นี่คือ 5 สาเหตุที่ มนุษย์โลก ยังไม่เคยพบ 'มนุษย์ต่างดาว' หรือ 'ยานบินต่างดาว' เลยแม้แต่ครั้งเดียว
คงมีไม่กี่ประเทศที่อ้างว่ามีเทคโนโลยี่สุดล้ำ อย่างเช่นสหรัฐอเมริกา ที่บ่อยครั้งจะออกมาให้ข่าวว่าได้เผชิญหน้ากับวัตถุบินได้ลึกลับ เจอมนุษย์ต่างดาว เจอเอเลี่ยนจับตัวไปบ้างละ โดนจับตัวไปบ้างละ ฯลฯ แต่ในที่สุดก็ไม่มีการพิสูจน์ที่ชัดเจน ในภายหลังและถูกตีตกไป ข่าวเงียบ หรือกลายเป็นข่าวปลอม รวมถึง ทฤษฎีสมคบคิด ( conspiracy theory) ที่ถูกนำมาใช้แพร่หลายเป็นครั้งแรกในปี 1909 และกลายเป็นคำพูดติดปากในหมู่นักคิด นักวิชาการ จนถึงปัจจุบัน
โดยเป็นการสมรู้ร่วมคิดเกิดก่อเรื่องของความเชื่อ หรือการคิดและสรุปกันเอาเอง แต่อย่างน้อยยังเป็นการคิดแบบอาศัยหลักฐานและข้อมูล (แต่ก็มีข้อมูลทั้งที่จริงและไม่จริง) มาสนับสนุนบ้าง
นั่นอะไรอะ??
ซึ่งบางครั้ง หากมีข้อเท็จจริงก็เป็นข้อเท็จจริงปะปนอยู่เพียงเล็กน้อย สิ่งที่สามารถพิสูจน์หรือหักล้างได้ มีการศึกษาพบว่าสิ่งเหล่านี้ได้เชื่อมโยงความเชื่อในทฤษฎีสมคบคิดเข้ากับความไม่ไว้วางใจของผู้มีอำนาจและการแบ่งแยกเหยียดหยาม ทางการเมือง ในประเทศมหาอำนาจเป็นส่วนใหญ่ ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามเย็นเรื่อยมา และมีมากมาย
อย่างที่ฮิตเลอร์กล่าวไว้ว่า .....
“If you tell a big enough lie and tell it frequently enough, it will be believed”
.
“หากคุณโกหกในเรื่องที่ใหญ่มากพอ และโกหกบ่อยเพียงพอ เรื่องนั้นจะถูกเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง”
หนึ่งในหลายๆ เรื่องนั่นก็คือ การค้นพบ มนุษย์ต่างดาว และยานบินต่างดาว หรือ UFO
ภาพถ่ายติดวัตถุบินได้ปริศนาที่นิวเจอร์ซีย์, สหรัฐฯ ปี 1952
เรื่องราวนี้เริ่มต้นขึ้น ที่เมืองรอสเวลล์ รัฐนิวเม็กซิโก จากเหตุการณ์ประหลาดที่พบจานบินตกในเมืองรอสเวลล์ ในวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 1947 หลายคนเชื่อว่ากองทัพสหรัฐฯ ปิดบังประชาชนจากเหตุการณ์จานบินตก
โดยกองทัพอ้างว่า วัตถุบินได้เป็นเพียงบอลลูนตรวจสภาพอากาศเท่านั้น (เอะคุ้นๆ เหมือนจะมีข่าวไม่นานนี่เอง ) มันทำให้คนบางกลุ่มไม่เชื่อ พากันคิดว่ากองทัพอากาศได้ปกปิดข้อมูลและเก็บตัวอย่างชิ้นส่วนของยานรวมทั้งซากของมนุษย์ต่างดาวกลับไปยังฐานทัพ
หลังจากนั้นก็ปกปิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยการนำหลักฐานไปซ่อนและเขียนรายงานเกี่ยวกับสิ่งที่ค้นพบเสียใหม่ แม้ว่าเวลาจะผ่านมาหลายสิบปี ผู้คนที่สงสัยเรื่องนี้ก็พยายามหาความจริงกันต่อไป
