เมืองที่อยู่ในร่มนานจนได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ
เพราะประเทศไทยของเราตั้งอยู่ในเขตร้อน เราจึงได้รับแสงอาทิตย์อย่างทั่วถึงตลอดทั้งปี (บางครั้งก็รู้สึกว่าจะมากเกินไป) แต่ในอีกหลายพื้นที่ของโลก กลับขาดแคลนแสงแดดที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต จนต้องมีการ คิดค้นและหาวิธีรับมือกับข้อจำกัดทางธรรมชาติเหล่านี้
ที่นี่คือหมู่บ้าน Rjukan ในประเทศนอร์เวย์ ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาขนาบข้างด้วยเขาสูงตั้งตระหง่าน ด้วยทำเลที่ตั้งของเมืองที่อยู่ในหุบเขาลึก บวกกับที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของนอร์เวย์ ทำให้ตั้งแต่ในช่วงเดือนกันยายน ยาวไปจนถึงเดือนมีนาคม เมืองทั้งเมือง จะตกอยู่ในภาวะ 'เหมือนอยู่ในร่ม' แม้จะเป็นตอนกลางวัน เพราะแสงแดดส่องลงมาไม่ถึงพื้นดินข้างล่างที่เป็นที่ตั้งของเมือง
ชาวเมือง Rjukan ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงามืดในยามกลางวันปีละ 6 เดือนเช่นนี้ มาเนิ่นนานจนกระทั่งปี 2013 เมื่อมีศิลปินนามว่า “Martin Andersen” ย้ายเข้ามาอาศัยที่นี่ และพบว่าการต้องอยู่ในเงามืดคราวละครึ่งปีช่างชวนให้จิตใจหดหู่เหลือเกิน จึงเกิดไอเดียจะเอาแสงอาทิตย์ลงมายังหมู่บ้านให้ได้ เขาจึงคิดค้น “Solspeilet” ขึ้นมา มันเป็นกระจกยักษ์ 3 บานติดตั้งบนเนินเขาที่ความสูง 1,476 ฟุตเหนือหมู่บ้าน มีการตั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ควบคุมเอาไว้ให้มันปรับหันเอียงองศารับดวงอาทิตย์ทุกๆ 10 วินาที เพื่อสะท้อนลำแสงสว่างเรืองรองลงมายังลานจตุรัสใจกลางหมู่บ้าน
แม้กระจกนี้จะช่วยสะท้อนแสงแดด(ที่หาได้ยากมากในเมืองนี้) ลงมาได้เป็นเพียงจุดเล็กๆใจกลางเมือง แต่ก็เป็นแสงอาทิตย์ที่ช่วยเติมชีวิตชีวา และช่วยมอบความอบอุ่นให้กับผู้คนในเมืองได้เป็นอย่างมาก จนกลายเป็นจุดนัดพบและเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งในนอร์เวย์