"หลุยส์ วิตตอง" จากเด็กยากจนสู่การเป็นเจ้าของแบรนด์หรูระดับโลก
"Louis Vuitton" ถ้าจะเอ่ยถึงสินค้ายี่ห้อนี้คงจะน้อยคนนักที่ไม่รู้จัก เพราะถือเป็นหนึ่งในแบรนด์หรูที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก และเป็นส่วนหนึ่งของ LVMH สินค้าของบริษัทมีทั้งเครื่องหนัง กระเป๋าถือ กางเกงว่ายน้ำ รองเท้า นาฬิกา อัญมณีและเครื่องประดับ ส่วนใหญ่ประดับด้วยตัวย่อ LV เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก โดยมีอัตรากำไรเกือบ 40% แต่ใครจะไปรู้ว่าสินค้าแบรนด์หรูนี้ จะเกิดขึ้นมาจากเด็กยากจนคนหนึ่ง นามของเขาก็คือ "หลุยส์ วิตตอง" (Louis Vuitton)
ประวัติส่วนตัว
เขาเกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1821 ณ เมืองอองเชย์ อยู่ในหุบเขาฌูรา ดินแดนที่ห่างไกลความเจริญ ซึ่งอยู่ระหว่างฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ เกินในตระกูลช่างไม้ส่วนแม่เป็นช่างทำหมวก พอเขาอายุได้ 10 ขวบแม่ก็มาเสียชีวิตไปซะก่อน ส่วนพ่อก็เสียชีวิตในภายหลัง
เขาจึงได้อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยง แต่ความสัมพันธ์ของเขากับแม่เลี้ยงก็ไม่ได้ดีนัก เขาจึงหนีออกจากบ้านในปี ค.ศ. 1835 เมื่ออายุเพียง 14 ปี และทำงานมาตลอดการเดินทาง เพื่อแลกกับค่าแรงอันน้อยนิด และอาศัยข้างถนนเป็นที่หลับนอน รวมเป็นระยะทางกว่า 292 ไมค์ (470 กม.) เพื่อไปยังปารีส
เริ่มจากเป็นลูกมือฝึกงาน
เขาเดินทางมาถึงปารีสในปี ค.ศ. 1837 ซึ่งเป็นช่วงการปฎิวัติอุตสาหกรรม และได้ฝึกงานกับ "โรแมง มาเรชาล" ซึ่งเป็นช่างทำกระเป๋าหีบเดินทาง ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีเขาก็ได้รับการมีชื่อเสียงในหมู่ชนชั้นสูงของปารีส ในฐานะช่างทำกระเป๋าที่เก่งและมีชื่อเสียงของเมือง
ก่อตั้งแบรนด์
กว่าเขาจะตั้งหลักได้ก็ล่วงเลยไปถึงปี ค.ศ. 1854 (พ.ศ. 2397) เมื่ออายุ 33 ปี ก็ได้แต่งงานกับ "คลีเมนซ์-เอมิลี ปาร์ริอ" ที่มีอายุ 17 ปี และไม่นานเขาก็ออกมามีร้านในแบรนด์ "Louis Vuitton" ก่อตั้งโดยเขา ในปี 1854 บนถนน Rue Neuve des Capucines ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จนเป็นที่ยอมรับในฐานะผู้ผลิตหีบกระเป๋าฝีมือเยี่ยม หลังจากการสถาปนาจักรวรรดิฝรั่งเศสขึ้นใหม่ ภายใต้จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 เขาก็ได้รับการว่าจ้างให้เป็นช่างทำกระเป๋าส่วนพระองค์สำหรับ "จักรพรรดินีเออเฌนี เดอ มอนตีโค"
ผลิตกระเป๋าที่ล้ำสมัย
จากนั้นไม่นานเขาก็ได้ผลิตกระเป๋าเดินทาง ที่เป็นสิ่งใหม่ที่เปลี่ยนโลกไปตลอดกาล จากกระเป๋าหนังโค้งมนที่วางซ้อนไม่ได้ เขาได้ผลิตกระเป๋าจากผ้าแคนวาสทรงสี่เหลี่ยมใบแบน Trianon สีเทา สุดล้ำสมัย ที่สามารถวางซ้อนได้อย่างง่ายดายสำหรับการเดินทาง และยังออกแบบระบบล็อกแบบกันการกระแทกเป็นครั้งแรก และในไม่ช้าก็กลายเป็นสินค้าที่เหล่าชนชั้นสูงต่างก็ซื้อมาครอบครอง จนทำให้ผู้ผลิตกระเป๋าเดินทางหลายรายเริ่มเลียนแบบสไตล์การออกแบบของเขา
1870s Louis Vuitton Gray Trianon Canvas Trunk
เปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่
พอในปี ค.ศ. 1857 (พ.ศ. 2400) ได้เข้าร่วมนิทรรศการสากลในปารีส เพื่อป้องกันการซ้ำซ้อนของรูปลักษณ์ เขาจึงเปลี่ยนการออกแบบ Trianon เป็นลายทางสีเบจและสีน้ำตาลในปี ค.ศ. 1876 (พ.ศ. 2419) และพอในปี ค.ศ. 1885 (พ.ศ. 2428) หลังจากที่ได้มีออเดอร์จากต่างประเทศมากมาย