รอสเวลล์ไดอารีเร็กเคิร์ด วันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1947 ประกาศการยึด "จานบิน"
จนมีการพาดหัวใหญ่ของหนังสือพิมพ์หลายๆ ฉบับจนกลายเป็นคำที่หลายคนเรียกติดปาก ก่อนที่ในเวลาต่อมา กองทัพอากาศของสหรัฐฯ จะนิยามศัพท์ให้วัตถุปริศนาบินได้เหล่านี้ว่า unidentified flying object หรือ UFO ตามมาด้วยยุคเฟื่องฟูของความเชื่อเรื่องสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกกำลังมาเยือนมนุษยชาติ
มาเข้าเรื่องว่าด้วย สาเหตุที่ มนุษย์โลก ยังไม่เคยพบ 'มนุษย์ต่างดาว' หรือ 'ยานบินต่างดาว' เลยแม้แต่ครั้งเดียว
1.นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮีบรูแห่งเยรูซาเลม ของอิสราเอล ได้ค้นพบแนวคิดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวเอาไว้ว่า เหตุที่เราไม่ได้รับการมาเยือนหรือแม้แต่ได้รับสัญญาณติดต่อสื่อสารจากเพื่อนร่วมเอกภพ เราเลยนั้น
เพราะอารยธรรมของมนุษย์โลก และเทคโนโลยีอยู่ในระดับชั้นต่ำเกินกว่าใครจะอยากมาเยือน อีกทั้งไร้สัญญาณที่บ่งบอกว่าสติปัญญาในขั้นที่จะทัดเทียมกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกนั่นเอง
ที่ผ่านมาสิ่งมีชีวิตนอกโลก ทรงภูมิปัญญาได้ทำการสำรวจระบบสุริยะและกาแล็กซีของเรามากมากมายแล้ว ได้รวดเร็วกว่ามนุษย์โลก พวกเขาอาจได้พบกับสิ่งมีชีวิตหลายชนิดก็ก็เป็นได้ แต่ก็ไม่มีเผ่าพันธุ์ใดที่ดูจะมีสติปัญญาในระดับที่น่าสนใจพอที่จะเสียเวลา เสียพลังงานไปเยื่อนถิ่นนั้นๆ
หากมนุษย์ต่างดาวมีจริงและทรงภูมิมากพอจะเดินทางมายังโลกของเรา เหตุใดมนุษยชาติจึงไม่เคยติดต่อหรือสนทนาอย่างเป็นทางการกับพวกมนุษย์ต่างดาวได้เลย ในหลายศตวรรษที่ผ่านมา
2. เซธ โชสแตค นักดาราศาสตร์อาวุโสของสถาบันเซติ ที่มุ่งทำความเข้าใจและอธิบายถึงต้นกำเนิดและธรรมชาติของชีวิตในจัรกวาล โดยเขามองว่า คำถามคือลักษณะของการติดต่อระหว่างมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตต่างดาว มีความเป็นไปได้สูงว่า สิ่งมีชีวิตต่างดาวที่มีเทคโนโลยีสูงล้ำกว่าจะติดต่อกับมนุษย์ด้วยการส่งสัญญาณมายังโลก มากกว่าการเดินทางมายังโลก ด้วยยานรูปทรงแปลกๆ (อย่างที่มนุษย์หลอกกันเอง) โดยตรง มาบินลั้นลาเพื่อจะเล่นซ่อนแอบกับมนุษย์โลกให้เสียเวลาทำไม เช่นเดียวกับมนุษย์โลกที่พยายามส่งสัญญาณติดต่อกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกนั่นและ
3. หากต้องการมาเยือนจริงต้องตั้งข้อส่งสัยไว้ก่อนว่า เขามาเพื่ออะไร มาเพื่อแลกเปลี่ยนอารยธรรม ศึกษาเทคโนโลยี หรือต้องสิ่งใดในโลกของเรา ถ้าจะแห่กันมาจริง สปีชีส์นอกโลกใดๆ ก็ตามที่สามารถเดินทางมาถึงโลกมนุษย์ได้ จะมีภูมิปัญญาขั้นสูงและมีอารมณ์ความรู้สึก มีวัฒนธรรมอย่างน้อยก็ไม่ต่างจากเรา ปานนี้ก็คงได่รับความร่วมมือจากสิ่งมีชีวิตต่างดาวไปนานแล้ว และโลกอาจเทคโนโลยีก้าวกระโดนไปในระดับที่สูงควอนตัม เทคโนโลยีสุดล้ำของเราเป็นไหนๆ
