บททดสอบวัดใจ!!! ผลกระทบของการใช้สกุลเงินดิจิทัลท่ามกลางความผันผวนและไม่มั่นคง
หลายบริษัทหรือแม้แต่บางประเทศมองสกุลเงินดิจิทัลเป็นโอกาสที่จะทำให้การซื้อขายระหว่างกันง่ายขึ้นมาก เพราะสามารถทำได้เพียงปลายนิ้วและเป็นความนิยมที่กำลังจะมาในอนาคต แต่ปัจจุบันมีแค่บางร้านและบางประเทศที่นำสกุลเวินดิจิทัลมาใช้ในการจับจ่ายซื้อของเป็นเงินตราหลัก แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ใหม่มากและสุดจะผันผวน เรามาดูกันครับว่าผลกระทบของการใช้สกุลเงินดิจิทัลท่ามกลางความผันผวนจะเป็นอย่างไร
เกริ่นนำสกุลเงินดิจิทัล
แต่เดิมนั้นมนุษยชาติใช้สิ่งของในการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน (Barter trade) เรียกได้ว่าการซื้อขายดูจากมูลค่าที่แท้จริงของตัวสินค้านั้น ๆ หากอยากได้เนื้อสัตว์อาจต้องแลกด้วยธัญพืชที่มีมูลค่าตามที่ตกลง แต่มนุษย์ชาติเล็งเห็นว่าการพกเนื้อสัตว์ หัตถกรรม ไปจนถึงหนังสัตว์เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนยามจำเป็นมันไม่สะดวกเอาเสียเลย พวกเขาจึงพัฒนา “สกุลเงิน” ขึ้นมา
การใช้สกุลเงินเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนมีการบันทึกครั้งแรกในวัฒนธรรมเมโสโปเตเมีย (Mesopetamia) และในอาณาจักรอียิปต์โบราณ โดยเบื้องต้นอาจใช้หอยเบี้ย (Cowry Shell) เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนและมีการพัฒนาเป็นเหรียญ ธนบัตร จนถึงสกุลเงินดิจิทัล เพื่อให้การแลกเปลี่ยนมีความเท่าเทียมและเชื่อถือได้ ผู้มีอำนาจต้อง “รับรองมูลค่าของสกุลเงินและป้องกันไม่ให้มีการทำซ้ำปลอมแปลง” และต้องมีผู้ใช้ “เห็นมูลค่าและรับแลกเปลี่ยน” จึงจะทำให้สกุลเงิน เป็นที่นิยมใช้อย่างกว้างขวางครับ
ซึ่งสกุลเงินดิจิทัลก็เช่นกัน เหล่าผู้ออกเหรียญพยายามสร้างความเชื่อมั่น และเปิดให้มีการแลกเปลี่ยนกันอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตามในบางสกุลเงินดิจิทัลยังไม่แพร่หลายมากนักในการใช้ในชีวิตประจำวันเพราะอาจหาที่ใช้ได้ยากรวมถึงมูลค่าอาจเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการเก็งกำไรค่าเงินเป็นต้น ทำให้ผู้ที่ต้องการใช้เงินดิจิทัลควรมีความรู้เป็นอย่างมาก และยอมรับความเสี่ยงได้เนื่องจากความผันผวนของค่าเงิน
นอกจากนี้สกุลเงินดิจิทัลต่างๆ ยังมีข้อถกเถียงโดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมที่สกุลเงินดิจิทัลต่างๆ ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเป็นอย่างมาก อีกทั้งภาพลักษณ์ของเงินดิจิทัลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจรกรรม วินาศกรรมเรียกค่าไถ่ของ hacker มากมาย ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ประเทศแต่ละแห่งจะนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้ต้องมองภาพรวม ข้อดีข้อเสียเป็นอย่างมาก
