเห็นจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง
ขอบคุณภาพเนื้อหาต่างๆจาก : กูลเกิล, วิกิพีเดียร์
ภาพสวยฟรีจาก : Pixabay
ภาพปกสวยฟรีจาก : santa-claus-5758553_1280 (Credit by Willgard Krause Pixabay Free)