“Ramree Island” บึงมรณะโดย "เพชรฆาต" ใต้น้ำ ที่ทหารญี่ปุ่นต้องสังเวยชีวิตนับพันคน
กลับมาแล้วกับเรื่องราวลี้ลับ หลังจากห่างหายไม่ได้ตั้งกระทู้มานาน งั้นมาเข้าเรื่องราวกันเลยดีกว่า..มันเป็นค่ำคืนแห่งความสยดสยองของเหล่า "ทหารญี่ปุ่น" ที่ไม่คาดคิดว่าจะมีมัจจุราชใต้บึงน้ำเค็มแห่งเกาะรามรี ซึ่งดักสุ่มเฝ้ารอเหยื่ออันโอชะอยู่
เรื่องเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่าง พ.ศ. 2484-2488 ซึ่งเป็นช่วงสงครามที่มาป้วนเปี้ยนอยู่ในแผ่นดินสยามบ้านเรา แต่ก็มีบางฉากสุดแสนโหดสยองเกิดขึ้นในฝั่งดินแดนประเทศเพื่อนบ้านของเรา จากฝูง "จระเข้น้ำเค็ม" นับร้อยตัวที่แสนจะดุร้ายในป่าชายเลนบนเกาะรามรีของพม่า
เกาะรามรีอยู่ที่ไหน ?
เกาะรามรี (Ramree Island) เป็นส่วนหนึ่งของจ๊อกปะยู เป็นเกาะนอกชายฝั่งรัฐอาระกัน (Arakan State) ของพม่า ตัวเกาะมีคลองกว้างราว 150 เมตร กั้นแยกออกมาจากแผ่นดินใหญ่ มีพื้นที่เกาะ 1,350 ตารางกิโลเมตร โดยในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2484 กองทัพทหารญี่ปุ่นที่ครั้งนั้นถือว่าเป็นกองทหารที่เกรียงไกรเพราะไปรบที่ไหนชนะที่นั่น และสามารถยึดพื้นที่หลายประเทศในทวีปเอเชีย ก็ได้มายกพลขึ้นบกในเมืองชายทะเลฝั่งอ่าวไทย
เกิดการสู้รบกับทหารไทยและประชาชนไทยโดยบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์และปัตตานี แต่สุดท้ายก็ทำสัญญาหยุดยิงกัน จากนั้นญี่ปุ่นก็ขอสร้างรถไฟจากราชบุรี ผ่านกาญจนบุรีเพื่อเข้าไปในพม่าเพื่อจะเข้าไปกวาดล้างทหารอังกฤษในพม่า ซึ่งที่ไหนมีพวกทหารฝ่ายสัมพันธมิตร ไม่ว่าจะอังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ญี่ปุ่นจะต้องเอาให้ชนะตีให้แตก
โดยในปี พ.ศ. 2485 กองทัพญี่ปุ่นได้นำกำลังเข้ามาวางกำลังและยึดพื้นที่เกาะนี้ โดยมีทหารราว 1,000 นาย โดยกองทัพอังกฤษต้องการยึดพื้นที่แห่งนี้ เพื่อสร้างสนามบินสำหรับภารกิจในการส่งกำลังบำรุง ทหารอังกฤษเคลื่อนกำลังเข้าโจมตีหน่วยทหารญี่ปุ่นเพื่อยึดจะเกาะรามรี โดยใช้กำลังตีโอบ 2 ปีก และระดมยิงเพื่อขับไล่ทหารญี่ปุ่นออกจากเกาะให้ได้
Landing_on_Ramree_Island_Jan_1945_IWM_SE_2254 (By Wikimedia Commons)
SE_002256_landings_on_Ramree_island (By Wikimedia Commons)
การถอยร่นไปสู่ "ความตาย" ของทหารญี่ปุ่น
ซึ่งทหารญี่ปุ่นราว 1,000 นายไม่สามารถสู้กองกำลังของทหารอังกฤษที่เหนือกว่าได้ จึงต้องตัดสินใจถอยร่นหนีไปโดยการลุยน้ำทะเลระดับหน้าอก และต้องเดินเข้าไปในป่าชายเลนเพื่อนำกำลังไปสมทบกับกองกำลังอีกส่วนหนึ่งที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเกาะโดยเข้าไปยัง "ป่าพรุ"