4. มาว่าด้วย ยานบินมนุษย์ต่างดาว กับ หลักอากาศพลศาสตร์ด้านการบิน บนชั้นบรรยากาศโลกอย่างสิ้นเชิง จริงๆ ก็เรียกว่า UFO ที่ย่อมาจาก Unidentified Flying Object ก็ถูกแล้วนะ ในความหมายกว้างที่สุดที่ได้มีการบรรยายไว้ มีความหายว่า สิ่งผิดปกติประจักษ์ชัดใดๆ ในท้องฟ้า หรือใกล้หรืออยู่บนพื้นดิน แต่สังเกตว่าบินร่อน ลงจอดหรือทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ซึ่งไม่สามารถระบุได้ในทันทีว่าเป็นวัตถุหรือปรากฏการณ์ใดๆ ที่ทราบจากการสังเกตด้วยตา และ - หรือ การใช้เครื่องมือช่วย เช่น เรดาร์
นี่ก็จาน นั้นก็จาน โน่นก็ใช่จาก ใดๆ ล้วนเป็นจาน
ใดๆ ล้วนเป็นจาน เห็นแล้วมันขัดกับหลักอากาศพลศาสตร์ ที่ต้องมีแรงที่กระทำต่อเครื่องบิน มีแรงที่กระทำต่อเครื่องบินอยู่ 4 แรงตลอดเวลา ขณะที่เครื่องบินกำลังบินอยู่ แรงทั้งสี่นั้น คือ 1 แรงยก , 2 แรงดึงดูดของโลก ( Gravity force or Weight ),3 แรงขับไปข้างหน้า (Thrust ), และ 4 แรงต้านทาน หรือแรงฉุด
และถ้ามองว่ามันบินผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลก มันก็ต้องมีสภาพคล้าย อุกกาบาต ที่ตกลงมาสู่ผิวโลกหรือผิวดาวเคราะห์แล้ว พอเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงประมาณ 40-70 กิโลเมตร/วินาที เกิดการ compression กับอากาศในชั้นบรรยากาศโลก ทำให้อากาศรอบๆ ลุกไหม้เป็นแสงสว่าง
หรือแม้ยานอวกาศของมนุษย์โลก ที่ทะยานผ่านชั้นบรรยากาศของโลกออกไป ก็เกิดการ compression เช่นกัน ที่ต้องสัมผัสกับอุณหภูมิสูงถึง 1,000 K
อีกทั้งบ้างคำกล่าวอ้างก็บอกว่า ยานบินนั้นๆ บินไปมาอย่างรวดเร็ว บินไปซ้าย-ขวา ซิกแซ็ก ไปมา สุดท้ายก็หายไปไร้ร่องรอย มีเพียงภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวระดับ 4 k ไว้ดูต่างหน้า
ซึ่งมันย้อนแย้งกับหลักอากาศพลศาสตร์ ถ้าบินแบบนั้นได้จริง มหาอำนาจโลกคงต้องแย้งชิงเทคโนโลยีนี้ มาครองให้ได้ก่อนใคร เพื่อนำมาผลิตเครื่องบิน ยานรบที่สุดล้ำเอามากๆ หักล้างกับการค้นพบของสองพี่น้องตระกูลไรท์ได้สร้างเครื่องบินลำแรกของโลกได้เป็นผลสำเร็จ ตั้งแต่นั้นมากิจการบินก็มีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้นจนกระทั่งทุกวันนี้อย่างสิ้นเชิง
