เจาะชีวิต "Freddie Mercury" นักร้องดังในตำนานกับชีวิตไบเซ็กชวล
กระทู้นี้จะมาบอกเรื่องราวของวงดนตรีระดับตำนานอีกวงหนึ่ง นั่นก็คือวง "ควีน" (Queen) ถือเป็นวงที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ “ร็อค แอนด์ โรลล์” แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้รายละเอียดชีวิตที่ซ่อนอยู่ของนักร้องนำอย่าง “เฟร็ดดี้ เมอร์คิวรี่” (Freddie Mercury) งั้นเรามาเข้าเรื่องเลยดีกว่า
จากตำนานสู่ภาพยนตร์
นั่นก็คือเรื่อง “โบฮีเมียน แรปโซดี” (Bohemian Rhapsody) ภาพยนตร์ชีวประวัติวง “ควีน” (Queen) โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับคนรัก ของตำนานนักร้องผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยหนังได้เปิดตัวรายได้ในสัปดาห์แรกในอเมริกาเหนือด้วยยอด 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลิสต์หนังชีวประวัติบุคคลวงการดนตรี ที่ทำรายได้เปิดตัวมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากรายได้ภาพยนตร์ประวัติวง NWA วงแร็ปจากคอมป์ตันอย่าง “Straight Outta Compton” เมื่อปี 2015
ประวัตินักร้อง
เฟร็ดดี้ เมอร์คิวรี่ เกิดเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1946 ณ สโตนทาวน์, รัฐสุลต่านแซนซิบาร์ ประเทศแทนซาเนีย โดยเขานับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์ และชื่อเกิดของเขาจริงๆคือ "ฟารุก บัลซารา" (Farrokh Bulsara) เริ่มเปลี่ยนมาใช้ชื่อเฟร็ดดี้ตอนเรียนอยู่โรงเรียน St. Peter's
ซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วนใกล้กับเมือง Mumbai โดยเขาได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 1970 เมื่อตอนมีการก่อตั้งวงควีนขึ้นมา โดยแนวเพลงจะเป็นแนว ฮาร์ดร็อก, โพรเกรสซิฟร็อก, เฮฟวี่เมทัล, แกลมร็อก, ป๊อป เป็นทั้งนักร้อง, นักแต่งเพลง, นักดนตรี และโปรดิวเซอร์เพลง
เขาเป็นคนออกแบบโลโก้วงควีน
เพราะเขาจบด้านศิลปะและกราฟฟิกดีไซน์มาจาก Erling Art College เขาได้ออกแบบตราประจำวงโดยเป็นการผสมผสานสัญลักษณ์ราศีของสมาชิกวงทุกคนเข้าด้วยกัน โดยมีสิงโต 2 ตัวให้ราศีสิงห์ของ John Deacon และ Roger Taylor ปูให้ราศีกรกฏของ Brian May และแฟรี่ 2 ตนให้ราศีกันย์ของตัวเฟร็ดดี้เอง และแน่นอนตัว Q และมงกุฎคือสัญลักษณ์ของคำว่า "Queen" ชื่อของวง โดยมีตัวฟีนิกซ์คอยคุ้มครองปกป้องทุกอย่างไว้
แฟนสาวคนแรกในชีวิต
นั่นก็คือ "แมรี่ ออสติน" (Mary Austin) เธอเป็นคู่เดตของเขา โดยในปี ค.ศ. 1969 เธอมีอายุเพียง 19 ปี ซึ่งทำงานอยู่ในร้านค้าบูติกในอังกฤษ ก็ได้พบกับเฟร็ดดี้ที่ตอนนั้นอายุ 24 ปีเป็นครั้งแรก ซึ่งเขาเริ่มเป็นนักร้องที่มีผลงานบ้างแล้วแต่ยังไม่โด่งดังระดับโลก
และด้วยบุคลิกของเขาที่ดูเป็นศิลปินจึงทำให้เธอสนใจในตัวนักร้องหนุ่ม และว่ากันว่าเธอก็เคยคบกับ "ไบรอัน เมย์" (Brian May) มือกีตาร์ของวงมาก่อน แต่เธอยังไม่ได้ทำความรู้จักกับเฟร็ดดี้ จนกระทั่งเขาเป็นนักร้องนำของวง
Mary Austin_Image credits vintag.es
Mary Austin_Image credits vintag.es
การแต่งงานล่ม
พอไม่นานทั้งคู่เริ่มคบหากันในปี ค.ศ. 1973 เขาขอเธอแต่งงานในวันคริสต์มาส โดยการให้เธอแกะกล่องของขวัญที่ซ้อนกัน จากกล่องใหญ่ไปกล่องเล็กลงไปเรื่อยๆจนกล่องที่เล็กที่สุดก็พบแหวนหยกอยู่ภายในกล่อง เธอจึงตกลงที่จะแต่งงานด้วย
จนพาเธอไปพบพ่อแม่ของเขา แต่งานแต่งก็ถูกยกเลิกหลังจากที่เขาสารภาพกับเธอว่า.."เขาเป็นไบเซ็กชวล" (bisexual) ที่มีรสนิยมทางเพศได้ทั้งชายและหญิง จึงทำให้ทั้งคู่ต้องยุติความสัมพันธ์แบบคู่รักลง แต่ยังคงเป็นเพื่อนสนิทที่ดีต่อกันมาโดยตลอดชีวิตของเขา
เมื่อคู่รักคนใหม่ถามเขาว่า ทำไม? ถึงไม่สามารถมาแทนที่แมรี่ได้ เขาจะบอกว่า...
