ห้ามเผาศพวันอังคาร วันศุกร์ วันพระ หากจำเป็นต้องเผา จะทำอย่างไร ?
คนโบราณ จะมีความเชื่อและถือเป็นคติสืบต่อกันมา เกี่ยวกับการเผาศพ คือห้ามเผาศพ วันอังคาร วันศกร์ และ วันพระ ความเชื่อเหล่านี้ เราในยุคปัจจุบัน คงไม่สามารถหาเหตุผลที่แท้จริงได้ แต่เราก็ไม่ปฏิเสธ ไม่ลบล้างหรือลบหลู่ความเชื่อเหล่านี้ ยังคงถือปฏิบัติอยู่บ้างบางท้องถิ่น
ปราชญ์ชาวบ้าน หรือผู้อาวุโสในท้องถิ่น ได้สรุปคร่าว ๆ ว่า ที่คนโบราณห้ามเผาศพวันอังคาร วันศุกร์ และวันพระ ด้วยเหตุผลดังนี้
วันอังคาร เป็นวันแรง เป็นวันแข็ง เพราะดาวอังคาร เป็นดาวแห่งเทพเจ้าของสงคราม คนโบราณกล่าวว่า วันแห่งเจ้าสงครามนี้ เหมาะแก่การออกรบ หรืองานที่ต้องใช้ความแข็งแกร่ง ความเด็ดขาดมากกว่า หากนำวันนี้ไปใช้แล้ว อาจจะมีการทะเลาะวิวาทกัน หรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นก็ได้ เพราะดาวอังคารยังจัดเป็นดาวแห่งอุบัติเหตุอีกด้วย
วันศุกร์ เพราะชื่อของวันศุกร์ ไปคล้องจองกับคำว่า สุข เมื่อเอาความสุขไปให้คนตาย เป็นการกระทำอันไม่เป็นมงคล ความทุกข์ทั้งหลายก็จะต้องตกมาถึงคนเป็น หรือผู้ที่กระทำการดังกล่าว อีกเหตุผลหนึ่งคือ ดาวศุกร์ เป็นดาวแห่งความรื่นเริง บันเทิงใจ ดาวสังคม และความรัก ซึ่งตรงกันข้ามกับความทุกข์ ความเศร้าโศกเสียใจ คนโบราณจึงห้ามเผาศพวันศุกร์
วันพระ โดยเฉพาะวันพระ 15 ค่ำ เป็นวันพระใหญ่ พระภิกษุทุกรูป ต้องลงอุโบสถ์ประชุมสวดพระปาติโมกข์กัน คือสวดทบทวนศีลของพระภิกษุ เพราะฉะนั้นเวลาจะเผาศพถ้าไปเผาตรงกับวันเวลาที่พระลงสวดปาติโมกข์ พระท่านจะไม่มาสวดบังสกุลให้ ฉะนั้นจึงงดเผาศพไปโดยปริยายในวันพระ
หากจำเป็นต้องเผาศพในวันใดวันหนึ่ง ใน 3 วันข้างต้น จะมีวิธีแก้อย่างไร ?
ปราชญ์ชาวบ้าน ท่านบอกว่า หากจำเป็นต้องเผาวันอังคาร หรือวันศุกร์ ต้องใช้กลวิธีแก้เคล็ด โดยให้ญาติ ๆ ของผู้ตายนำศพไปถึงบริเวณฌาปนสถาน (เมรุ) แล้วทำพิธีขุดหลุมเหมือนจะฝังศพ แล้วนิมนต์พระสงฆ์ 1 รูป (ที่เตรียมกันไว้) ให้มาขอบิณฑบาต ว่า โยม ถ้าจะฝังศพตรงนี้ น่าจะไม่เหมาะสม อาตมาขอบิณฑบาต ขอนำศพไปเผาได้ไหม แล้วผู้อาวุโสในที่นั้นก็จะกล่าวว่า เมื่อพระคุณเจ้าขอบิณฑบาต พวกเราจะขัดข้องไหม ถ้าไม่ขัดข้อง ขอให้ทุกคน กล่าว สาธุ แล้วทุกคนในที่นั้นก็กล่าวสาธุพร้อมกัน เป็นการแก้เคล็ด และไม่ขัดต่อข้อห้ามของคนโบราณ
ส่วนวันพระ ถ้าจำเป็นจะต้องเผาศพ ก็ให้ไปประสานกับพระก่อนล่วงหน้า จะได้ขยับเวลาไม่ให้ตรงกันกับเวลาพระสวดพระปาติโมกข์