อาหารบ้านนา
ย่างเข้าเดือนหกแล้ว ฝนตกยังไม่ยอมหยุดตั้งแต่เดือนยี่ วิถีชนบทต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตที่หว่านไถ รวมถึงตัดเคียวเกี่ยวข้าวบ้างก็รถตัดบ้าง เหลือไว้เพียงตอซังในนาที่มีน้ำท่วมขัง จากพายุฝนฟ้าที่มีมาตลอดในปีนี้ เมื่อเกี่ยวข้าวเสร็จ ชาวนาก็ออกหากุ้งหอยปูปลาตามท้องไร่ เพื่อนำมาประกอบเมนูอาหารพื้นบ้านตามวิถีบ้านนาของต่างจังหวัด หากมองภาพตามเห็นได้ชัดถึงความสุข สุขที่เกิดจากใจ ใช่การแก่งแย่งสรรหาแต่อย่างใด มันคือความภูมิใจของคนชนบท ที่กินอิ่มนอนหลับ ไม่รีบเร่งกับชีวิต
วันนี้ขอนำเสนอเมนูบ้านนาแสนเรียบง่าย แต่ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อมา แค่เพียงใช้ชีวิตธรรมดาแบบสันโดษ พอมีพอกินตามวิถี ไม่แก่งแย่งชิงดีเหมือนเมืองกรุง มาช่วยกันทำของกินแนวแซ่บแสบทรวงกันดีกว่า
เริ่มจากไปเก็บหอยนาหรือบางถิ่นเรียกหอยข้าว ตามกอซังข้าวหลังเก็บเกี่ยวมาขังให้คายสิ่งสกปรกพวกโคลนตม และดักข่ายปลาหมอในท้องนา ช่วงนี้ปลาตัวจะอ้วนพีมัน เพราะได้กินข้าวที่เล็ดลอดหลงเหลือจากการเก็บเกี่ยว ยิ่งฝนตกตลอดแบบนี้แล้วปลาจะได้เยอะเพราะออกมาว่ายเล่นน้ำใหม่ แถมแต่ละตัวมีไข่แทบร้อยเปอร์เซ็นต์
ได้ปลาหมอนาตัวอวบอ้วนมา จัดการนำมาปิ้งย่างด้วยถ่าน แหมมันช่างหอมสุดๆ ปลาสดๆจากธรรมชาติ เมื่อจัดการปิ้งย่างด้วยถ่านไม้ เนื้อปลาที่กำลังสุกกลิ่นหอมฟุ้ง
ขณะกำลังย่างปลาหมอนาเพื่อรอสุกได้ที่ ระหว่างนี้ก็จัดการนำข้าวเหนียวใส่หวดนึ่ง ใครไม่มีก็ห่อผ้าขาวบางนึ่งกับซึ้งก็ได้นะ เมื่อข้าวเหนียวนึ่งสุก ปลาหมอปิ้งของเราก็สุกได้ที่กำลังดี ลอกหนังที่มีเกล็ดตอนร้อนๆนี่แหละ จะทำให้ลอกออกง่ายแบบสะอาดหมดจด ดึงลอกออกมาเห็นเนื้อปลาเนื้อหวานฉ่ำ วางเคียงข้างข้าวเหนียวร้อนๆที่จัดการตักแบ่งใส่กระติ๊บข้าว
ปลาหลายตัวย่างจนหมด เมื่อกี้ลอกหนังออกเห็นเนื้อฉ่ำ ครั้งนี้ตักเนื้อออกจัดเรียงไว้อีกส่วน เพื่อพิสูจน์หาความอร่อยสุด นั่นคือไข่ปลารสมันหวาน ที่ผ่านการปิ้งย่างมันช่างอร่อยลิ้น นี่แหละทีเด็ดที่มีให้กินไม่บ่อยนัก
จัดการปิ้งปลา นึ่งข้าวเหนียวเสร็จ ก็จัดการทำแจ่วบองจิ้มกินอีกสักหน่อย โดยนำกระเทียม หอมแดง พริกขี้หนู ไปเสียบไม้ย่างไฟ พอส่งกลิ่มหอมสุกเหลืองก็เอามาตำในครกในละเอียด ใส่น้ำปลาร้าต้มลงไปและปรุงรส ตามวิธีของแต่ละคนที่ขอบรสชาติไหน อาจตัดรสด้วยน้ำตาลและมะนาวนิดหน่อยแล้วแต่ชอบ ก็จะได้แจ่วบองไว้กินคู่กับข้าวเหนียวและปลาปิ้ง
เกือบจะเสร็จสรรพ ขอนำหอยนาหรือหอยข้าวที่ขังไว้ นำมาล้างทำความสะอาดและจัดการลงต้มในน้ำเดือด ที่มีตะไคร้ใบมะกรูดเพื่อดับกลิ่น ต้มจนสุกจึงตักพัก และถึงขั้นตอนสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ นั่นคือ ส้มตำ วัตถุดิบหาได้จากรั้วบ้าน ตำกระเทียม พริกขี้หนู แค่พอหยาบ เพื่อป้องกันเม็ดพริกกระเด็น ใส่เส้นมะละกอสับลงนิดหน่อย ใส่มะเขือเทศ ผลมะกอก น้ำปลาร้า น้ำมะขามเปียก มะนาวบีบลงไป จัดหยิบเส้นมะละกอสับ ตำโขลกให้เข้ากัน ตักใส่ถาดหรือจานโรยด้วยเม็ดกระถิน นี่เป็นรสชาติทางอีสานที่หากินแนวประมาณนี้ แต่หากใครชอบแบบครบเครื่อง อาจมีกุ้งแห้ง ถั่วลิสงคั่ว ถัวฝักยาวด้วย และปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลมะพร้าวตัดรสเพิ่มได้เช่นกันจ้า
เมื่อทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็จัดนำวางใส่ถาด ยกออกล้อมวง หากินแนวอาหารบ้านนา ของวิถีชีวิตชนบทต่างหวัดหวัดกันดีกว่า นี่แหละอาหารธรรมดาที่ไม่ต้องจ่ายตังค์ซื้อ แถมอิ่มอร่อยไม่แพ้ชีวิตในเมืองแบบหรูๆ แค่ที่รู้คือได้เห็นรอยยิ้มของสมาชิกที่ล้อมวง ได้พูดคุยหยอกล้อกัน มันคือสุขทางใจที่ยากจะหาอะไรมาเทียบหรือเปรียบปาน