"Gianni Versace" กับเส้นทางความรักและการฆาตกรรมจากเกย์หนุ่ม
สำหรับแบรนด์ "เวอร์ซาเช่" (Versace) แล้ว ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ดังระดับโลกที่ใครๆก็ย่อมรู้จักกัน แต่ใครจะรู้ว่าผู้ที่ก่อตั้งแบรนด์ดังสุดหรู จะมาจบชีวิตจากน้ำมือเกย์คนหนึ่ง งั้นเรามาตามติดคดีฆาตกรรมของเขากันดีกว่า
ใครเป็นคนก่อตั้ง
"เวอร์ซาเช่" นั้นถือเป็นสินค้าแฟชั่นหรูหราจากอิตาลี มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องหนัง และน้ำหอม ที่โด่งดังและถือเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก และผู้ที่ก่อตั้งแบรนด์ดังนี้ก็คือ "จานนี เวอร์ซาเช" (Gianni Versace) เขาเป็นนักดีไซน์เนอร์และเป็นนักธุรกิจชาวอิตาลี
เขาเกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 2489 ณ เรจโจคาลาเบรีย, อิตาลี โดยมีพี่น้อง 3 คน เขาเป็นลูกคนกลาง
คุณแม่ชื่อ "ฟรานเชสกา เวอร์ซาเช่" (Francesca Versace)
คุณพ่อชื่อ "อันโตนิโอ เวอร์ซาเช่" (Antonio Versace)
พี่ชายคนโตคือ "ซานโต เวอร์ซาเช่" (Santo Versace)
น้องสาวชื่อว่า "ดอนนาเทลลา" (Donatella Versace)
เส้นทางสายแฟชั่น
เขาศึกษาที่ "Liceo Classico Tommaso Campanella" เรียนเกี่ยวกับภาษากรีกโบราณและละติน ชอบการตัดเย็บและมีพรสวรรค์ในการออกแบบเสื้อผ้า จึงลาออกจากสถาบันที่ตนเรียน เพื่อมุ่งเน้นศึกษาการออกแบบเสื้อผ้าด้วยตนเอง ชอบเดินทางไปทำงานกับแม่ที่ห้องเสื้อ
และก็มักจะออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าให้น้องสาวเสมอๆ โดยมีคุณแม่เป็นผู้สนับสนุน จนพออายุได้ 26 ปีก็ไปที่มิลาน ไปทำงานเป็นดีไซน์เนอร์สมัครเล่นให้กับแบรนด์ต่างๆ เพื่อหาความรู้และประสบการณ์ จนออกมาตั้งแบรนด์เป็นของตนเองในที่สุด
Liceo Classico Tommaso Campanella
เส้นทางความรัก
"ความรัก" ของเขาเต็มไปด้วยสีสันที่หลากหลายไม่ว่าจะทำงาน ปาร์ตี้ ศิลปะ รวมถึงเรื่องความรักมันเป็นความรักที่เขารักษาไว้อย่างมั่นคงตลอดนับสิบปี ถ้าย้อนไปปี 1978 แบรนด์ของเขาเริ่มก่อตั้งยุคสมัยที่เป็นยุคแห่งศิลปะ แม้ว่าเขาจะโลดแล่นในวงการแฟชั่นที่คึกคักก็ตาม แต่ทว่าเรื่องเพศกลับถูกปิดกั้นอยู่ดี เพราะเกย์ในสมัยนั้นยังคงถูกมองว่าเป็นความไม่ปกติของสังคม
หนุ่มข้างกาย
ในปี 1982 "อันโตนิโอ ดามิโก" (Antonio D'Amico) ก็ปรากฎขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์ของแบรนด์ เขาพบกับจานนีและได้รับตำแหน่งสำคัญในห้องเสื้อเวอร์ซาเช่ ในฐานะผู้ออกแบบและเป็นนายแบบของแบรนด์ ไม่ใช่แค่เรื่องความรักที่ทำให้เขาเติบโตในด้านการงาน แต่เขาก็มีฝีมือที่เก่งเช่นกัน จึงทำให้คำสบประมาทต่างๆ ในช่วงแรกๆ นั้นได้จางหายไปจากจากผลงานของเขาที่ทำให้กับแบรนด์เวอร์ซาเช่
ไม่เคยเรียกร้องความรัก
จานนีเขาเป็นนักเรียกร้องความสนใจ แต่สำหรับความรักเขากลับไม่เคยเรียกร้อง แม้ว่าเขาจะเปิดเผยชัดเจนว่าเป็นเกย์ แต่เขากลับไม่เรียกร้องความสนใจจากใคร เพราะเขาไม่ต้องการให้เรื่องนี้เป็นจุดเด่น เพราะเขาคิดว่าการคบกับอันโตนิโอเป็นเรื่องธรรมดา ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีคนมาสนใจอะไร
ลับหลังพวกสื่อเบะปากใส่
แม้ชีวิตเขาจะเปิดเผยมีแบรนด์แฟชั่นที่ดัง ที่สื่อต่างก็ยอมรับในฝีมือการออกแบบและติดตามชีวิตของเขาก็จริง แต่พวกเขากลับเบะปากใส่ให้กับความสัมพันธ์ของชีวิตคู่เขา ถึงแม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ในการเป็นศิลปินในการออกแบบแฟชั่น เรียกร้องความสนใจด้วยชุดแปลกประหลาดให้สื่อวิจารณ์ หรือนำชุดให้กับเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดังสวมใส่ก็ตาม แต่ลับหลังความรักของเขา กลับถูกคนเหล่านั้นมองเป็นมลทินในชีวิต
