ฝุ่นpm2.5
... กระทู้นี้ขอสรุปรายละเอียดและเรื่องราวของฝุ่นPM2.5 ให้เข้าใจง่ายๆละกันนะครับ
---ฝุ่นPM2.5 จริงๆมีมานานแล้ว มันมีขนาดเล็กมาก 1/50 ของเส้นผมเรา เราจึงมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ขนาดของมันคือ2.5ไมครอน (เล็กกว่าเม็ดเลือดที่ขนาด5ไมครอน) เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ทั้งจากท่อไอเสียรถยนต์ โรงงาน เผาขยะ เผาศพ รวมไปถึงเผาไหม้ตัวเองด้วยการสูบบุหรี่ (ขอเน้นจุดนี้ครับ)
---เนื่องด้วยมันมีขนาดเล็กมาก มันจึงเข้าไปได้ถึงส่วนลึกที่สุดของถุงลม ทางเดินหายใจส่วนล่าง แล้วซึมแทรกเข้าไปยังผนังหลอดเลือดฝอย จากนั้นอยากไปไหนก็ไป ไปก่อเรื่องกับอวัยวะต่างๆได้ มันมีสารอนุมูลอิสระหรือ สาร P-A-Hs ติดไปด้วย ซึ่งนี่แหละที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดได้ นอกจากนี้การที่มันซึมเข้าทุกส่วน มันไปป่วนหลอดเลือดให้เกิดการอักเสบ ก็จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจด้วย
---สรุปง่ายๆมันก่อโรคตั้งแต่ ไอ จาม น้ำมูก ภูมิแพ้ ไซนัส ผื่นคัน ปอดอุดกั้นเรื้อรัง ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง เสี่ยงต่อมะเร็งปอด หลอดเลือดสมองอักเสบหรืออุดตัน รวมถึงหัวใจขาดเลือด โดยเฉพาะในกลุ่มบุคคลเสี่ยงได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ หอบหืด ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ทำงานกลางแจ้ง
---ปริมาณฝุ่นที่รายงานกัน คือ (ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ถ้ามีไม่เกิน 25 ถือว่าปกติ ถ้า26-37 เราพอทนได้ ถ้าระดับ38-50 จะเริ่มระคายเคือง มีการคัน ไอจาม ถ้าระดับ51-90 เริ่มอึดอัดอยู่ได้ยากขึ้น ระดับ91-250 หายใจลำบาก และมากกว่า 250 อันตรายมาก
---การป้องกันฝุ่นละเอียดนี้ มีตั้งแต่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นละออง, ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด ทำความสะอาดทุกวัน, เลี่ยงการทำงานหรือออกกำลังกายในที่แจ้ง,สวมมาร์คN95 หรือP100 ที่ป้องกันฝุ่นอนุภาคขนาดเล็ก, ตรวจสุขภาพหากมีอาการหายใจติดขัด แน่นหน้าอก วิงเวียน, รับประทานอาหารเสริมบำรุงปอดเช่น ถังเช่า โสม เห็ดหูหนู, รับประทานตัวล้างสารพิษ เช่น คลอโรฟิลล์ หรือไฟเบอร์ รวมไปถึงพืชผักในครัวเรือน ที่ช่วยเสริมเบต้าแคโรทีน อย่างแครอท, เสริมเคอร์ซิทีน อย่างแอปเปิ้ล, เสริมวิตามินซี อย่างแคนตาลูป บร็อกโคลี่ และต้านการอักเสบอย่างขิง ก็จะช่วยปกป้องปอดเราได้ครับ