เสียงนาฬิกาปลุกแบบไหน ทำให้เรารู้สึกตื่นมาแล้วกระฉับกระเฉง ?
ถ้าพูดถึงกิจวัตรหนึ่งที่หลายคนทำก่อนนอนทุกครั้ง การตั้งนาฬิกาปลุกน่าจะเป็นเรื่องแรกๆ ที่เราทำกัน ไม่ตั้งไม่ได้หรอก กลัวตื่นสายไปเรียนหรือไปงานไม่ทัน ต่อให้เป็นคนตื่นเช้าด้วยนิสัยอยู่แล้วก็เถอะ ต้องตั้งนาฬิกาปลุกไว้ซะหน่อย เซฟ ๆ กันเหนียวไว้ก่อน หรือบางคนนอนดึก แต่ต้องตื่นเช้าไปทำงานหรือไปเรียนอีก กลัวตื่นสาย ไม่ไว้ใจตัวเองว่าจะตื่นได้ตรงเวลาเป๊ะ ๆ หรือเปล่า ก็ต้องตั้งไว้ เพื่อกันตายไว้ก่อน เพราะเราทุกคนต่างเข้าใจความรู้สึกดีว่า อารมณ์ตื่นสายในวันที่ต้องไปทำงานหรือเรียน มันเป็นยังไง มันฉุกละหุกไปหมด
โดยปกติแล้ว เพื่อน ๆ ตั้งเสียงนาฬิกาปลุกแบบไหนกันบ้างคะ ชอบเสียงเพลงเบา ๆ สบาย ๆ เช่นเสียงน้ำตก เสียงเพลงบรรเลง หรือแบบค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ หรือชอบแบบสายโหดโปรดจัดมาสิ อย่างเสียงหวอ เสียงไซเรน เสียงเพลงปลุกใจดัง ๆ ไม่ต้องมีอินโทรใด ๆ ถึงเวลาปลุกก็ดังเลยทันที แบบว่าได้ยินเสียงแล้วทำให้ตื่นเลย ตื่นทันที ไม่มีกด snooze ตื่นมาแบบกึ่งหลับกึ่งตื่นและกึ่งช็อคเลยแหละ 5555555
แล้วรู้มั้ยคะว่า การตั้งเสียงนาฬิกาปลุกแบบเพลงโหด ๆ มันไม่ได้ทำให้เราตื่นตัวนะคะ แต่มันจะยิ่งทำให้คุณงัวเงียหนักมากกว่าเสียงเพลงปกติอี๊ก โดยงานวิจัยจาก Australia’s RMIT University พบว่าเสียงนาฬิกาปลุกแบบดัง ๆโหด ๆ จะไปรบกวนประสาทสมอง จนทำให้เราต้องตื่นนอนแบบไม่เต็มที่ ตื่นแบบตกใจตื่น และตื่นมาไม่สดชื่น และมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหวตัวคือไม่กระฉับกระเฉง และอาการงัวเงียเหล่านี้จะอยู่นานถึง 2-4 ชั่วโมงเลยค่ะ
แต่เสียงนาฬิกาปลุกเบา ๆ นุ่มนวล จะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นมากกว่า นอกจากนี้นักวิจัยยังพบอีกว่าเสียงเพลง อาจจะช่วยลดอาการงัวเงียได้ดีกว่าเสียงปี๊บๆ (เพื่อน ๆ เข้าใจเสียงปี๊บ ๆ ใช่มั้ยคะ) อย่างไรก็ตามการตื่นมาแล้วงัวเงียหรือไม่งัวเงียมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเสียงนาฬิกาปลุกเพียงอย่างเดียว แต่มันเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ช่วงเวลานอนไม่พอ ความมืดของห้องนอน ปริมาณอาหารเย็นที่ทาน เวลาในการดื่มกาแฟ สิ่งเหล่านี้มีผลด้วยเช่นกัน