ความรักที่ไม่แคร์สังคม
ตลอดเวลา 11 ปีของชีวิตคู่แบบจริงจัง ตั้งแต่ปี 1986-1997 ทั้งคู่ไม่เคยระหองระแหงกัน แม้ว่าจานนีจะขึ้นชื่อว่าชอบเที่ยวเล่นปาร์ตี้อยู่บ่อยครั้งก็ตาม ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นเหมือนความรักในอุดมคติของเหล่าเกย์ในยุคนั้น คู่เขาไม่สนกระแสสังคมที่ต่อต้านที่มีมองมา
ความอึดอัดใจ
พอย้ายมาไมอามีดินแดนชายหาดในช่วงปี 1992 เขาก็กลายเป็นเป้าหมายของสื่อทันที เขาสู้รบปรบมือกับสื่อในทุกทาง แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่แคร์แต่กลับนำมาเล่นเป็นประเด็น คงหนีไม่พ้นการมีตัวตนของคนรักอย่างอันโตนิโอ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดของทั้งคู่จนวันสุดท้ายของชีวิต
แม้เขาจะไม่สนใจคนภายนอกแต่เขาแคร์คนข้างกายมากกว่า แต่ยังไงซะคนในครอบครัวอย่างน้องสาวเขาก็ไม่ชอบอันโตนิโออยู่ดี เขาต้องพยายามรักษาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไว้ให้มั่นคงที่สุด เพราะคู่รักก็ต้องแคร์น้องสาวตนเองก็ต้องแคร์ มันเลยทำให้ความอึดอัดนี่ถือเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญของเขา ที่กำลังเดินขึ้นสู่จุดสูงสุดในเส้นทางดีไซน์เนอร์
เสียงปืนดัง..ปลิดชีพเขา
ปั๊ง!! มันเป็นเช้าวันที่ 15 กรกฎาคม 1997 ที่ไมอามีบีช รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ในเวลานั้นเขาได้พักอาศัยที่นี่ และกำลังเดินไปยังร้านค่าเฟ่ท้องถิ่นเพื่อซื้อกาแฟ ถือเป็นกาแฟแก้วสุดท้ายในชีวิตของเขา ปกติจะให้ผู้ช่วยซื้อให้แต่วันนี้เขากลับออกไปซื้อกาแฟด้วยตนเอง
พนักงานร้านกาแฟเห็นว่าเขาทีท่าทางระมัดระวังราวกับว่ากำลังมีใครสะกดรอยตามเขาอยู่ หลังจากซื้อกาแฟและหนังสือพิมพ์เสร็จ เขาก็เดินตรงกลับที่พักกำลังจะเปิดประตูเข้าบ้าน และวินาทีนั้นเองที่เสียงปืนก็ดังขึ้น มีชายคนหนึ่งบุกมาจ่อยิงเขาจากด้านหลังด้วยการยิงเข้าที่ศีรษะของเขา
ฆาตกรคือใคร ?
คนร้ายหลังยิงเขาก็ไม่ได้หนีไปไหนไกล ตำรวจสามารถจับกุมเขาได้ในเวลาไม่นาน ชื่อของเขาก็คือ "แอนดริว คูนานัน" (Andrew Cunanan) วัย 27 ปี และเป็นฆาตกรที่ทางการกำลังต้องการตัวที่ทาง FBI ต้องการตัวมากที่สุด เพราะเขาได้ฆ่าคนไปกว่า 4 คนแล้ว แต่ใครจะคิดว่าเหยื่อรายสุดท้ายจะเป็นเวอร์ซาเช่
ฆาตกรเป็นเสือผู้ชาย
คูนานันเรียนไม่จบหลังออกจากโรงเรียน เขาก็หาเงินด้วยการจับเกย์รวยๆ เพื่อหลอกให้เกย์ที่หลงเขาซื้อของแพงๆให้ ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในชุมชนชาวเกย์ว่าเป็นเสือผู้ชาย และชอบหลอกลวงเงินจากเกย์อายุมากๆ และนำเงินไปเปย์ผู้ชายที่อายุอ่อนกว่าอีกที
เขาเริ่มฆ่าเหยื่อในเดือนเมษาจน 1997 ไม่ว่าจะทหารเรือ คู่ขาของเขาและรวมถึงผู้ชายอีก 2 คน ถือเป็นบุคคลอันดับที่ 449 ที่ FBI ต้องการตัวมากที่สุด หลังจากที่เขายิงเวอร์ซาเช่ได้ 8 วัน เขาก็ได้ฆ่าตัวตายในบ้านพักของเขา โดยตำรวจไมได้พบหลักฐานอะไรที่บ่งบอกถึงสาเหตุที่เขาทำไมต้องฆ่าเวอร์ซาเช่
แต่มีข่าวลือว่าเขาเคยพบกับเว่อร์ซาเช่มาก่อน หากแต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ถึงแม้ว่าจานนี เว่อร์ซาเช่จะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม แต่สินค้าและธุรกิจภายใต้แบรนด์เว่อร์ซาเช่ก็ยังคงอยู่ จากการบริหารจัดการดูแลธุรกิจจากพี่ๆน้องๆของเขามาจนถึงทุกวันนี้
ขอบคุณภาพต่างๆจาก : google, wikipedia