วิตตองก็ได้เปิดร้านสาขาแรกในลอนดอนที่ถนนอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ก่อนจะมีการร่วมธุรกิจกับราชวงศ์ หลังจากนั้นไม่นานเนื่องจากการเลียนแบบรูปลักษณ์ของเขาอย่างต่อเนื่อง ในปี ค.ศ. 1888 (พ.ศ. 2431) วิตตองได้สร้างรูปแบบ Damier Canvas ซึ่งมีโลโก้ที่อ่านว่า "marque L. Vuitton déposée" ซึ่งแปลว่า "L. เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของวิตตอง
ลูกชายสานต่อธุรกิจ
หลุยส์ วิตตอง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1892 (พ.ศ.2435) Asnières-sur-Seine ฝรั่งเศส ชีวิตด้วยวัย 70 ปี และธุรกิจก็ส่งต่อให้ลูกชายของเขาคือ "จอร์จส์ วิตตอง" (Georges Vuitton) ภายหลังจอร์จส์ก็ได้เข้าร่วมแคมเปญระดับโลกที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์ ในงาน "Chicago World's Fair" ในปี ค.ศ. 1893 (พ.ศ. 2436) เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้น
พอในปี ค.ศ. 1896 (พ.ศ. 2439) บริษัทได้เปิดตัว "Monogram Canvas" อันเป็นเอกลักษณ์และได้จดสิทธิบัตร สัญลักษณ์กราฟิก ได้แก่ สี่เหลี่ยมจตุรัสและดอกไม้ (เช่นเดียวกับอักษรย่อ LV) อิงตามแนวโน้มของการออกแบบของญี่ปุ่นและตะวันออกในช่วงปลายยุควิกตอเรีย ต่อมาสิทธิบัตรได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จในการหยุดยั้งการปลอมแปลง
ในปีเดียวกันนี้ จอร์ชเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาได้ไปเที่ยวเมืองต่างๆ เช่น นิวยอร์ก ฟิลาเดลเฟีย และชิคาโก เพื่อขายผลิตภัณฑ์ของวิตตอง ในปี ค.ศ. 1901 (พ.ศ. 2444) ก็ได้เปิดตัว "Steamer Bag" ซึ่งเป็นกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กออกมา
เริ่มวางขายในห้างสรรพสินค้า
หลังจากที่จอร์จส์ได้เข้าร่วมกับงานจัดแสดงสินค้าในชิคาโก้ สหรัฐฯ เขาก็ได้พบกับคนที่จะทำแบรนด์หลุยส์ วิตตอง กลายเป็นแบรนด์แฟชั่นระดับโลก นั่นก็คือนักธุรกิจชาวอเมริกันนามว่า "จอห์น วานาเมเกอร์" (John Wanamaker) นักธุรกิจชาวอเมริกัน ผู้ประกอบธุรกิจห้างสรรพสินค้า และริเริ่มติดป้ายบอกราคาสินค้า และได้เป็นผู้นำสินค้าแบรนด์หลุยส์ วิตตองออกจำหน่ายบนห้างฯทั่วประเทศ
John Wanamaker_Department Store
สินค้าติดแบรนด์ชั้นนำ
เพียงไม่กี่สิบปียี่ห้อ "หลุยส์ วิตตอง" ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่น ที่ประสบความสำเร็จของโลก จนขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆทั้งอินเดีย อียิปต์ ยุโรป และอีกหลายประเทศ
ถูกซื้อกิจการ
ต่อมาในปี ค.ศ. 1977 (พ.ศ. 2520) ก็มีนักธุรกิจชาวฝรั่งเศสชื่อ "เฮนริ ราเมียร์" (Henri Racamier) ได้เข้ามาร่วมกิจการ และสามารถทำยอดขายได้สูงถึง 20 ล้านดอลลาร์ และเขยิบขึ้นไปเป็น 260 ล้านดอลลาร์ พอในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ.2530)
ก็สร้างยอดขายไปได้ถึงปีละกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ และภายในปีเดียวกันก็ได้ก่อตั้งกลุ่ม "LVMH" โดยร่วมมือกับ "Moet et Chandon" และ "Hennessy" ผู้ผลิตแชมเปญระดับโลกก็ได้รวมกับหลุยส์ วิตตอง
จนทุกวันนี้ "หลุยส์ วิตตอง" จึงเป็นหนึ่งในแบรนด์หรู ที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก และมีร้านค้าในเครือมากกว่า 5,000 ร้านค้าจากทั่วทุกมุมโลกจนถึงปัจจุบันนี้
ขอบคุณภาพต่างๆจาก : google, wikipedia