5.และที่สำคัญมนุษย์ปัจจุบันยังไม่ได้ข้อพิสูจน์เรื่องมนุษย์ต่างดาว แต่ก็ยังมีจินตนาการภาพลักษณ์ของมนุษย์ต่างดาวที่ได้ในสื่อต่างๆ ทั้งภาพยนตร์ นิยาย การ์ตูน และ วิดีโอเกม นี่ยังไม่รวมการสร้างเรื่องเร้นลับอื่นๆ ที่นำมาผนวกมัดรวมเพื่ออวดภูมิความรู้ของมนุษยชาติในประเทศที่เจริญแล้วด้านเทคโนโลยี อันต่ำเตี้ยเรียดิน ของจักรวาลหรือเอกภพ
ในปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ ได้มีการเปลี่ยนมาใช้คำว่า “UAPs” มาจาก Unidentified Aerial Phenomena ที่มีความหายว่าปรากฏการณ์ทางอากาศที่ไม่สามารถอธิบายได้ เพื่อยกเลิกการเชื่อมโยงกับมนุษย์ต่างดาวหรือเอเลียนจากนิยายวิทยาศาสตร์ หรือทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ ที่มีอยู่ในตัวมนุษย์
คำนี้ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการศึกษาทางวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง ไม่หลอกลวงมากขึ้น เพื่อศึกษาปรากฏการณ์แปลกประหลาด ที่ไม่สามารถอธิบายได้ ให้มีข้อมูลที่กระจ่างมากยิ่งขึ้น และให้มนุษย์โลกอย่างเราๆ ได้คำตอบที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นไปอีก จบนะ
------------------------------------------------
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีสิ่งมีชีวิตนอกโลก ซึ่งสิ่งมีชีวิตนอกโลก นั้นได้ถูกกำหนดให้เป็นชีวิตที่ไม่ได้เกิดจากโลก หมายถึง สิ่งมีชีวิตนอกโลก หรือเรียกเพียงว่า มนุษย์ต่างดาว (หรือมนุษย์ต่างดาวในอวกาศเพื่อให้แตกต่างจากคำจำกัดความอื่น ๆ ของมนุษย์ต่างภิภพหรือมนุษย์ต่างดาว)
รูปแบบชีวิตเหล่านี้ตามสมมติฐานของชีวิตช่วงระยะเริ่มจากสิ่งมีชีวิตจำพวกแบคทีเรียขั้นพื้นฐานเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เรียบง่ายไปไกลจนถึงขั้นที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเกินกว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์ ความเป็นไปได้ว่ายังอาจจะมีไวรัส (viruses) ที่มีการดำรงชีวิตอยู่แบบสิ่งมีชีวิตนอกโลก
ภาพจากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด ของอุกกาบาตดาวอังคาร ที่มีรหัสว่า ALH84001 แสดงโครงสร้างที่นักวิทยาศาสตร์บางคนคิดว่าอาจจะเป็นฟอสซิลแบคทีเรียคล้ายรูปแบบของสิ่งมีชีวิต
ที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นหาโดยตรงสำหรับสัญญาณของชีวิต (biosignatures) ภายในระบบสุริยะ มีการดำเนินการศึกษาบนพื้นผิวของดาวอังคารและตรวจสอบอุกกาบาต (meteorites) ซึ่งได้ตกลงสู่พื้นผิวโลก มีการกล่าวอ้างบางอย่างถึงการที่มีพยานหลักฐานระบุว่ามีสิ่งมีชีวิตในระดับ "จุลชีพ" (microbial life) สามารถดำรงชีวิตอาศัยอยู่บนดาวอังคารได้
[Exclusive Content]