ผลไม้หวานจัดที่ต้องกินอย่างระมัดระวัง
สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินหรือผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
ควรเลือกรับประทานผลไม้ที่มีรสชาติไม่หวานจัด คือมีปริมาณน้ำตาลน้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ควรต้องระมัดระวังในเรื่องปริมาณและชนิดของผลไม้ที่บริโภคให้พอเหมาะ
โดยควรเลือกผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลทั้งหมด (รวมน้ำตาลกลูโคส ฟรุกโตส และซูโครส) น้อย
และมีใยอาหารมาก ซึ่งจะช่วยให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้น และควรดื่มน้ำเปล่าเพื่อไม่ให้ได้รับน้ำตาลมากเกิน
ปริมาณน้ำตาลในผลไม้ส่วนที่รับประทานได้ 100 กรัม
ละมุด
เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีความหวานเฉพาะตัวอย่างมาก
และเป็นผลไม้ที่มีเฉพาะบางฤดูกาลเท่านั้น โดยละมุด 100 กรัม มีน้ำตาลประมาณ 17 กรัม
ซึ่งละมุด หากยังไม่สุกมากจะมีความกรอบ หวาน แต่เมื่อสุกมากเนื้อจะนุ่ม
และให้รสหวานจัด ดังนั้น จึงควรทานแต่พอดี ไม่มากเกินไป
ทุเรียน
เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงมาก เพราะทุเรียน 100 กรัม มีน้ำตาลประมาณ 21 กรัม
แถมยังมีแคลอรี่สูงอีกด้วย ซึ่งสำหรับผู้ป่วยเบาหวานถือเป็นผลไม้ต้องห้ามเลยทีเดียว
ดังนั้น จึงควรทานครั้งละไม่เกิน 1 พลู ถ้าเกินกว่านี้น้ำหนักขึ้นแน่นอน
ลำไย
เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ถึงขนาดอบแห้งได้โดยไม่ต้องปรุงรสหวาน
เพราะในลำไย 100 กรัม มีน้ำตาลประมาณ 18 กรัม และสำหรับใครที่ชอบทาน
แนะนำว่าให้ลดปริมาณการทานลง เพราะถ้าทานลำไยมากไป
นอกจากจะได้รับน้ำตาลสูงแล้ว ยังสามารถทำให้เป็นร้อนในได้อีกด้วย
กล้วย
เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลเยอะแทบทุกชนิด โดยเฉพาะกล้วยไข่ 100 กรัม
มีน้ำตาลประมาณ 22 กรัม รองลงมา คือกล้วยหอม 100 กรัม มีน้ำตาลประมาณ 20 กรัม
และกล้วยน้ำว้า 100 กรัม มีน้ำตาลประมาณ 19 กรัม ซึ่งการทานกล้วย ไม่ควรทานสุกเกินไป เพราะจะมีน้ำตาลสูง
ขนุน
เป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวาน และมีน้ำตาลสูงพอ ๆ กับทุเรียน
เพราะขนุน 100 มีน้ำตาลประมาณ 21 กรัม ซึ่งการทานขนุนไม่ควรทานในปริมาณที่เยอะจนเกินไป
แนะนำว่าให้ทานนาน ๆ ครั้ง เพราะถ้าทานบ่อย ๆ และทานในจำนวนมาก รับรองน้ำหนักขึ้นแน่ ๆ
น้อยหน่า
เป็นผลไม้ที่มีความหอม และหวานมาก เพราะน้อยหน่า 100 กรัม
มีน้ำตาลประมาณ 16 กรัม ดังนั้น เวลาทานน้อยหน่า ควรทานแต่พอดี ซึ่งในปัจจุบันน้อยหน่าก็เริ่มหาทานได้ยากขึ้น