"เป็นไปไม่ได้เพื่อนคนเดียวของผมคือแมรี่ และผมไม่ต้องการคนอื่น สำหรับผมเธอคือภรรยาตามกฎหมาย สำหรับผมมันคือการแต่งงาน เราเชื่อมั่นในกันและกันซึ่งนั่นเพียงพอสำหรับผมแล้ว” โดยให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์ก โพสต์ (New York Post) เมื่อปี 1985
แฟนผู้ชายที่อยู่กินกับเขา
ถือเป็นแฟนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ โดยมีชื่อว่า "จิม ฮัตตัน" (Jim Hutton) ทั้งคู่เจอกันครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ. 1980 ซึ่งตอนนั้นฮัตตันทำหน้าที่เป็นช่างทำผม แต่ความรักของทั้งคู่ก็ไมได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ จนกระทั้งผ่านไป 2 ปี ทั้งคู่ก็ได้มาเจอกันอีกครั้งในบาร์ชื่อ "เฮเว่น" (Heaven) เป็นบาร์เกย์ชายรักชายยุค 80s
โดยเฟรดดี้เสนอเลี้ยงเครื่องดื่มเขา จึงเป็นโอกาสที่ทำให้ทั้งคู่ได้เริ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และฮัตตันก็ย้ายมาอยู่ที่ "การ์เดน ลอดจ์" (Garden Lodge) แมนชั่นในลอนดอน โดยฮัตตันก็ยังคงทำงานเป็นช่างแต่งผมอยู่ตามปกติ
แต่มันก็เป็นความรักที่ต้องปิดบังมันไว้อยู่ตลอดเวลา เพราะในยุคสมัยนั้นการ "รักร่วมเพศ" ยังถูกปิดกั้นจากสังคม แต่คู่ของเขาก็รักกันมาต่อเนื่องยาวนานถึง 7 ปี จนกระทั้งนักร้องดังเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1991
เป็นทาสแมว
เฟร็ดดี้รักแมวมากโดยมีแมวถึง 10 ตัวเลยทีเดียว รักซะจนเขาเคยกระทั้งออกอัลบั้มและแต่งเพลงอุทิศให้กับแมวของเขา (Mr. Bad Guy) เขียนถึงเพลงที่มีแมวตัวโปรดชื่อ "Delilah" ในเนื้อเพลงด้วย
เปิดเผยว่าติดเชื้อ HIV
เขาเปิดเผยกับสมาชิกในวงว่าเขาติดเชื้อ HIV ในระหว่างช่วงซ้อมสำหรับคอนเสิร์ต “ไลฟ์ เอด” (Live Aid) (1985) อย่างไรก็ตามผู้สันทัดกรณีเห็นตรงกันว่าในช่วงแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ เขาคงยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับสมาชิกในวง ซึ่งคาดดว่าเขาน่าจะบอกตอนหลังช่วงปี ค.ศ. 1986-1987 แต่นั้นก็ทำให้ช่วงนั้นทางวงต้องระงับการทัวร์คอนเสิร์ตไปอย่างกะทันหัน
ทำให้หลายๆ คนแสดงความไม่พอใจที่เขาออกมายอมรับช้า เพราะถ้าหากเขาออกมาแถลงการณ์เร็วกว่านี้ อาจจะช่วยระดมทุนให้กับการรณรงค์เรื่อง "โรคเอดส์" เพื่อสังคมได้มากกว่านี้ ในช่วงเวลาที่เขารู้ตัวว่าตนเองติดเชื้อเอชไอวี มันก็ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับจิม ฮัตตันจบลงด้วย
วาระสุดท้ายของชีวิต
แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีเรื่องโชคดีอยู่บ้าง แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะจบลงก็ตาม แต่สำหรับฮัตตันแล้วเขากลับปฎิเสธที่จะทิ้งให้เฟร็ดดี้อยู่อย่างเดียวดายในชีวิต เขายังคงอยู่กับเฟร็ดดี้โดยไม่จากไปไหน และได้บอกกับเฟร็ดดี้ว่า..
"ผมรักคุณเฟร็ดดี้ และผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนทั้งนั้น"
เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 1991 (อายุ 45 ปี) และมันเป็นการสนทนาครั้งสุดท้ายของทั้งคู่ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต มันเป็นช่วงเช้าที่เฟร็ดดี้อยากดูภาพวาดของเขา แต่ไม่สามารถลงบันไดเองได้ ฮัตตันเลยเสนอว่าจะแบกเขาลงไป แต่สุดท้ายเขาก็พยายามลงบันไดด้วยตัวเขาเอง ฮัตตันหยิบเก้าอี้มาให้เขานั่งและเปิดไฟให้เขาได้ชมภาพ ประโยคสุดท้ายที่เขาเอ่ยคือ "มันสวยงามมาก"
ส่วนแมนชั่น "การ์เดน ลอดจ์" (Garden Lodge) ในลอนดอน เฟร็ดดี้ยกให้กับสาวคนรักคือ แมรี่ ออสติน ส่วน จิม ฮัตตัน ได้รับเงิน 5 แสนปอนด์ และได้เดินทางกลับบ้านที่ไอร์แลนด์ และฮัตตันได้เขียนหนังสือเล่าความสัมพันธ์ของเขากับเฟร็ดดี้ชื่อ “Mercury and Me”
บั้นปลายชีวิตของ จิม ฮัตตัน เขาเป็นโรคมะเร็ง และได้ต่อสู้กับโรคมะเร็งมาหลายปีจนได้เสียชีวิตลงเมื่อปี ค.ศ. 2010 ขณะมีอายุ 60 ปี
เครดิตภาพต่างๆจาก : Google, Wikipedia, vintag.es