ความท้าทายของเอลซัลวาดอร์
เอลซัลวาดอร์เป็นประเทศในอเมริกากลางที่มีประชาชนหนาแน่นที่สุดในภูมิภาค มีการพัฒนาเน้นหนักไปทางภาคอุตสาหกรรม และเคยเป็นประเทศที่มีเงินตราเป็นของตัวเองคือ “โกลอน” แล้วปรับเปลี่ยนมาเป็นสกุลเงินดอลลาห์สหรัฐในที่สุดในปี 2001 แต่สิ่งที่ช๊อคโลกคือเอลซัลวาดอร์ได้เลือกที่จะใช้เงินดิจิทัลในการชำระมูลค่าสินค้าทางกฎหมายในช่วงกันยายน 2021 ที่ผ่านมา
ปัญหาของสกุลเงินดิจิทัลที่เห็นกันอย่างมากมายคือเสถียรภาพ และความผันผวนของค่าเงิน เพราะมีการเก็งกำไรค่าเงินเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังไม่มีมาตรการทางการเงินหรือทางเศรษฐกิจมาช่วยควบคุม ทำให้ราคาสินค้าจะขยับในวงกว้างหรือแคบขึ้นอยู่กับการซื้อขายในตลาดต่างๆ
ทั้งนี้เอลซัลวาดอร์ก็ยังเลือกให้สกุลเงินดิจิทัลเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่รับชำระค่าใช้จ่ายได้อย่างเป็นทางการ โดยทางภาครัฐได้ทำ application กระเป๋าเงินดิจิทัลขึ้นมาชื่อว่า Chivo โดยมุ่งหมายให้ชาวเอลซัลวาดอร์สามารถใช้จ่ายสกุลเงินดิจิทัลได้อย่างสะดวก
นอกจากนี้ทางเอลซัลวาดอร์ยังมีแผนระยะยาวจะสร้างมหานครแห่งสกุลเงินดิจิทัล ชื่อ Bitcoin City ขึ้นมา โดยจะใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพของภูเขาไฟ Conchagua เป็นแหล่งพลังงานสำหรับการขุดเหมืองคริปโตอีกด้วย และเผื่อให้ภาคเอกชนอยากมาทำกิจกรรมในเมืองแห่งนี้ ภาครัฐจะไม่เก็บภาษีเงินได้ (Corporate Income Tax) แต่จะเก็บเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เท่านั้น
เมื่อค่าเงินดิจิทัลตกลงกะทันหัน ความวุ่นวายจึงบังเกิด
เมื่อทางเอลซัลวาดอร์ลงทุนและปรับเปลี่ยนตนเองขนาดนี้ หากมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลมันร่วงลง ผลกระทบความเสียหายจะมากเกินกว่าจะบรรยาย พันธบัตรของเอลซัลวาดอร์ที่มี Bit Coin ค้ำไว้มีมูลค่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้นักลงทุนที่มีพันธบัตรหรือนักลงทุนที่จะเข้ามาซื้อต่างหนีหาย นอกจากนี้ยังกระทบไปถึงพันธบัตรที่ผูกกับดอลลาห์สหรัฐด้วย เพราะนักวิเคราะห์ประเมิณว่าเอลซัลวาดอร์จะไม่มีความสามารถในการชำระค่าใช้หนี้สินใดๆ ได้
ความน่าเชื่อถือของประเทศเอลซัลวาดอร์ตกต่ำลงอย่างมาก ประธานธิบดี Nayib Nukele จำเป็นต้องซึ้อ Bit Coin เพิ่มถึง 500 เหรียญ (1,063,434 บาท) เพื่อรักษาเสถียรภาพของประเทศ ซึ่งเมื่อรวมความไม่มีเสถียรภาพของ Chivo ที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ทำให้ความมั่นคงทางการเงินของเอลซัลวาดอร์ก็แย่ลงไปอีก
การที่ Bit Coin ราคาตกต่ำไปจนถึงภาวะเงินเฟ้อและความบอบช้ำจาก COVID ทำให้นักวิเคราะห์ทั้งหลายกำลังจับตาดูว่าเอลซัลวาดอร์จะมีวิธีแก้วิกฤตินี้ไปได้อย่างไร และจะเกิดความเสียหายต่อประเทศมากน้อยแค่ไหนครับ