ส้มตำทำพิษ
เอาอีกแล้วครับ เอาอีกแล้ว เมื่อคืนผมเหนื่อยหนักเลยครับ ไม่ได้เพราะไปเชียร์บอล ไม่ได้ไปรับจ็อบนอก แต่ก็ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพลีย จน ไม่อยากตรวจคนไข้เลยครับเช้านี้ ก็มัวแต่ออกกำลังกายในร่ม วิ่งจากห้องนอนไปเข้าห้องน้ำแล้วก็กลับมาห้องนอนแล้วก็คิดถึงวิ่งไปห้องน้ำอีก หลายครั้งหลายหน จนไม่เป็นอันหลับอันนอน สาเหตุก็คงน่าจะมาจาก “ส้มตำทำพิษ”เป็นแน่ เพราะอาหารมื้อเที่ยงที่ผมเผลอทานเข้าไปอย่างเมามัน พร้อมด้วยของทอด ที่ดูเหมือนจะอิ่มอร่อย รสชาติจัดจ้าน แต่แฝงไปด้วยสารปนเปื้อนและเชื้อโรคนะสิครับ
เช้านี้ก็เลยเพลียๆ ตรวจคนไข้ได้ไม่ค่อยสดชื่น แถมคนไข้ส่วนใหญ่วันนี้ ยังเป็นโรคล้อเลียน หมอ เอาซะอย่างนั้น ปกติส่วนใหญ่จะเป็นหวัดกันมา แต่ตอนนี้ ทั้งลูกเล็กเด็กแดง ก็พากันอาหารเป็นพิษมาปรึกษาผมกันใหญ่ไม่รู้ไปทานอาหารร้านเดียวกับผมมาหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ
แปลกก็แต่มีคนไข้เคสหนึ่ง เป็นหญิงวัยชรา แต่ยังความจำดี เดินเหินคล่อง วันนี้มาด้วยอาการ ท้องเสีย ถ่ายเหลว แต่สาเหตุมาจากความขี้ลืม ผมก็สงสัยว่า ทำไมขี้ลืมแล้วถึงท้องเสียได้
“ทำไมคุณป้าถึงท้องเสียนะครับ”
“ก็ป้า แก่แล้ว เป็นคนขี้ลืมนะสิ”
“ขี้ลืม แล้วท้องเสียได้อย่างไรเหรอครับ” ผมทวนประโยคคำพูดของคนไข้ด้วยความสงสัย
“ก็เมื่อวานก่อนท้องผูก ที่นี้ก็เลยกินยาถ่ายไป 2 เม็ด”
คนไข้ส่วนใหญ่มักใช้ ยาระบาย มะขามแขก เป็นตัวช่วยเวลาท้องผูกนะครับ เช่นเดียวกับเธอ
“ แล้วก็เลยยังไม่ถ่าย ก็เลยนึกว่ายังไม่ได้กินยา ก็เลยกินไปอีก 2 เม็ด... ทีนี้เลยถ่ายไม่หยุดเลย”
“โห... 4 เม็ด มันก็สมควรจะถ่ายเหลวหรอกนะครับ มันแรงมากๆเลย.. แบบนี้อีกหน่อย ต้องมีคนจัดยาให้แล้วมั้งครับ”
“ลูกชาย ป้ามันก็บอกว่า อีกหน่อยคงต้องมาจัดยาให้ป้าเองแล้ว”
ถ้าไม่อยากให้พลาดอาหารเป็นพิษแบบผมคงต้องเลือกรับประทานอาหารในร้านที่สะอาด ถ้าเป็นร้านแผงลอยก็ต้องยกแผงสูงจากพื้นอย่างน้อย 60 เซนติเมตร พ่อค้าแม่ขาย สวมชุดหมวก ผ้ากันเปื้อน มีอุปกรณืหรือบริเวณจัดเก็บภาชนะ อาหาร จานชาม อย่างเป็นระเบียบ ช้อนส้อมก็สะอาด และที่สำคัญการปรุงอาหารต้องไม่รสจัดจ้านเกินไป ไม่มันเกินไป เพราะอย่างที่ผมมีอาการเมื่อคืนที่ผ่านมา ความมันและกลิ่นของอาหารมันยังติดคอ ตรึงตรา ผมอยู่เลยครับ
ทีนี้พอมีอาการถ่ายเหลว อาเจียน คลื่นไส้แล้ว การดูแลตัวเองจะต้องทำอย่างไรเหรอครับ มีสูตร สามคำนะครับ 1. อด 2.อ่อน 3. อุ่น
อด คือ งดรับประทานอาหารทุกชนิด เพื่อให้ลำไส้ กระเพาะอาหาร ได้พักผ่อน เพราะตอนนี้เค้ากำลังป่วยอยู่ อย่าไปทำให้เค้าต้องทำงานหนัก
แต่ถ้า อดไม่ได้ หิวเหลือเกิน ก็ต้องมา อ. ที่2 อ.อ่อน รับประทานแต่อาหารอ่อน เท่านั้น ที่ย่อยง่าย เพราะอย่างน้อยลำไส้ก็ไม่ต้องย่อยเยอะ แค่ดูดซึมอย่างเดียว จะได้ไม่ทำงานหนักมากไป ยกตัวอย่างเช่น โจ๊ก ข้าวต้ม เป็นต้น แต่ก็ยังมีคนไข้ผมที่ทานโจ๊กแล้วท้องเสียมาหาผมอีกนั่นแหละ นั่นก็เพราะว่า ทานเซี่ยงจี้ แต่ปรากฏว่า เซี่ยงจี้ คงไม่สุก เพราะฉะนั้นต้องระวัง ณ จุดนี้ไว้ด้วยนะครับ
อ.ที่ 3 คือ อุ่น โจ๊ก ข้าวต้ม ที่ซื้อมารับประทาน ควรจะอุ่นด้วย หรือทำให้ร้อนด้วยนะครับ เพื่อให้ลำไส้ และกระเพาะอาหารได้ผ่อนคลาย ไม่หดเกร็ง ความร้อนจะช่วยให้ลำไส้สบายขึ้น อาจเอาถุงน้ำร้อนมาประคบที่บริเวณหน้าท้องก็ไม่เลวนะครับ
มีข้อควรระวังนิดหนึ่งครับ สำหรับพวกที่ถ่ายเหลว แต่ไม่ได้มีมูกเลือด ไม่ได้ถ่ายเยอะมาก ยังพอทนไหว และปริมาณครั้งหลังๆเริ่มลดลงแล้ว ไม่ควรรับประทานยาฆ่าเชื้อนะครับ เพราะอาการส่วนใหญ่มักเกิดจาก อาหารเป็นพิษ ซึ่งมักจะเป็นเชื้อไวรัส แต่ยาฆ่าเชื้อที่รับประทานกัน มันฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สำหัรบกรณี ถ่ายเยอะ ถ่ายนาน มีมูกเลือดจึงจะเหมาะครับ และถ้าทานแล้วก็เน้นแบบเดิมว่าทานต่อเนื่องจดหมด
ส่วนโจ๊ก ข้าวต้ม หรือน้ำเกลือแร่ ก็รับประทานจนกว่า ลำไส้ กระเพาะอาหาร จะกลับมาเป็นปกติ สังเกตจากลักษณะของอุจจาระที่ปกตินั่นแหละครับ