คราบเลือดซักยังไงให้ออก?
เลือดคือหนึ่งรอยเปื้อนที่แม่บ้านหลายท่านพบบ่อยไม่ว่าจะเลือดจากประจำเดือน เลือดกำเดา โดยไม่รู้ว่ามีตั้งหลายวิธีที่สามารถกำจัดคราบเหล่านั้นได้ วันนี้จะมาบอกวิธีกำจัดคราบผ้าที่เปื้อนเลือด ซึ่งมีให้คุณแม่บ้านได้เลือกใช้ ทั้งแบบเปื้อนใหม่ๆ และคราบฝังลึก แถมอุปกรณ์ก็มีอยู่ภายในบ้าน ไปดูกันเลย
-น้ำเย็น สำหรับคราบเลือดใหม่ๆ ที่เพิ่งเลอะ ให้เปิดน้ำก๊อกหรือใช้สายฉีด ฉีดลงไปแรงๆ บนเนื้อผ้า แค่นี้คราบเลือดก็จะหลุดออกไปในทันที
-น้ำสบู่ ในกรณีที่เลือดยังติดอยู่จางๆ หลังจากใช้น้ำเย็นฉีดแล้ว ให้นำสบู่ละลายน้ำเล็กน้อย จากนั้นนำไปขยี้บริเวณที่เปื้อน คราวนี้สะอาดหมดจดชัวร์
-น้ำส้มสายชู ใช้น้ำส้มสายชูกลั่นขาว ป้ายในบริเวณที่เปื้อนเลือด ทิ้งไว้สัก 1 ชั่วโมง อาจใช้แปรงขนอ่อนช่วยซักอีกที แล้วนำไปแช่ในน้ำเย็น จากนั้นซักตามปกติ
-แป้งเด็ก ใช้แป้งเด็กโรยบริเวณที่มีเลือด แต่ถ้าคราบเลือดนั้นแห้งสนิทจนแป้งไม่สามารถซึมเข้าไปได้ ให้ใช้น้ำหยดลงพอชุ่ม ทิ้งไว้ซักพัก คราบเลือดก็จะหายไป แล้วนำมาซักตามปกติอีกครั้ง วิธีนี้ใช้กับผ้าที่เปื้อนมาแล้ว 1-2 สัปดาห์ได้
-น้ำยาล้างจาน ใช้น้ำยาล้างจานผสมกับน้ำเล็กน้อย จากนั้นนำมาปาดบริเวณที่เปื้อนเลือด อาจนำแปรงขนนุ่ม ที่ไม่ใช้แล้ว มาช่วยขยี้อีกที ก็จะช่วยให้คราบเลือดออก
-น้ำมะนาว น้ำมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรด สามารถช่วยขจัดคราบเลือดที่ฝังลึกได้ เพียงนำผ้าเปื้อนชุบน้ำ แล้วนำน้ำมะนาวผสมกับเกลือป้ายในบริเวณที่ต้องการ จากนั้นนำไปตากแดดสัก 2-3 ชั่วโมง คราบก็จะซักออกง่าย ใช้ได้เฉพาะผ้าฝ้ายหรือผ้าลินิน ควรงดใช้กับผ้าไหม เพราะอาจทำให้เนื้อผ้าเสียได้
-สารบอแรกซ์ นำผ้ามาแช่ในสารบอแรกซ์ ที่ผสมกับน้ำเย็น ทิ้งไว้ข้ามคืน แล้ววันต่อมาล้างออกด้วยน้ำสะอาด นำไปตากแดดให้แห้ง ก็เป็นอันเสร็จ
-ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ สำหรับคราบฝังลึก เทไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ แปรงเบาๆ ทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นซับคราบเลือดออกด้วยฟองน้ำ แล้วซับคราบอีกครั้งด้วยผ้าขนหนู
-แอมโมเนีย สำหรับผ้าที่ไม่ใช่ผ้าสี สามารถใช้แอมโมเนียปริมาณ 1 ช้อน โต๊ะ ผสมกับน้ำเย็น โดยการฉีดในบริเวณที่มีคราบ ทิ้งไว้ 60 นาที แล้วซับออกด้วยผ้าสะอาด จากนั้นนำไปซัก
-เบคกิ้งโซดา ใช้เบคกิ้งโซดา 1 ส่วน ผสมลงไปในน้ำ 2 ส่วน จากนั้นนำไปป้ายบริเวณรอยเปื้อน แต่ให้ผ้าชุ่มน้ำสักนิดก่อน นำไปผึ่งแดดให้แห้ง แล้วใช้แปรงขนอ่อนซักอีกที
สิ่งสำคัญที่สุดคือคราบที่เปื้อนเลือดนั้น ต้องรีบลงมือทำให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่าให้โดนความร้อนต่างๆ โดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้เลือดฝังลึกลงไปอีก คราวนี้จะใช้วิธีไหนก็ไม่สามารถช่วยให้คราบหายได้