ไอแบบไหนเป็นสัญญาณโรคร้าย
หลายคนไอบ่อยจนน่ารำคาญ ไม่รู้ว่าไอนั้น เป็นหวัด ภูมิแพ้หรือโควิด
อาการไอ เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า ทางเดินหายใจมีการระคายเคือง ไม่ว่าจะเป็น การติดเชื้อ ภูมิแพ้ มีสิ่งแปลกปลอมไปอุดตัน แพ้ยา หรือว่ากรดไหลย้อน ก็ทำให้ไอ ระคายคอได้
อาการไอ แบ่งเป็น 4 แบบ
1.ไอแห้งๆ เป็นการระคายคอ หรือทางเดินหายใจส่วนล่าง ไม่มีเสมหะ มักเกิดจาก กรดไหลย้อน หลอดลมอักเสบ แพ้ยาความดัน หรือติดเชื้อไวรัส
2.ไอแบบมีเสมหะ เกิดจากโรคติดเชื้อ ทำให้มีสารคัดหลั่ง ในทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ ทางเดินหายใจจึงขับเมือกออกมา
3.ไอก้อง เป็นการบวมทางเดินหายใจส่วนบน เช่น หลอดลม กล่องเสียง พบมากในเด็ก
4.ไอกลางคืน อาจเป็นจากเสมหะไหลลงคอขณะหลับ อาจจะพบร่วมกับการสำลัก และที่พบบ่อย คือ ไซนัส ภูมิแพ้ หอบหืด ซึ่งเกิดจากฝุ่นละอองในห้องนอน ตัวเอง เป็นตัวกระตุ้น
ยาแก้ไอ มี 3 แบบ
1.ยาบรรเทาการไอ เหมาะสำหรับไอแห้งๆ เพราะจะไปกดประสาทส่วนกลาง ไม่ให้ไอ จะหยุดไอ แต่ถ้ามีเสมหะ จะไม่ออก เช่น ยา dextrometrophan codeine
2.ยาละลายเสมหะ ทำให้เสมหะไม่เกาะ และเหลวใสขึ้น เช่น Acetylcysteine Ambroxal Carbocysteine Bromhexine
3.ยาขับเสมหะ จะระคายเคืองกระเพาะให้ขับของเหลวที่มีน้ำออกมา ลดความเหนียวของเสมหะ เช่น Guaifenesin Ammonium chloride
ยาแก้ไอ จะมีหลากหลายรูปแบบ ทั้ง เม็ด น้ำ ผงชง เม็ดละลายน้ำ แล้วแต่เลือกรับประทานครับ แต่ถ้าไอแบบไหน ต้องรีบไปพบแพทย์ก็คือ
1.ไอเรื้อรังมากกว่า 8 สัปดาห์
2.ไอมีเสมหะเป็นเลือด ไอรุนแรงขึ้น
3.มีอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
4.มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันสูง อาจต้องไปปรับยา
5.สัมผัสผู้ป่วยวัณโรค
ทางที่ดีถ้าไอ ต้องปฎิบัติตัวดังนี้
1.หาสาเหตุการไอ ว่าจากโรคใด หรือมีสิ่งแปลกปลอมไปอุดตัน
2.สวมแมสก์ ลดการกระตุ้น การระคายเคืองจากฝุ่นละออง
3.จิบน้ำอุ่น หรือน้ำผึ้งผสมมะนาว หรืออมลูกอมสมุนไพร
4.งดบุหรี่ แอลกอฮอลล์ คาเฟอีน
5.งดของเผ็ด ของทอด ของเปรี่ยว ที่เพิ่มการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร
ถ้าไม่ดีขึ้น ไม่สบายใจ กลัวติดโรค หรืออะไรเพิ่มเติม ก็ไปตรวจเพิ่มเติมนะครับ
ด้วยความปรารถนาดี จากหมอกอล์ฟ เพจคุณหมอสตอรี่