มันคือค่ำคืนวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ที่ต้องจดจำที่ทหารญี่ปุ่นเลือดนักสู้เกือบ 1,000 นาย ที่ไม่คุ้นกับภูมิประเทศบริเวณนั้นมาก่อน ก็ต้องถูกยุงป่ากัดและจากสัตว์มีพิษต่างๆรวมทั้งงูพิษอีกด้วย ทหารอังกฤษซึ่งส่วนหนึ่งนั้นเป็นทหารอินเดียก็ได้วางกำลังปิดล้อมพื้นที่ดังกว่าวแบบไม่ให้คลาดสายตา และกดดันให้ทหารญี่ปุ่นถอยร่นออกไป แต่สุดท้ายการถอยร่นก็นำมาซึ่ง "ความตาย" จากเสียงกรีดร้องและเสียงปืนของทหารญี่ปุ่นเป็นช่วงๆ โดยทหารอังกฤษไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในป่าพรุนั้นกันแน่
อาหารมื้อใหญ่ที่เหล่า "เพชฌฆาต" ใต้น้ำเค็มรอคอยก็มาถึง
ทหารญี่ปุ่นเกือบ 1,000 นายไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าบริเวณนั้นมี “จระเข้น้ำเค็ม” อาศัยอยู่ชุกชุมจนถูกขนานนามว่า “เกาะจระเข้กินคน” ซึ่งจระเข้น้ำเค็มเป็นสัตว์นักล่าเลื้อยคลานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มันมีขนาดตัวยาวถึง 20 ฟุต และมีน้ำหนักประมาณ 2,200 ปอนด์ ทั้งมันยังสามารถฆ่ามนุษย์ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย ถือเป็นเหตุการณ์จระเข้กินคนครั้งใหญ่ที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้
โดยทหารอังกฤษที่อยู่บนฝั่งไม่ต้องออกแรงไม่ต้องลั่นกระสุนแม้แต่นัดเดียว เพราะเพชฌฆาตน้ำเค็มตัวจริงกำลังเอร็ดอร่อยกับเนื้อทหารญี่ปุ่นอันโอชะ บางคนแม้จะหนีรอดมาได้แต่ก็ล้วนบาดเจ็บสาหัส ซึ่งมีทหารญี่ปุ่นบางส่วนจึงยอมกลับหลังหันมาขึ้นฝั่งมอบตัวให้อังกฤษจับตัวดีกว่าให้จระเข้กิน
ถือเป็น “โศกนาฏกรรม" ที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดจากสัตว์”
มันเป็นคืนอันแสนโหดตลอดจนรุ่งเช้าโดยทหารญี่ปุ่นต้องเสียชีวิตไปราว 450 นายเพราะถูกจระเข้น้ำเค็มกินเป็นอาหารจากทหารราว 1,000 คน คาดว่าทหารญี่ปุ่นประมาณ 500 นายได้หลบหนีจากหนองน้ำป่าชายเลนเหล่านั้น อย่างไรก็ตามทหารญี่ปุ่นอีกประมาณ 500 คนก็คงไม่เคยได้ออกจากป่าพรุอีกเลย
ซึ่งคงตายจากสัตว์มีพิษต่างๆ จากการบาดเจ็บสาหัส และจากการโจมตีของฝูงจระเข้น้ำเค็มคงเหลือรอดชีวิตเพียง 520 นาย แต่ก็คงไม่ได้รอดตายกันทั้งหมดเพราะด้วยสภาพร่างกายที่อิดโรย บวกการบาดเจ็บสาหัสต่างๆก็คงเหลือรอดแค่บางส่วน ส่วนที่เหลือ 20 นายก็ถูกกองทัพอังกฤษจับไปเป็นเชลยได้ โดยกินเนสส์บุ๊คยกเหตุการณ์สยองครั้งนั้นให้เป็น “โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดจากสัตว์”
และนี่ก็คือเรื่องราวทางหน้าประวัติศาสตร์อีกเรื่องหนึ่ง ที่ถือว่าเป็นเรื่องน่าสยดสยองที่มนุษย์ฆ่าฟันกันระหว่างสงครามกันมามากมาย แต่เรื่องนี้กลับไม่เหมือนการฆ่าฟันแบบอื่นๆ แต่กลับมาพ่ายแพ้ต่อสัตว์ที่ "ตะกละตะกลาม" อย่างหิวโหยอย่างเจ้า "จระเข้น้ำเค็ม" นั้นเอง
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : กูลเกิล, วิกิพีเดียร์