หลุมอุกกาบาตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยถูกพิสูจน์ได้
มีหลายทฤษฎีที่อ้างว่า การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของไดโนเสาร์
รวมถึงสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์นั้น มาจากการพุ่งชนของอุกกาบาต
ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงกับพื้นที่ของโลกในยุคโบราณ
แม้เรื่องราวเหล่านี้จะผ่านไปนานมากแล้ว แต่ร่องรอยของมันก็ยังคงหลงเหลืออยู่
โดยสาเหตุการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่นั้น หลายคนเชื่อว่ามาจาก 'อุกกาบาต'
'อุกกาบาต' (meteorite) คือ หินอวกาศที่ตกลงมาสู่ผิวโลกหรือผิวดาวเคราะห์แล้ว
ตอนอยู่ในอวกาศจะเรียกว่าดาวเคราะห์น้อย (Asteroid) หรือสะเก็ดดาว (Meteoriod)
พอเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงประมาณ 40-70 กิโลเมตร/วินาที
เกิดการ compression กับอากาศในชั้นบรรยากาศโลก ทำให้อากาศรอบๆ ลุกไหม้เป็นแสงสว่าง
เรียกว่า ดาวตก (Meteor) จวบจนลงถึงพื้นแล้วจึงเรียกอุกกาบาต อุกกาบาตขนาดเล็ก
คือหินอวกาศที่ถูกเผาไหม้จนเกือบหมด แต่สำหรับอุกกาบาตที่มีขนาดใหญ่นั้น
คือหินอวกาศที่ไม่ถูกเผาไหม้จนหมดทำให้ตกลงมาบนพื้นโลก และเกิดหลุมอุกกาบาต (Crater)
หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของหลุมอุกกาบาตมาบ้างแล้ว
วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับหลุมอุกกาบาตที่ใหญ่ที่สุดกัน
หลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่แห่งนี้มีชื่อว่า
'หลุมอุกกาบาตเฟรเดอฟอร์ต (Vredefort crater)'
ถือเป็นหลุมอุกกาบาตที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ผ่านการตรวจสอบมาแล้ว
มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 300 กิโลเมตร (190 ไมล์) ขณะที่มันก่อตัวขึ้น
ส่วนที่หลงเหลืออยู่ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดฟรีสเตตของประเทศแอฟริกาใต้
หลุมอุกกาบาตนี้ตั้งชื่อตามเมืองเฟรเดอฟอร์ตซึ่งอยู่ใกล้ใจกลางของหลุม
แม้ว่าผิวหน้าของปล่องภูเขาไฟจะถูกกัดกร่อนไปนานแล้ว
แต่โครงสร้างทางธรณีวิทยาที่เหลืออยู่ตรงกลางยังคงเหลืออยู่
คำนวณได้ว่าหลุมอุกกาบาตนี้มีอายุมากกว่า 2,023 ล้านปี โดยมีผลกระทบ
ในมหายุคแพลีโอโพรเทอโรโซอิก ถือเป็นหลุมอุกกาบาต
ที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับที่สามเท่าที่รู้จักบนโลก