ประเทศที่มีปริมาณน้ำมันดิบสำรองมากที่สุดในโลก
ปิโตรเลียม หรือ น้ำมันดิบ เป็นของเหลวไวไฟที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ประกอบด้วยสารผสมซับซ้อนระหว่างไฮโดรคาร์บอนที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่างกัน
กับสารประกอบอินทรีย์ ที่เป็นของเหลวอื่น ๆ ซึ่งพบในชั้นธรณีวิทยาใต้ผิวโลก
เป็นเชื้อเพลิงวากดึกดำบรรพ์ เกิดได้จากซากสิ่งมีชีวิต (มักเป็นแพลงก์ตอนสัตว์และสาหร่าย)
จำนวนมากทับถมกันใต้หินตะกอนและได้รับความร้อนและความดันน้อยมากจนไม่สามารถมองเห็นได้เลย
การขุดเจาะน้ำมันเป็นวิธีการส่วนใหญ่ในการได้มาซึ่งปิโตรเลียม
ซึ่งเป็นขั้นตอนหลังการศึกษาโครงสร้างธรณีวิทยา การวิเคราะห์แอ่งตะกอน
และลักษณะหินกักเก็บปิโตรเลียม หลังขุดเจาะขึ้นมาแล้ว ปิโตรเลียมจะถูกกลั่น
และแยกเป็นผลิตภัณฑ์บริโภคหลายชนิด ตั้งแต่แก๊สโซลีนและน้ำมันก๊าด
ไปจนถึงยางมะตอย และตัวทำปฏิกิริยาเคมีซึ่งใช้ในการทำพลาสติก และเภสัชภัณฑ์
นอกจากนี้ ปิโตรเลียมยังใช้ในการผลิตวัสดุอีกหลายชนิด
ในปัจจุบัน ประเทศที่มีปริมาณแหล่งน้ำมันดิบสำรองมากที่สุดในโลก ได้แก่
ประเทศเวเนซูเอลา ประมาณ 303,806 ล้านบาร์เรล
ซึ่งถือว่ามีปริมาณมากเป็นอันดับ 1 ของโลก
มีกำลังการผลิตที่ประมาณ 527,063 บาร์เรลต่อวัน เท่ากับว่า
เวเนซูเอลาจะมีน้ำมันดิบให้ใช้ได้อีกประมาณ 1578 ปี ซึ่งถือว่านานที่สุดของโลก
ประเทศซาอุดีอาระเบีย น้ำมันสำรอง 258,600 ล้านบาร์เรล
ถือเป็นประเทศที่เป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออกน้ำมัน ซาอุดีอาระเบีย
เป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ที่ 9,264,921 บาร์เรลต่อวัน
ด้วยกำลังการผลิตที่มากขนาดนี้ มีการประมาณกันว่าปริมาณน้ำมันจะอยู่ได้อีก 76 ปี
ประเทศอิหร่าน ปริมาณน้ำมัน 208,600 ล้านบาร์เรล
เป็นประเทศที่มีน้ำมันมากเป็นอันดับที่ 3 มีกำลังการผลิตมากเป็นอันดับที่ 9
ประมาณวันละ 2,665,809 บาร์เรล มีน้ำมันให้ใช้ได้อีกราวๆ 214 ปี
ส่วนประเทศไทยมีปริมาณน้ำมันดิบสำรองอยู่ที่ประมาณ 252 ล้านบาร์เรล
มากเป็นอันดับที่ 63 ของโลก มีกำลังการผลิตที่วันละ 202,117 บาร์เรล
แหล่งน้ำมันดิบของคาดว่าจะหมดลงภายใน 3 ปี