'โรคพุ่มพวง' โรคที่หลายคนเคยได้ยินแต่ไม่รู้ว่าคือโรคอะไร
ถือเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์จะไม่ต้องการมีโรคภัย
เพราะการมีโรคนั้นส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก
ทำให้สูญเสียทรัพย์ เสียเวลา รวมถึงหากมีอาการรุนแรง
โรคร้ายก็อาจจะถึงกับคร่าชีวิตของผู้ป่วยไปได้อีกด้วย
วันนี้เรามีเรื่องราวของโรคที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากอีกโรคหนึ่ง
นั่นคือโรคที่ชื่อว่า SLE หรือที่หลายคนคุ้นกันในชื่อว่า โรคพุ่มพวง
โรคนี้มีชื่อแบบทางการว่า 'ลูปัส อีริทีมาโตซัส ทั่วร่าง'
หรือ เอสแอลอี (systemic lupus erythematosus, SLE, lupus)
เป็นโรคภูมิต้านตนเองชนิดหนึ่ง เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ
จึงเข้าโจมตีเนื้อเยื่อปกติของร่างกาย ทำให้เกิดอาการป่วย
ผู้ป่วยอาจมีอาการได้หลายแบบ ตั้งแต่เล็กน้อยแทบไม่มีอาการ
ไปจนถึงรุนแรงอาจถึงแก่ชีวิต โดยอาการที่พบบ่อยได้แก่ ข้ออักเสบ มีไข้ เจ็บหน้าอก
ผมร่วง แผลในปาก ต่อมน้ำเหลืองโต อ่อนเพลีย และมีผื่นแดง ซึ่งมักพบที่บริเวณใบหน้า
ผู้ป่วยมักมีระยะที่อาการเป็นมาก อาจเรียกว่าระยะกำเริบ และระยะที่อาการเป็นน้อย เรียกว่าระยะสงบ
สาเหตุที่แท้จริงของเอสแอลอีนั้นยังไม่เป็นที่ทราบชัดเจน ปัจจุบันเชื่อว่า
เป็นผลจากหลายปัจจัยทั้งจากพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม ในแฝดไข่ใบเดียวกัน (แฝดเหมือน)
จะพบว่าหากคนหนึ่งป่วยเอสแอลอี อีกคนหนึ่งจะมีโอกาสสูงถึง 24% ที่จะเป็นโรคด้วย
ปัจจัยเสี่ยงที่พบว่าเพิ่มโอกาสการเป็นโรคได้แก่ ฮอร์โมนเพศหญิง แสงแดด
การสูบบุหรี่ ภาวะพร่องวิตามินดี และโรคติดเชื้อบางชนิด กลไกหลักที่ทำให้เกิดอาการของโรค
คือการเกิดแอนติบอดีต่อเนื้อเยื่อร่างกายตัวเอง เรียกว่า ออโตแอนดิบอดี
คนที่เสี่ยงเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองส่วนใหญ่ จะเป็นผู้หญิงอายุระหว่าง 20-45 ปี
และที่พบมากสุดจะอยู่ในช่วงอายุประมาณ 30 ปี แต่ก็สามารถพบได้ในทุกช่วงอายุ
และยังพบว่าผู้หญิงเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองมากกว่าผู้ชายถึง 9 เท่า
ส่วนสาเหตุที่คนไทยเรียกโรคนี้ว่า “โรคพุ่มพวง” เนื่องจากเป็นโรคที่ พุ่มพวง ดวงจันทร์
ศิลปินนักร้องลูกทุ่งชื่อดังของไทย ได้ป่วยและเสียชีวิตลงด้วยโรคนี้
โรคดังกล่าวจึงถูกเรียกกันอย่างติดปากว่าเป็นโรคพุ่มพวง